@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์[2] วันที่ 20 ธ.ค. 55

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์[2] วันที่ 20 ธ.ค. 55

ภายในห้องแลปเนติเทคฯ แพรไพลินเพ่งมองภาพวิเคราะห์ของศพผู้กองคราม เข้าคำนวณในโปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟิก ภาพ 3D จำลองร่างของครามปรากฏบนจอ และมีภาพแสดงทิศทางของกระสุน
แพรไพลินเพ่งมองไปยังหน้าจอคอมฯ คล้ายกำลังค้นพบความจริงบางอย่าง เธอชะงักนิดหนึ่งในทันที เพราะเห็นเงาสะท้อนในจอคอมฯ
แพรไพลินหันขวับเข้ามากระชากล็อกตัวไว้...
“คุณ ผมเอง!”
“รู้แล้ว”

“เอ๊า...รู้แล้วยังมาล็อกตัวอีก ดูสิ สร้อยผมเกือบขาดเลย”
แสงกล้าดึงสายสร้อยออกมาดู แพรไพลินมองเห็นเป็นสร้อยพระ



“รู้ว่าเป็นพี่ยังจะมาทำร้าย ใจร้ายใจดำจริงจริ๊งน้องแพร”
“ทะลึ่งอีกแล้ว ถ้าจะทะลึ่งแบบนี้มาทางไหนออกไปทางนั้นเลย”
“โอเค คุณคือ ดอกเตอร์แพรไพลิน”
“นี่มันเขตหวงห้าม เข้ามาได้ยังไง”
“หวงห้ามซะที่ไหน กุ๊บกิ๊บเป็นคนเปิดประตูให้ผม”
“อ๋อ...แฟนช่วย”
“ผมน่ะเป็นแฟนกุ๊บกิ๊บ แต่กุ๊บกิ๊บไม่ใช่แฟนผม”
แสงกล้าแกล้งหน้านิ่งสีหน้าจริงจังถามต่อ
“แล้วคุณอยากรู้มั้ยว่าใครเป็นแฟนผม”
แพรไพลินเห็นแววตาของแสงกล้าแล้วชะงัก รีบเปลี่ยนเรื่องพูดทันที
“ฉันจะทำงาน”
แพรไพลินเดินกลับไปที่โต๊ะคอมฯ แสงกล้าเดินตามเข้ามามอง
“พบสิ่งผิดปกติในคดีนี้แล้วใช่มั้ย”
แพรไพลินเปิดภาพให้แสงกล้าดู...
“ตามทฤษฎีคราบเลือด ฉันพบความผิดปกติในการกระจายของคราบเลือด คราบเลือดที่ติดเสื้อผ้า บนพื้น และที่มือของผู้กองคราม ผิดธรรมชาติ”
แสงกล้ามองภาพในจอคอมพิวเตอร์ประกอบการเล่าของแพรไพลิน ในจอปรากฏเป็นภาพกราฟิกทันสมัยมาก ตามคำบรรยายของแพรไพลิน
“ทิศทางการกระจายของเลือด หมือนผู้กองครามไม่ได้เป็นคนถือปืนยิงหัวตัวเอง”
ร.ต.ต.แสงกล้า อภิไชยชะงักนิดหนึ่ง สีหน้าครุ่นคิดตามคำพูดของแพรไพลิน
“ผลการตรวจเขม่าดินปืนเป็นยังไงบ้าง”
แพรไพลินพรมนิ้วรัวบนคีย์บอร์ด หน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงผลต่อหน้าแสงกล้า
“เขม่าดินปืนยิ่งยืนยันความผิดปกติ เขม่าดินปืนบนหลังมือของผู้กองครามน้อยกว่าที่ฝ่ามือ ซึ่งแสดงว่าผู้กองไม่ได้กำปืนกระบอกนั้นเพื่อยิงตัวเอง"
แพรไพลินกดปุ่มเปลี่ยนภาพบนหน้าจอ ปรากฏภาพถ่ายศพผู้กองครามในที่เกิดเหตุ
“รูปนี้ถ่ายจากที่เกิดเหตุ ผู้กองครามกำปืนอยู่ในมือตลอดเวลา”
แพรไพลินรัวนิ้วลงบนคีย์บอร์ดอีกครั้ง ปรากฏผลวิจัยต่าง ๆ มากมาย
“จากผลวิจัย และประวัติการตรวจสอบศพในคดีฆาตกรรมใกล้เคียงกัน ถ้าผู้ตายยิงขมับตัวเอง กระสุนจะเจาะทำลายแกนสมอง ปืนจะต้องร่วงตกพื้นไม่ใช่อยู่ในมือผู้ตาย"
“สรุปว่าผู้กองครามถูกฆาตกรรม”
“ยังสรุปไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉันต้องหาหลักฐานแวดล้อมอื่น ๆ ประกอบ”
แสงกล้า ยิ้มๆบอก
“เก่งสมเป็นดอกเตอร์แพรไพลิน เก่งแบบนี้ต้องให้รางวัล”
“รางวัล?”
แสงกล้ายื่นถุงกระดาษแมคโดนัลด์ใบเขื่องมาที่หน้าแพรไพลิน เธอมองถุงแล้วเงยหน้ามองแสงกล้าแบบงง ๆ

