@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร คุณสามี(กํามะลอ)ที่รัก วันที่ 13 ธ.ค 2555

อ่านละคร คุณสามี(กํามะลอ)ที่รัก วันที่ 13 ธ.ค 2555

พิมภาพยายามทำหน้าให้เป็นปกติแต่ภัทรพล พิมมาลา ภาณุวัฒน์ดูออกว่าพิมภาดูเขินนิดๆ ฤชวีหันมาเห็นภัทรพล ภาณุวัฒน์ พิมมาลามองอยู่ก็เสไปตักไข่ตุ๋นให้กับทุกคนด้วย ฤชวีตักกับข้าวพิมมาลามาทาน
“คุณแม่ครับ ผมไม่เคยทานผัดผักที่ไหนอร่อยขนาดนี้มาก่อน ไม่ใส่น้ำมันหอย ผงชูรสเลยใช่ไหมครับ”
“แม่ใช้แค่ซีอิ้วขาวจ๊ะ”
“ใช้เครื่องปรุงน้อย แต่เน้นกลิ่นและรสของผักหลายชนิด ผสมพริกหยวกลงไปทำให้มีกลิ่นหอมพิเศษ ไว้ผมต้องขอศึกษาสูตรของคุณแม่บ้างนะครับ”
“ถ้าต้นชอบ แม่จะสอนทำของโปรดของพิมให้ครบทุกอย่างเลยดีไหม”
ฤชวีมองพิมภายิ้มๆ

“ดีครับ เวลาผมทำจะได้ถูกปากคุณพิม”
พิมภาเจอสายตาฤชวีรู้สึกเหมือนโดนจู่โจมจนทำหน้าไม่ถูก
“เล่นเนียนเหลือเกินนะ” พิมภาบ่นกับตัวเองเบาๆ
ภาณุวัฒน์ ภัทรพล พิมมาลามองพิมภาอย่างยิ้มๆ พิมภาทำไม่รู้ไม่ชี้กินต่อ แต่สายตาก็คอยเหลือบมองฤชวีที่คุยยิ้ม หัวเราะกับพ่อแม่ ภัทรพล เทน้ำบริการให้อย่างไม่เคอะเขินดูฤชวีกลมกลืนมาก



คืนนั้นภัทรพลเดินออกมาที่ระเบียง กดเข้าWhat appsแล้วเข้าเลือกส่งคลิปวีดีโอ ภัทรพลถ่ายคลิปตัวเองแล้วพูดกับกล้องโทรศัพท์
“ภัทรพลคนน่ารัก รายงานตัวด้วยความคิดถึงครับผม อ๊ะๆ อย่าเบือนหน้าหนีนะครับ เพราะถึงผมจะไม่หล่อเหมือนคนอื่น แต่ผมจะไม่มีคนอื่นเหมือนคนหล่อ ฝันดีนะครับ คุณลัล”
ภัทรพลจัดการกดส่งคลิปวีดีโอ

ลัลนาหยิบมือถือขึ้นมาดูมองคลิปในมือถือแล้วกดวางมองโทรศัพท์
“เสร่อตัวพ่อจริงๆ”
ลัลนาวางโทรศัพท์อย่างสิ้นความสนใจแล้วหันไปนั่งคอมเม้นท์งานต่อ ภัทรพลยิ้มคิดว่าโดนใจแน่ๆ ภัทรพลหันกลับมาแล้วตกใจที่เห็นพิมภายืนตาขวางมองอยู่
“ไอ้พิม มายืนทำไมเงียบๆ ตกใจหมด”
“พี่ส่งคลิปวีดีโอให้ใคร”
“เรื่องของพี่น่ะ”
“ยัยลัลใช่ไหม พี่ภัทร พิมเตือนไว้ก่อนนะว่ายัยลัลมันงูพิษ อย่าไปยุ่งเด็ดขาด”
“ไอ้พิม แกกับคุณลัลทะเลาะกันมันก็เรื่องของแก แต่แกกับฉันมันคนละคนกัน ฉันไม่เคยยุ่งกับการตัดสินใจของแก ดังนั้น...”
“ฉันไม่ยุ่งกับการตัดสินใจของพี่ก็ได้ ชีวิตใครชีวิตมัน ฉันไม่บังคับ แต่จำไว้ว่าฉันเตือนพี่แล้วนะถ้าพี่ไม่เลิกสักวันพี่จะเสียใจ”
ภัทรพลโยกหัวพิมภาเบาๆ

“แกเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะน่า ก่อนจะยุ่งเรื่องคนอื่นเขาน่ะ"
พิมภาเดินหงุดหงิดเข้ามาในห้อง แล้วชะงักที่เห็นฤชวีเดินออกมาจากห้องน้ำ ฤชวียิ้มให้ พิมภาจึงหงุดหงิดใส่
“นายนี่เล่นซะเนียนเลยนะ ทำตัวกลมกลืนอย่างกับเป็นลูกเขยจริงๆ”
“ก็ต้องทำคะแนนกันหน่อยครับ” พิมภาสะดุดหู
“หมายความว่ายังไง”
ฤชวีนึกได้ว่าหลุดปาก
“ก็สักวันผมก็ต้องไปเป็นสามีใครสักคน ฝึกทำคะแนนไว้ก่อนก็ดีไม่ใช่เหรอครับ แล้วที่บริษัทเป็นยังไงบ้างครับ” ฤชวีรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ยัยลัล คู่แข่งฉันทำเรื่องให้มันยุ่งไปอีก ตอนนี้ฉันต้องสืบหาตัวการที่สร้างเรื่องนี้ใส่ร้ายฉัน แต่มันน่าปวดหัวตรงที่มาร์เก็ตติ้งเมเนเจอร์คนใหม่ที่มาเป็นหัวหน้าดูจะไม่ค่อยชอบหน้าฉันน่ะสิ ขี้เก๊กชะมัด คงคิดว่าตัวเองเจ๋งมาก ยัยแนนบอกกว่าอายุยังน้อยแต่เป็นอัจฉริยะ คุณสุ ผู้บริหารบริษัทฉันซื้อตัวมาจากนิวยอร์คเลยนะ ฉันต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้ พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าฉันมีฝีมือ”
“คุณพิมต้องทำได้แน่ครับ” ฤชวีบลอกพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูส่งให้ “คุณพิม อาบน้ำเถอะครับผมเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว”
พิมภาหยิบชุดนอนกับผ้าขนหนูเข้าไปในห้องน้ำ ฤชวีมองตามยิ้มๆ

พิมภาเข้ามาในห้องน้ำพาดผ้าเช็ดตัวแล้วหันไปมองอ่างน้ำที่รองน้ำไว้เต็ม พิมภาเอามือลองวักน้ำดู
“อุ่นดีแหะ”
พิมภาเดินมาที่หน้ากระจกจะรวบผมโพกผ้าเพื่อแช่น้ำ สายตาพิมภาเห็นแปรงสีฟันมียาสีฟันบีบไว้ให้เรียบร้อยแล้ววางอยู่พิมภาหยิบมาดู
“ที่ว่าเตรียมน่ะขนาดนี้เลยเหรอ”
พิมภาจัดการแปรงฟัน รู้สึกว่าสบายดีจัง

พิมภาเดินออกจากห้องน้ำในชุดนอนที่มิดชิด แล้วชะงักที่เห็นฤชวีกำลังสวดมนต์อยู่ตรงหมอนที่วางอยู่ชิดประตูระเบียง ฤชวีกราบหมอนเสร็จหันมาเห็นพิมภาก็ยิ้ม
“พรุ่งนี้เช้าคุณพิมอยากทานอะไรครับ”
“อะไรก็ได้ที่เร็ว ไม่อ้วน”
“งั้นเป็นข้าวต้มถ้วยเล็กๆ นะครับ อาหารเช้าควรจะห้าหมู่นะครับ”
“อือ”
ฤชวีมองพิมภาที่หวีผม ตาปรอยเหมือนโดนสะกด พิมภาหันมา ฤชวีที่มองเพลินๆ ตกใจ
“เอ่อ ราตรีสวัสดิ์ครับ”
ฤชวีล้มตัวลงนอนหันหลังกลบเกลื่อนพิรุธ พิมภาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าห่มออกมาแล้วเดินไปยื่นให้
“นายต้น”
ฤชวีเด้งตัวขึ้นมาเห็นผ้าห่มในมือพิมภา
“ขอบคุณครับ”
“ห่มซะ เดี๋ยวนายไม่สบายจะมาลำบากฉันอีก”
“ครับ”
พิมภาเดินไปที่เตียงเตรียมจะล้มตัวลงนอน ฤชวีจะนอนบ้าง เสียงเคาะประตูดัง พิมภากับฤชวีตกใจต่างคนต่างเด้งตัวขึ้นมา
“ยัยพิม พิม เปิดประตูให้แม่หน่อยลูก”
พิมภาจะลุกไปเปิด ฤชวีรีบวิ่งมา
“อย่าเพิ่ง”
พิมภาชะงักมองว่าทำไม ฤชวีรีบวิ่งไปหยิบหมอนกับผ้าห่มตัวเองไปซุกในตู้อย่างรีบเร่ง
“ยัยพิม”
พิมภารีบดึงมือฤชวีมาที่เตียง
“นอนบนนี้ นอน”
ฤชวีรีบขึ้นนั่งบนเตียงนอนเนียนๆ พิมภามองไปรอบๆ แล้วตั้งสติก่อนจะเดินไปเปิดประตู พิมมาลาเดินเข้ามา ภาณุวัฒน์ตามเข้ามาด้วย ทั้งคู่มองฤชวีที่นอนบนเตียงยิ้มๆ
“จะนอนแล้วใช่ไหม”
“ครับคุณแม่”
“แม่เอานมอุ่นๆ มาให้เราสองคน ดื่มซะหน่อยนะจะได้นอนหลับสบาย”
“ครับ”
พิมภาหยิบแก้วนมส่งให้ฤชวี พิมภาก็รับมาดื่ม
“บำรุงไว้เยอะๆ น่ะดี พ่อจะได้มีหลานสักที”
ฤชวีกับกับพิมภาต่างคนต่างสำลัก
“พ่อก็ ลูกเขินกันหมดแล้วเห็นมั้ย”
ฤชวีกับพิมภาคืนแก้วให้กับพิมมาลา
“ถ้างั้นก็นอนเถอะนะ พ่อไม่กวนแล้ว”
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลายอมออกไป ฤชวีกับพิมภาถอนใจโล่งอก ฤชวีลุกจะไปเปิดตู้หยิบผ้าห่ม พิมภากำลังจะไปล็อคประตูแต่พิมมาลาเปิดประตูผัวะเข้ามา ฤชวีตกใจรีบปิดประตูตู้แทบไม่ทัน
“มีอะไรเหรอคะแม่”
“แม่จะถามว่าตอนเช้าอยากทานอะไร”
“เดี๋ยวต้นจะจัดการให้พิมค่ะแม่”

“เหรอจ๊ะ ก็ดีนะ งั้นราตรีสวัสดิ์นะจ๊ะ”
พิมมาลาปิดประตู
“เอ วันนี้พ่อกับแม่สวนสนามกันไปมาทำไมเนี่ย”
“ผมรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่คุณกำลังจับผิดเราอยู่” พิมภาหน้าเครียด
“แต่คืนนี้คงไม่เข้ามาแล้วล่ะครับ พักผ่อนเถอะ” ฤชวีปลอบแล้วเดินไปเปิดตู้หยิบผ้าห่มกับหมอนออกมาจะไปนอนที่เดิม
“เดี๋ยว!นายมานอนตรงข้างเตียงก็แล้วกันเผื่อมีอะไรอีก”
“แต่คุณจะไม่สบายใจนะครับ”
“ก็ถ้านายคิดจะทำอะไรฉัน” พิมภาหยิบกรรไกรเล็กๆ ขึ้นมา “ นายตัวเป็นรูแน่”
ฤชวีมองยิ้มๆ แล้วเดินมาวางหมอน ผ้าห่มที่ข้างเตียง
“ขอบคุณนะครับที่ไว้ใจผม”
พิมภาฟอร์มไม่รู้ไม่ชี้ ล้มตัวลงนอน ฤชวีมองๆ แล้วล้มตัวลงยิ้มดีใจที่เขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด

วันต่อมาที่ห้องทำงานกิ่งแก้ว กิ่งแก้วกับมิ้นท์นั่งรอฤชวีอย่างกระวนกระวาย
“พี่ต้นหายเงียบไปเลย ไม่รู้กลับไปกับคุณพิมแล้วจะเป็นยังไงบ้าง” ฤชวีเดินเข้ามา มิ้นท์เข้าไปหาทันที “พี่ต้น เป็นยังไงบ้างพี่”
“เคลียร์กับคุณพิมลงตัวหรือยัง”
ฤชวียิ้มมีความสุขจนมิ้นท์กับกิ่งแก้วยิ่งอยากรู้

ขณะนั้นพิมภานั่งตรงหน้าสุกัญญา
“เป็นไกด์เหรอคะ” พิมภาทำหน้าแปลกใจ
“ที่จริงก็คือเป็นผู้ช่วยในการให้ข้อมูลแนะนำทุกอย่างในบริษัท”
“แนะนำใครคะ”
ตรีวิญเข้ามา พิมภาหันมอง
“คุณตรีวิญอยากจะไปชมโรงงาน ขบวนการผลิตของเราทั้งหมด พี่คิดว่าคุณจะให้ข้อมูลเรื่องของบริษัทเราได้ดีที่สุด”
พิมภาดีใจที่ได้รับความไว้ใจ
“ยินดีค่ะ”
ตรีวิญมองอย่างพอใจ

ส่วนที่ห้องทำงานกิ่งแก้ว มิ้นท์จับฤชวีเขย่า
“พี่ต้นตื่นเถอะพี่ ทำแบบนี้ไม่เวิร์คหรอก ใจไปรักเขาก่อนแล้วด้วย เวลาเจ็บมันหนักนะ”
“แต่ต้นเขาเผื่อใจไว้แล้วกับเรื่องนี้ จริงไหม”
“ก็ไม่เคยโกหกตัวเองแต่ไม่ปฏิเสธว่ามีความหวังนะ วันนี้ต้นอาจจะเป็นแค่สามีกำมะลอ แต่ต้นจะเปลี่ยนจากตัวหลอกเป็นตัวจริงในสักวัน” ฤชวีบอกอย่างมั่นใจ
“ไม่ได้นะพี่ต้น พี่จะใช้กำลังข่มเหงคุณพิมไม่ได้นะ มิ้นท์ไม่ยอม” มิ้นท์โวย
“พี่จะทำให้คุณพิมยอมรับพี่ด้วยใจต่างหาก”
“งั้นก็ลุยไปเลย กิ่งกับมิ้นท์จะอาใจช่วยใช่มั้ยมิ้นท์”
“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”
ฤชวีมีสีหน้ามุ่งมั่นมาก

พิมภาเดินออกมาหน้าออฟฟิศเพื่อจะเดินไปที่รถ
“โรงงานของเราอยู่ที่บางนาค่ะ”
พิมภาเดินพูดกับตรีวิญไม่เห็นว่ามีรถกำลังแล่นเข้ามาจากด้านหลัง ตรีวิญรีบโอบพิมภาเข้ามาเพื่อหลบรถ พิมภาอยู่ในอ้อมแขนตรีวิญ พิมภาเหลือบมองตรีวิญ สายตาประสานกัน ต่างคนต่างอึ้งไป

พิมภาพาตรีวิญเดินไปในโรงงานเห็นการทำงานของห้องต่างๆ แต่พิมพาพาตรีวิญเดินผ่านไป ตรีวิญแสดงอาการแปลกใจ