เวลากลางคืน ภายในโรงอาหารของเนติเทคฯ ที่ไม่มีคนอยู่แล้ว แสงกล้ายืนอยู่กับแพรไพลินที่โต๊ะยาวด้านหนึ่ง เขายกเก้าอี้ลงมาวางสองตัวแล้วผายมือให้แพรไพลินนั่ง
“กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เชิญนั่ง...”
แพรไพลินนั่งลงมองแสงกล้าด้วยแววตาเป็นมิตรมากขึ้น เธอยิ้ม ๆ เริ่มถูกชะตาผู้ชายคนนี้โดยไม่รู้ตัว แสงกล้าเปิดถุงแมคโดนัลด์ เอาแฮมเบอร์เกอร์ในถุงออกมาวาง
“แฮมเบอร์เกอร์ปลาพิเศษใส่ปลาสองชิ้น พร้อมผักกาดแก้วเพื่อสุขภาพ อาหารจานโปรดของดอกเตอร์แพรไพลิน เพิ่มโอเมก้าสามมีประโยชน์ต่อสมอง”
“มั่ว”
แสงกล้ายิ้ม ๆ หยิบแก้วกาแฟออกมาวางที่หน้าแพรไพลิน
“กาแฟผสมนมถั่วเหลืองต่อต้านอนุมูลอิสระ เครื่องดื่มประจำของดอกเตอร์สาวที่มีเลือกกรุ๊ปโอ ซึ่งมีระบบการย่อยไม่ถูกกับนมสด”
“มั่วได้อีก”
“รึผมพูดผิด ไม่น่า... ไม่ผิดหรอก อันนี้เป็นข้อมูลล่าสุดจากนิตยสาร “ผู้หญิงแถวหน้า” ฉบับสัมภาษณ์ผู้อำนวยการสถาบันเนติเทคโนโลยี ดอกเตอร์แพรไพลิน นวิยากุล"
“คุณเช็กประวัติฉัน”
“เปล่าเช็ก... แค่คิดว่าเราต้องทำงานร่วมกันอีกนาน อย่างน้อยก็ช่วงที่คุณยังไม่ยอมเซ็นต์ใบรับรองสภาพจิตให้ผม"
“เลยอยากจะเอาใจฉันเพื่อลายเซ็นต์”
“ก็เปล่าอีกนั่นแหละ แค่อยากเป็นเพื่อนกันมากขึ้น”
“เพื่อน”
“คิดมาก... ซีเรียสจังชีวิตคุณเนี่ย ทำชีวิตให้มันง่าย ๆ บ้างไม่ได้เหรอ”
“ฉันไม่ใช่คนมักง่าย”
แสงกล้ายิ้ม ๆ มองแพรไพลินแบบต้องการเอาชนะใจผู้หญิงคนนี้ พลางหยิบแฮมเบอร์เกอร์ตรงหน้าแพรไพลินขึ้นมา
“คุณรู้เคล็ดลับวิธีการกินเบอร์เกอร์ปลาให้อร่อยมั้ย” แสงกล้าถาม
“ไม่ใส่ซอสมะเขือเทศ เพราะเบอร์เกอร์ยี่ห้อนี้มีซอสใส่อยู่แล้ว”
“เอ่ย... นั่นมันเบสิกใคร ๆ ก็รู้”
“ถ้างั้นอะไร”
“บริโภคแบบโนแฮนด์”
แสงกล้าแกะห่อแฮมเบอร์เกอร์ปลาออก แพรไพลินจ้องแสงกล้าเหมือนกำลังดูว่าจะมาไม้ไหน
แสงกล้า เอาเบอร์เกอร์ไปไปใกล้ ๆ จมูกของแพรไพลิน
“ก่อนอื่น.. ต้องให้จมูกได้กลิ่นหอมหวล ชวนกินของเนื้อปลาที่คลุกเคล้าซอส ปล่อยให้สมองสัมผัสกลิ่นหอม 10 วินาที เอ้านับ สิบ... เก้า... แปด...”
แพรไพลินมองแสงกล้า แต่ไม่ยอมนับตาม
“เอ๊า... เชื่อผมบ้างสิ นับเร็ว”
แพรไพลินยังคงนิ่งเฉย