“ฉันคิดว่าคุณตรีวิญคงทราบข้อมูลเกี่ยวกับสายการผลิตที่ได้มาตรฐานสากลของNaree เป็นอย่างดีอยู่แล้ว”
พิมภามั่นใจกับสิ่งที่กำลังจะนำเสนอ ตรีวิญมองหน้าพิมภาอย่างสนใจว่าพิมภาจะมีอะไรนำเสนอ
“ครับ ผมอยากรู้เรื่องการรักษาปัญหาผิวด้วยแนวแพทย์แบบสมุทัย ที่ Naree นำมาใช้”
พิมภามองตรีวิญอย่างชื่นชมเหมือนคิดไม่ผิดเลยว่าตรีวิญต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
“พิมนึกอยู่แล้วว่าคุณตรีวิญน่าจะสนใจเรื่องนี้ นักวิชาการของเราพร้อมอยู่แล้วค่ะ”
พิมภาเดินนำทางตรีวิญไป ตรีวิญมองตามพิมภาด้วยสายตาสนใจ

พิมภาพาตรีวิญเข้ามาในห้องประชุมที่มีนักวิชาการของบริษัทนั่งรออยู่แล้ว
“นี่คือนักวิชาการด้านสมุทัยเวชศาสตร์ของเราค่ะ หรือ Functional Medicine...นี่คุณตรีวิญ Marketing Manager คนใหม่ของเราค่ะ”
ตรีวิญทักทายนักวิชาการของนารี อย่างสุภาพ
“เท่าที่ผมทราบ สมุทัยเวชศาสตร์คือการย้อนกระบวนการที่ทำให้ร่างกายเสียสมดุลจนเกิดเป็นโรคเรื้อรัง”
“ใช่ค่ะ เป็นการเข้าให้ถึงต้นเหตุของอาการป่วย เราต้องแยกระหว่างการบำรุงและการรักษานะคะ ผิวที่ป่วย บำรุงยังไงก็ไม่สวยสมบูรณ์แบบ เราต้องทำให้ผิวหายป่วยก่อนค่ะ”
ตรีวิญพึงพอใจกับคำตอบของพิมภาแต่เก็บอาการไว้พองาม
“ว่าต่อไปสิครับ”
“เราทดลองใช้หลักการเดียวกันเข้าให้ถึงปัญหาของผิวค่ะ ซึ่งถ้าประสบความสำเร็จ เราจะนำมาใช้กับเครื่องสำอางอื่นๆ ของ Naree ด้วย”
พิมภาร่วมกับนักวิชาการอธิบายถึงรายละเอียดต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว
พิมภานำภาพขั้นตอนการทดสอบกับอาสาสมัครเปิดให้ตรีวิญดูด้วยไอแพท
พิมภาช่วยนักวิชาการอธิบายตรีวิญเป็นระยะๆ
ตรีวิญพึงพอใจกับการทดลองที่นักวิชาการแสดงให้ดู
ตรีวิญมองพิมภาอย่างชื่นชมในใจ