“ตามใจ... ถ้าไม่นับ ผมนับให้ก็ได้ เจ็ด.. หก.. ห้า.. สี่.. สาม.. สอง.. หนึ่ง จากนั้นอ้าปาก”
“ทำไมฉันต้องทำตาม”
“เอางี้ ถ้าคุณยอมให้ผมป้อน ผมจะเล่าให้ฟังเรื่องพยานบุคคลที่ผมสืบรู้มา”
“คุณเคยบอกว่าไม่ได้หลักฐานอะไรเลย”
“รายละเอียดไง... มีรายละเอียดปลีกย่อยที่น่าสนใจอีกตั้งเยอะ เร็วสิ อ้ำคำนึง”
แสงกล้าพูดพลางส่งแฮมเบอร์เกอร์ไปชิดปาก แพรไพลินยอมกินแฮมเบอร์เกอร์ในมือแสงกล้า
“อ้ำ !คำโต ๆ อย่างนั้น อ๊ะ ๆ อย่าเคี้ยวเร็วนัก คุณต้องเคี้ยวแบบละเลียดกวาดลิ้นไปให้ทั่วชิ้นของเนื้อปลา”
“เล่า !”
“วันก่อนผมไปสืบหาเจ้าหน้าที่ควบคุมกล้องวงจรปิดของห้องนิรภัย … บ้านเค้าสองคนอยู่แถวบางรักเลยร้านเป็ดย่างเจ้าอร่อยไปนิดหนึ่ง เป็ดร้านนี้นะสุดยอด หนังกรอบ เนื้อนุ่ม”
แพรไพลินจ้องแสงกล้าแบบดุ ๆ แสงกล้าชะงักจำต้องเล่าต่อแบบดี ๆ
“พอจะเปิดประตูห้องพักของเจ้าหน้าที่ฯ คุณรู้มั้ยว่าผมเจออะไร”
แพรไพลินชะงักไปนิดหนึ่งทำสีหน้าสนใจ แสงกล้าแกล้งหยุดเล่าซะอย่างนั้น
“ถ้าอยากรู้ ต้องกินอีกคำหนึ่ง”
แพรไพลินจ้องหน้าแสงกล้า ยอมงับไปอีกคำหนึ่ง
“อ้ำ ! นั่น... รู้สึกมั้ยว่าคำที่สองอร่อยกว่าคำแรก ทุกอย่างเป็นเพราะอิทธิพลของคนป้อน”
แพรไพลินจ้องหน้าดุ แสงกล้าเล่าต่อ
“พอเปิดประตูเข้าไป ช่างที่ควบกล้องวงจรปิดกลับเหมือนโดนเสือเข้า ตะปบผมกับสมิงจนแทบแย่"
จู่ ๆ แสงกล้าก็หยุดเล่า เอาแฮมเบอร์เกอร์ไปล่ออยู่ตรงหน้าแพรไพลินต่อ
“อะ... อ้ำต่อ”
แพรไพลินเริ่มออกอาการรำคาญ แต่ยอมกินต่ออีกนิดหนึ่ง
“คำที่สามเนี่ยจะอร่อยที่สุดเลย เพราะเอนไซม์อะไมเลสจากน้ำลายจะเริ่มทำปฏิกริยากับเนื้อขนมปัง”
แพรไพลินคว้าแฮมเบอร์เกอร์มาจากมือแสงกล้าทันที มือทั้งสองคนสัมผัสกัน แพรไพลินชะงักไปทันที แล้วรีบกลบเกลื่อนเอาแฮมเบอร์เกอร์เข้าปาก กินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แหม.. .ไม่อยากกินเบอร์เกอร์ปลาให้อร่อยแล้วเหรอ”
“เล่าเรื่องทั้งหมดเร็ว อย่าลีลา”
แพรไพลินมองหน้าแสงกล้าแบบเอาเรื่อง แสงกล้ายิ้ม ๆ เลิกเล่น
“โอเค ขอผมกินไปเล่าไปก็แล้วกันนะ”
แสงกล้าเอื้อมมือไปจับมือแพรไพลินแล้วป้อนแฮมเบอร์เกอร์ให้ตัวเองซะงั้น
“อ้ำ!อร่อย”
แพรไพลินมองอึ้ง เพราะโดนแสงกล้าจับมือ