ส่วนที่บริษัทนารี ซูซี่เอียงซ้าย เอียงขวา โชว์เหนียงให้สาวๆ ใหญ่รุมดูอย่างตื่นเต้น
“เป็นไง เป๊ะเวอร์ ใช่มะ”
“มาก”
“ถามตรงๆ เลยนะเจ๊”
สาวใหญ่จับหน้าซูซี่หมุนซ้ายหมุนขวา
“เจ๊เอาเหนียงไปซ่อนไว้ที่ไหน บอกมานะ”
“มันเป็นศิลปะบนใบหน้า หลักการง่ายๆ แค่ซ่อนริ้วรอยไว้อย่าให้ใครหาเจอ ขอต้อนรับสู่ยุคของการร้อยไหม”
“ร้อยไหม”
“เจ็บมั๊ยอะเจ๊”
“เจ็บก็ทน ช้ำก็ต้องทน เคยได้ยินมั้ย เพราะว่ามันคุ้มกับความเป๊ะเวอร์”
ลัลนาที่ยืนฟังอยู่นานทนไม่ไหว
“เป๊ะเท่าลัลได้มะ” ลัลนาจับหน้าซูซี่ดู “หน้าตึง มือเหี่ยว คอย่น แถมแขนยังมีผังผืด” ลัลนาจับแขนซูซี่โบกไปมาเพื่อให้เห็นท้องแขนที่โบกสะบัดได้ “แล้วหน้าจะตึงไปเพื่อ...” ลัลนาหันมาเหวี่ยงบรรดาสาวใหญ่ “อยากร้อยกันนักใช่มั้ยคะ มาค่ะ ต่อแถวมาเลยลัลร้อยให้รับรองเก็บริมเม้มขอบให้อย่างดีเอามั๊ยค่ะ แล้วจะได้ปล่อยพี่ซูซี่ไปทำงานซะที”
บรรดาสาวใหญ่เห็นลัลนาเริ่มของขึ้น จึงค่อยๆ ถอยตัวเอาตัวรอดไป ลัลนาหันมาหาซูซี่ ซูซี่หน้าจ๋อย
“พี่ซูซี่ค้า ตอนนี้เราต้องรีบจัดการไอ้ตัวการที่มันทำลายชื่อเสียงของบริษัทของเรานะคะ”
“พี่รู้ค่ะแต่พี่จัดการอะไรไม่ได้เต็มที่ถ้าหน้าพี่มีรอยเหี่ยวย่นนี่ค้า”
“ก็เลยเอาเวลางานไปร้อยไหมดึงหน้า แถมยังกล้ามาอวดชาวบ้านเค้าอีก เอ๊ะนั่น” ลัลนาจับหน้าซูซี่มาดู “หมอลืมเก็บริมด้ายนี่ค่ะ”
“ว้าย ตายจริง”
ซูซี่ตกใจนึกว่าไหมโผล่จริงๆ

ซูซี่ประคองหน้ามาเหมือนกับว่ากลัวหน้าจะโย้จริง
“น้องลัลเนี่ยใจร้ายนักนะคะ หน้าพี่มีไหมแพลมจริงรึเปล่าก็ไม่รู้”
“แพลมจริงก็ให้หมอเก็บเม้มเย็บริมให้สิคะ หมอพี่ซูซี่เก่งไม่ใช่เหรอคะ แต่ต้องหลังจากที่เสร็จงานของเราก่อน” ลัลนาพาซูซี่มาหยุดที่หน้าห้องวิจัย “ยายพิม ไม่ว่าเธอจะไปลั้นลาอยู่ที่ไหน ขอให้รู้ไว้ว่า ลัลนากำลังจะลงมือปฎิบัติการ”

พิมภาเดินนำตรีวิญออกมาที่หน้าโรงงาน ตรีวิญพึงพอใจกับการนำชมโรงงานของพิมภาวันนี้
“คุณพิมช่วยนำข้อมูลของสมุทัยเวชศาสตร์มาให้ผมศึกษาอีกทีนะครับ โครงการนี้ใครเป็นคนเริ่มเหรอครับ”
“นักวิชาการของเรากับพิมค่ะ” ตรีวิญแปลกใจ “พิมเคยป่วยเป็นภูมิแพ้เรื้อรังค่ะ พอป่วยมากๆ ก็เริ่มมีปัญหากับการทำงาน พิมไม่อยากให้อาการป่วยมาทำให้พิมทำงานได้ไม่เต็มที่น่ะค่ะ ก็เลยลองไปหาหมอสมุทัยหาต้นเหตุที่ทำให้ป่วยเพื่อรักษาให้ตรงจุด แล้วก็เลยเกิดไอเดียว่าน่าจะนำแนวคิดมาใช้กับผลิตภัณฑ์ของเรา”
“เป็นความคิดที่ดีมากครับคุณพิม” ตรีวิญชมด้วยน้ำเสียงชื่นชมที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป แต่ก็มากพอที่จะทำให้พิมภาหัวใจพองโต “เที่ยงแล้ว ผมเป็นเจ้ามือมื้อกลางวันให้นะครับ เป็นการขอบคุณที่คุณพิมเป็นวิทยากรให้ผมทั้งวัน”
“จะดีเหรอคะ” โทรศัพท์มือถือพิมภาดัง เห็นว่าเป็นฤชวีโทรเข้ามา “ขอตัวซักครู่นะคะ”