แพรไพลินเดินนำแสงกล้ามาตามทางเดินภายในเนติเทคฯ แพรไพลินถือแก้วกาแฟ กำลังจิบกาแฟที่แสงกล้าซื้อมา
“ท่าที่คุณเล่ามาทั้งหมด เป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่ห้องนิรภัยทั้งสองคนโดนยากล่อมประสาทในตระกูล ไตรคลอโรเอทิลีน”
“โดยใคร”
“นั่นเป็นเรื่องที่คุณจะต้องสืบหาหลักฐานมาให้ฉัน”
“โอ้ว... ได้ทีใช้เลยเหรอ แต่ผมก็น้อมรับบัญชานะ”
แพรไพลินเดินนำแสงกล้าออกไปแล้วชะงัก เมื่อเห็นห้องประชุมแผนของเนติเทคฯ ห้องหนึ่งเปิดอยู่ มีแสงไฟลอดออกมา แพรไพลินนิ่วหน้าเดินนำแสงกล้าไปยังห้องประชุมห้องนั้น
แสงกล้าหยุดมองตาม แววตาอมยิ้มคล้ายวางแผนอะไรบางอย่างอยู่!!

แพรไพลินเดินเข้ามาในห้องประชุม นิ่วหน้าที่เห็นจอภาพแอลซีดีในห้องเปิดอยู่ เป็นรูปโลโก้ของเนติเทคฯ เต็มหน้าจอ
“แหม... ใครกันหนอใช้ห้องประชุมแล้วไม่ยอมปิด เดี๋ยวก็โดนท่านผ.อ.ตัดเบี้ยเลี้ยง”
แสงกล้าหยิบรีโมทจอแอลซีดีบนโต๊ะประชุมขึ้น
“ผมปิดเครื่องให้เอง”
พอแสงกล้ากดรีโมท ภาพบนจอแอลซีดีก็เปลี่ยนไป จากโลโก้เนติเทคฯกลายเป็นภาพที่สแกนมาจากนิตยสาร เป็นวิดีโอภาพคู่ระหว่างแพรไพลินกับเพชรแท้ หลาย ๆ ภาพ ในอริยาบถต่าง ๆ
แพรไพลินชะงักไปทันทีที่เห็นภาพตัวเองกับเพชรแท้ เพลง “รักแท้” ของบอย โกสิยพงษ์ ดังขึ้นมาทันที - - “วันที่ใจเธอเจ็บช้ำ วันที่เธอเสียใจ วันที่เธอท้อแท้ทุกอย่าง และอาจมองไม่มีแม้ใคร วันที่ใจเธอโหยหา อยู่ลำพังกับคราบน้ำตา บอกให้เธอรู้ว่า ฉันมองอยู่ไม่ไกล"
แพรไพลินชะงักมองภาพของตัวเองกับแม่ด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ เพลงยังคลอต่อไป
“แต่หากไม่ปล่อยให้เธอเรียนรู้ เธอคงวนอยู่ ไม่ไปถึงไหน รักแท้ ที่ไม่ต้องการสักข้อแม้ เมื่อไรที่เธอต้องพ่ายแพ้ ฉันจะเตรียมรักให้ และวันใด ที่เธอนั้นเจ็บจนอดทนไม่ไหวจะมีฉันยืนข้างๆเธอเสมอไป”
แพรไพลินหันมามองหน้าแสงกล้าทันที แววตาของเธอขณะนี้เต็มไปด้วยการครุ่นคิด น้ำตาคลอด้วยความสะเทือนใจ
“คุณเชื่อในเรื่องสายใยของความผูกพันมั้ย ความผูกพันทางสายเลือด มีความสำคัญสำหรับชีวิตคน ๆ หนึ่งมากนะ" แสงกล้าบอก
แพรไพลินหันไปมองรูปบนหน้าจอแอลซีดีในห้องประชุม เห็นความผูกพันระหว่างเธอกับแม่ก็เริ่มน้ำตาคลอ... ร้องไห้
“ไม่ว่าแม่จะเป็นยังไง ท่านก็เป็นผู้ให้กำเนิด แม่รักและห่วงใยลูกเสมอโดยไม่มีข้อแม้ ทำไมคุณถึงปล่อยเวลา ปล่อยโอกาสที่จะได้อยู่กับท่าน โดยไม่คิดจะปรับความเข้าใจกันล่ะครับ"
แพรไพลินมองภาพตัวเองกับเพชรแท้ คลอไปพร้อมกับเพลงของบอย.. รู้สึกสะเทือนใจ แต่ไม่พอใจกับการกระทำครั้งนี้ของแสงกล้า เพราะเหมือนกับเป็นการก้าวล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองมากเกินไป
“เลิกหนีความจริงด้วยการใช้ชีวิตอยู่กับงาน เลิกจมอยู่กับความขัดแย้งในอดีต กลับไปปรับความเข้าใจกับคุณแม่ในขณะที่คุณยังมีโอกาสเถอะครับ"
แพรไพลินโกรธมาก บันดาลโทสะเดินเข้ามาตบหน้าแสงกล้าเต็มแรง แสงกล้าเอามือกุมแก้มตัวเอง
“คุณไม่มีสิทธิยุ่งกับเรื่องส่วนตัวฉัน !”
“ผมหวังดี”
“ฉันไม่ต้องการความหวังดีจากคุณ มันเป็นเรื่องของครอบครัวฉัน คุณจะมายุ่งทำไม”
แสงกล้าจ้องแพรไพลินด้วยสีหน้าและแววตาจริงจัง
“เพราะผมเป็นคนไม่มีครอบครัว ไม่เคยสัมผัสกับความอบอุ่นและความผูกพันในครอบครัว ผมไม่อยากให้คุณสูญเสียสิ่งดีงามเหล่านี้ไป โดยไม่เห็นค่าของมัน ทิฐิไม่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นหรอกครับ”
แพรไพลินชะงักเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของแสงกล้า แต่ยังคงไม่พอใจที่ถูกรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวอยู่ดี
“คุณมันก็แค่ตำรวจที่พยายามอวดฉลาด คิดว่าตัวเองแน่นักเหรอที่ตัดสินคนอื่นจากบทความในนิตยสาร เรื่องราวในชีวิตฉันมีมากว่าที่คุณเข้าใจ คุณไม่มีสิทธิตัดสินฉัน !”
“ทำไมต้องโกรธถึงขนาดนี้ ดอกเตอร์แพรไพลินผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวช พอโดนวิเคราะห์จิตเข้าหน่อย ถึงกับทนไม่ได้เลยเหรอ"
“มันเป็นเรื่องส่วนตัว !ถ้ายังอยากทำงานร่วมกันต่อไปนี้อย่ายุ่งกับชีวิตส่วนตัวของฉัน !” แพรไพลินย้ำ
แพรไพลินโกรธจัด น้ำตาคลอหันหลังเดินออกไปทันที แสงกล้าร้องเรียก
“เดี๋ยวก่อน กลับมาก่อน กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
แสงกล้ามองตามนิดหนึ่งแล้วตัดสินใจเดินตามแพรไพลินออกไป