พิมภาเดินแยกตัวไป ตรีวิญมองตาม
พิมภากดรับโทรศัพท์หงุดหงิดนิดๆ


“คุณต้น คุณมีอะไร”
พิมภาหันไปมองตรีวิญที่รออยู่ไกลๆ อย่างกังวล
“คุณทานข้าวกลางวันหรือยังครับ”
“ยัง โทรมาเพื่อถามแค่นี้เหรอ ฉันต้องมารับโทรศัพท์ฟังคำถามไม่มีสาระจากคุณ มันเสียเวลาฉัน ที่จะต้องมานั่งตอบคำถามแบบนี้”
“แยกไม่ออกเหรอครับว่า มันไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่มันเป็นการแสดงความเป็นห่วง”
พิมภาชะงักไปนิดนึงที่ ฤชวีเป็นห่วง
“คุณจะห่วงฉันเรื่องอะไร”
“ก็วันนี้คุณได้รับ...”
“รับ รับอะไร”
“ช่างมันเถอะครับรู้แค่ผมเป็นห่วงก็พอ ไปทานข้าวกลางวันเถอะครับ”
พิมภางงที่ฤชวีเลิกลาแค่นี้ เลยถือโอกาสกวนต่อ
“แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าฉันจะไปทานข้าวกับใคร”
“ในละครที่ผมเขียน ถ้านางเอกถามพระเอกว่า..” ฤชวีทำเสียงเลียนแบบพิมภา “ไม่อยากรู้เหรอว่าฉันไปทานข้าวกับใคร”....แปลว่า นางเอกต้องการให้พระเอกหึงนะครับ” พิมภาอึ้งอ้าปากค้าง ชี้หน้าตัวเอง พูดแบบไม่มีเสียงแบบด่าตัวเองว่าไปชงให้เค้าย้อนทำไม “แต่ในความเป็นจริง คุณจะไปทานข้าวกับใครมันก็สิทธิ์ของคุณ เพราะผมมันก็แค่สามีกำมะลอ” พิมภาอึ้ง “แค่นี้นะครับคุณพิม”
ฤชวีวางสาย พิมภาอึ้ง งงๆ สับสนกับตัวเอง
“โทรมาแสดงความเป็นห่วงชั้น”พิมภายิ้ม “แล้วก็กวนประสาทชั้นด้วย”
พิมภาโกรธ แล้วพิมภาก็หน้าเสียทรงปรับอารมณ์ตัวเองไม่ถูกว่าควรจะยิ้มปลื้มที่ฤชวีแสดงความเป็นห่วงดี หรือว่าควรจะโกรธที่ฤชวีกวนประสาทดี ตรีวิญเห็นว่าพิมภาปลีกตัวมานานแล้ว เลยเดินเข้ามาดู
“คุณพิม เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
พิมภาพยายามปรับรูปหน้าให้เข้าที่
“เปล่านิคะ”
“ก็คุณ” ตรีวิญลังเลไม่รู้ว่าควรพูดดีมั๊ย “เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวหน้าบึ้ง” พิมภาจับหน้าตัวเอง กังวลว่าทำจริงมั๊ย “คุณพิมไม่สบายรึเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ”
พิมภาหน้าแหยๆ ที่เสียหน้าต่อหน้าตรีวิญ เลยพาลนึกโกรธฤชวีตัวต้นเหตุ