แพรไพลินเดินน้ำตาคลอไปตามทางเดิน เธอพยายามระงับความอัดอั้นภายในจิตใจ เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้ม แล้วเดินเข้าประตูไปในห้องแลปและปิดประตูลงอย่างเต็มแรง
แสงกล้าเดินตามมา พยายามจะเปิดประตูตามเข้าไป แต่แพรไพลินปิดประตูล็อกจากด้านใน
“เปิดประตู เรายังคุยกันไม่จบ”
แสงกล้าพยายามจะเปิดประตูเข้าไป แต่เข้าไปไม่ได้ สีหน้าของเขาไม่ค่อยสบายใจนักกับเรื่องที่เกิดขึ้น

บริเวณริมกำแพงท้ายห้องแลปฯ แพรไพลินพิงกำแพงแล้วค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งแทบพื้นอย่างอ่อนแรง สีหน้านิ่งพยายามระงับอารมณ์
“กลับไปซะ ! เราไม่มีอะไรจะคุยกันแล้ว”
แสงกล้ายังคงเคาะประตูจะให้แพรไพลินเปิด
“ฉันบอกให้คุณกลับไป ฉันจะทำงาน เลิกยุ่งกับชีวิตฉันซะที กลับไป ! กลับไป !”
แพรไพลินระเบิดอารมณ์
แพรไพลินระงับอารมณ์แทบไม่อยู่ สะอื้นไห้ด้วยความสะเทือนใจที่ถูกตอกย้ำเรื่องความขัดแย้งหว่างเธอกับแม่

ทางเดินหน้าห้องแลปฯ แสงกล้าได้ยินเสียงสะอื้นอย่างกดดันของแพรไพลิน ในใจรู้สึกสงสารและรู้สึกผิดที่กดดันเธอจนต้องระเบิดออกมาแบบนี้เขาถอนหายใจยาวด้วยความอึดอัด และเสียใจกับการกระทำของตัวเอง

คืนวันเดียวกัน ในเวลาต่อมา บรรยากาศในห้องจ่าสมิงอึมครึมน่าสะพึงกลัว กลางห้องมีพานใส่กระสุนปืนสามนัด หัวกระสุนแต่ละนัดถูกลงอักขระขอมโบราณ พานใส่กระสุนนี้ถูกรายล้อมไปด้วยเทียนที่จุดสว่าง สมิงหลับตาพึมพำประกอบพิธีกรรมบางอย่าง

เช้าวันใหม่ ร.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยนอนมองเพดานอยู่บนเตียง นอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน คิดถึงเรื่องราวที่ทะเลาะกับแพรไพลินเมื่อคืนที่ผ่านมา เขาถอนหายใจยาวอย่างกลัดกลุ้มกับสิ่งที่เกิดขึ้น หันไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดพิมพ์ข้อความ

เช้าวันเดียวกัน พญ. แพรไพลิน นวิยากุลนั่งอยู่กลางห้องประชุมเนติเทคฯ มองวิดีโอความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเพชรแท้ประกอบเพลงที่แสงกล้าฉายในดูเมื่อคืนนี้ เธอสีหน้านิ่งมองภาพแม่ที่อยู่เต็มจอ ที่เธอกด Pause ไว้ สีหน้าของเพชรแท้ยิ้มแย้มอยู่เต็มจอ เธอถอนใจนิดหนึ่งและกำลังตัดสินใจว่าจะคืนดีกับแม่ดีหรือไม่ เสียงแมสเซทมือถือดัง เป็นข้อความที่ส่งมาจากแสงกล้า “ขอโทษ”
แพรไพลินอ่านข้อความเสร็จแล้ววางมือถือลงด้วยสีหน้าและท่าทางที่เศร้าสลดลดลง

ท้องฟ้าสีหม่นหมอง ร.ต.ต.แสงกล้า อภิไชยยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของบริเวณเมรุในวัด เขามองหาแพรไพลินแต่ไม่พบ ดาบแหบเห็นอาการก็นึกรู้
“หมอแพรไม่มา โทรมาแจ้งว่าอยากเคลียร์งานให้เสร็จ ฝากให้หมวดเคารพศพแทนด้วยครับ"
แสงกล้ามองไปยังโลงศพของผู้กองครามที่วางคู่กับทอรุ้ง
“ทำไมโลงศพของทอรุ้งถึงได้คลุมธงชาติล่ะครับ” จ่าหวานถาม
“เป็นความต้องการของท่านนายกฯ ท่านอยากให้เกียรติคนรักผู้กองคราม ทอรุ้งถือเป็นผู้เสียสละ อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้กองครามมาตลอด”
“ข้าราชการผู้น้อยอย่างพวกเรามีกำลังใจสู้ ก็เพราะมีคนเข้าใจ เห็นคุณค่าของการทำความดีนี่แหละ" ดาบแหบว่า
“เห็นภาพผู้กองครามกับแฟนแล้ว..ใจมันหาย” จ่าหวานบอก
แสงกล้ามองไปยัง ดร. เมฆาและนภา ฐานรัฐที่เดินไปยังเมรุ แล้วบอก
“ดอกเตอร์เมฆากับผบ.นภาคงเสียใจในการสูญเสียครั้งนี้ ไม่น้อยไปกว่าพวกเราหรอก"

ดร. เมฆาและนภาเดินตรงมายังภาพถ่ายของครามและทอรุ้ง คมศร สุริยนถือพานใส่พวงมาลัยมามอบให้ เมฆารับพวงมาลัยมาคล้องที่ภาพถ่ายครามเสมือนการคล้องให้คู่บ่าวสาว
“ผู้กองคราม... ผมภาคภูมิใจในความกล้าและเสียสละของคุณ หลังจากนี้ไปคุณจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักตลอดไป ผมให้สัญญาว่า พวกคุณจะต้องไม่ตายเปล่า หลับให้สบายเถอะนะ...ผู้กล้าหาญของคนไทย”
นภาเดินเข้ามาคล้องมาลัยให้กับภาพของทอรุ้ง
“ทอรุ้ง เธอเป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้ชาย เธอทำหน้าที่ดีที่สุดสำหรับคนรักแล้ว หมดห่วง หมดกังวลกับปัญหาทั้งหมดเถอะนะ"
นภาและเมฆายืนมองภาพถ่ายของผู้กองครามและทอรุ้งที่ยิ้มอย่างสุขใจด้วยความรู้สึกผูกพัน สะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง

แขกในงานต่างทยอยเดินขึ้นไปวางดอกไม้จันที่โลงศพ แสงกล้าเดินตรงไปยังเมรุ ถือกล่องใส่ของไว้ เขามองลงไปยังกล่องใบนั้น รำลึกเรื่องราวในอดีต

ในอดีต เวลากลางวัน ภายในห้องประชุมที่สำนักงานสืบสวนพิเศษ มี ร.ต.ต. แสงกล้า ดาบแหบ จ่าหวานและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสืบฯ
ผู้กองครามยืนที่หน้าห้อง หลังจากประชุมแผนอารักขาเพชรยอดสังข์ในงานเดินแบบแล้ว
“ขอให้ทุกคนศึกษาแผนการทำงานให้ละเอียดอีกครั้ง แล้วพบกันวันงานแสดงมงกุฏเพชร”
ทุกคนต่างแยกย้ายกันออกจากห้องประชุม
“แสงกล้า”
“มีอะไรเหรอผู้กอง” แสงกล้าถาม
“งานแต่งงานของผม คุณต้องเป็นบอดี้การ์ดอารักขาสิ่งที่มีค่าที่สุดของผม”
แสงกล้าแปลกใจว่า ผู้กองครามจะให้เขาอารักขาอะไร ครามยิ้ม ๆ อย่างมีความสุข

ร.ต.ต. แสงกล้าเดินมาหยุดที่หน้าโลงศพ
“ผู้กองครับ... ผมทำหน้าที่ของผมแล้ว”
แสงกล้าหยิบเอามงกุฏดอกไม้สวยงามออกจากกล่อง แล้ววางลงหน้าโลงศพของคราม
“ต่อไปเป็นหน้าที่ของผู้กอง สวมมงกุฏที่มีค่าที่สุดให้เจ้าสาวเถอะครับ”
แสงกล้ามองภาพของผู้กองครามที่หน้าโลงศพ
ก่อนแต่งงาน ผู้กองครามเคยสัญญาว่าจะสวมมงกุฏดอกไม้ให้ทอรุ้ง
“มงกุฏไหนก็ไม่มีค่าเท่ากับมงกุฏที่ได้รับจากคนที่ฉันรักหรอกค่ะ”
“ผมสัญญา... วันแต่งงานผมจะนำมงกุฏดอกไม้ที่สวยที่สุดมาสวมให้คุณ”
ทอรุ้งยิ้มทั้งน้ำตา แล้วโผเข้ากอดผู้กองคราม ทั้งคู่ยืนกอดกันท่ามกลางแสงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ..
ร.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยยืนมองหน้าโลงศพ และส่งความปรารถนาดีให้กับคู่รักที่จากไป

เพลงบรรเลงการทำพิธีเผาดังขึ้น เจ้าหน้าที่นำโลงศพเข้าเตาเผา ทุกคนในงานต่างยืนมองเปลวไฟที่เผาโลงศพของครามและทอรุ้ง

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์[2] วันที่ 20 ธ.ค. 55

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์
เหนือเมฆ2 บทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : คฑาหัสถ์ บุษปะเกศ
เหนือเมฆ2 กำกับการแสดง : นนทรีย์ นิมิบุตร
เหนือเมฆ2 ผลิตโดย : บริษัท เมตตามหานิยม จำกัด โดยผู้จัด ฉัตรชัย เปล่งพานิช
เหนือเมฆ2 แนวละคร : ดราม่า แอ็คชั่น แฟนตาซี
เหนือเมฆ2 ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
เหนือเมฆ2 เริ่มออกอากาศตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manage