ฤชวีวางสายจากพิมภา เห็นว่ามิ้นท์นั่งอยู่ในห้องฟังฤชวีคุยกับพิมภาอยู่ตั้งนานแล้ว
“พี่พิมนี่เค้าก็เฮี้ยว เปรี้ยว ซ่า ใช่ย่อยนะเนี่ย”
“ก็เยอะอยู่”
“แต่พี่ต้นก็เอาอยู่ และท่าทางจะชอบด้วย แบบนี้มันเข้าตำรา ยิ่งเหวี่ยงยิ่งรักนะเนี่ย” ฤชวีอมยิ้มเขินๆ “แล้วนี่นัดมิ้นท์มาดูพี่สำเร็จโทษพี่พิมแค่นี้น่ะเหรอ”
“พี่จะให้มิ้นท์ช่วยออกแบบปกนิยายเรื่องใหม่ ส่วนคุณพิมพี่แค่โทรไปเช็กอะไรนิดหน่อย”
“เช็กอะไรนิดหน่อย อะแน่ จะเช็กว่าหัวใจพี่ต้นที่ฝากไว้กับเค้า ยังอยู่ดีอยู่มั้ย ใช่ป่ะ”
“มิ้นท์สนใจเป็นนักเขียนหน้าใหม่ของสำนักพิมพ์นี้มั้ย พี่จะบอกกิ่งให้”
“ไม่ดีกว่า มิ้นท์ไม่อยากดับอนาคตพี่ต้น แล้วพี่ต้นโทรไปทำไม”
“พี่แค่อยากเช็กว่าข้อมูลถึงมือเค้ารึยัง”
“ข้อมูลอะไรพี่”
“ข้อมูลที่มันจะทำให้เค้าพ้นจากความยุ่งยาก”
ฤชวีพูดแค่นั้นไม่อธิบายอะไรเพิ่ม

พิมภาเดินหงุดหงิดไม่พอใจตัวเองกลับมาหาตรีวิญ
“นี่ฉันอ่อนแอถึงขนาดรู้สึกดีมากเวลามีใครมาบอกว่าเป็นห่วงตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่นะไม่ โดยเฉพาะกับนายนั่น มันเป็นแค่การแสดง”
ตรีวิญเห็นพิมภาเดินบ่นคนเดียวก็รู้สึกแปลกใจไม่คิดว่าพิมภาที่รักษาภาพมาตลอดจะมีอาการนี้ ตรีวิญแอบอมยิ้ม แต่เก็บสีหน้า
“ใครแสดงอะไรเหรอครับคุณพิม”
พิมภาตกใจ
“เปล่าค่ะ”
“ตกลงคุณพิมสะดวกไปทานข้าวกับผมหรือเปล่าครับ”

พิมภามองตรีวิญอย่างลังเล
พิมภานั่งอยู่ตรงข้ามตรีวิญในร้านอาหารแห่งหนึ่ง


“ทานอะไรดีครับคุณพิม”
“แล้วแต่คุณตรีวิญเลยค่ะ”
“ขอเมนูอาหารไทยด้วยครับ” ตรีวิญหันไปบอกบริกร บริกรนำเมนูมาให้ตรีวิญ ตรีวิญสั่งอาหารไทยสองสามอย่าง “ผมขอ ต้มข่าไก่ ยำยอดมะพร้าวอ่อนกุ้งสด”
พิมภาเก็บข้อมูลจากอาหารที่ตรีวิญสั่ง
“ทอดมันหน่อกะลาของที่นี่ก็อร่อยนะคะ”

อ่านละคร คุณสามี(กํามะลอ)ที่รัก วันที่ 13 ธ.ค 2555

ละคร คุณสามี(กํามะลอ)ที่รัก บทประพันธ์โดย ปัณณพร
ละคร คุณสามี(กํามะลอ)ที่รัก บทโทรทัศน์โดย สองปุณณณฐ
ละคร คุณสามี(กํามะลอ)ที่รัก กำกับการแสดงโดย เมธี เจริญพงศ์
ละคร คุณสามี(กํามะลอ)ที่รัก ผลิตโดย บ.เมกเกร์ เจ กรุ๊ป จำกัด(โดยคุณนก จริยา แอนโฟเน)
ติดตามชมละคร คุณสามี(กํามะลอ)ที่รักได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา manage