@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 4 วันที่ 20 ธ.ค. 55

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 4 วันที่ 20 ธ.ค. 55

หมอเชิญทุกคนออกไปก่อน แต่เมฆขออยู่กับลูก ตะวันฉาย เอวา นิค และเก่ง ออกมายืนรอฟังอาการของหมอกอย่างร้อนใจ

ooooooo
คืนเดียวกัน ยุทธการพยายามโทร.หาตะวันฉายแต่ไม่ได้ ไม่ทันไร เกริกไกรโทร.สวนเข้ามาถามว่าเจอตะวันฉายบ้างไหม เขาอึกอักก่อนจะตอบไปว่าเจอบ้างเพื่อไม่ให้เป็นห่วง เกริกไกรโล่งใจฝากดูแลลูกสาวด้วยแล้วมาบอกสายรุ้งว่า ยุทธการจะบอกลูกให้โทร.กลับมาหา

ในขณะที่ทุกคนกำลังเครียดอยู่หน้าห้องตรวจ เอวาเห็นเพื่อนเศร้าจึงจับมือปลอบใจ



ตะวันฉายบ่น “เพราะฉันไม่เคยใส่ใจที่จะดูแลน้องหมอกอย่างจริงจัง น้องหมอกถึงป่วย”

“ตอนนี้หมอกอยู่ในมือหมอแล้วยังไงก็ต้องดีขึ้น”

“ฉันเห็นแก่ตัวมาก ฉันไม่ควรมาเป็นพี่เลี้ยงน้องเขาแต่แรก”

“นี่แกจะลาออกเหรอ”

“ถ้าเป็นแกทำลูกเขาป่วย จะกล้าอยู่ต่อไหมอ่ะ”

เอวาอึ้งสักครู่ “ก็ดีนะ ให้มืออาชีพเขามาเลี้ยงเถอะ แล้วเราค่อยหาวิธีสืบทางอื่นเอา”...

ภายในห้องคนไข้ เมฆยืนข้างเตียงฟังหมอบอกอาการหมอก ที่สลบไปเพราะไข้สูงจึงหมดแรงจากการร้องไห้มาก ตอนนี้ให้ยาลดไข้แล้ว แต่เกรงว่าจะเป็นไข้เลือดออก ต้องรอผลตรวจเลือดพรุ่งนี้ หมอกับพยาบาลออกไป เมฆเดินมาบอกตะวันฉายกับเก่ง

“ขอบใจมากนะ ที่พาหมอกมาโรงพยาบาล เดี๋ยวเราสองคนกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ นิค เอวา พี่ฝากส่งซันกับเก่งด้วยนะ”

“ให้ผมอยู่เฝ้าคุณหมอกเถอะนะครับ มันเป็นหน้าที่ผม” ตะวันฉายรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไร นายไปพักผ่อนเถอะ”

ตะวันฉายเดินคอตกตามคนอื่นๆไป พอถึงบ้าน เก่งเดินเข้าบ้านไปก่อน นิคถามตะวันฉายว่าตกลงพรุ่งนี้จะลาออกเลยไหม เธอพยักหน้า เอวาจึงบอกว่าจะมารับ ตะวันฉายโบกมือลาท่าทางเศร้าๆ มองเพื่อนขับรถออกไป แล้วเดินเข้าบ้านมาหยุดนิ่งคิด

วันรุ่งขึ้น เมฆฟุบหน้าอยู่ข้างเตียงหมอก ซึ่งนอนหลับมีสายน้ำเกลือเสียบที่มือ พยาบาลเปิดประตูเข้ามา เมฆสะดุ้งตื่น พยาบาลทัก

“อรุณสวัสดิ์ ขอวัดไข้น้องหน่อยนะคะ” สักพักเธอก็บอกว่า “ไข้ลดลงแล้วนะคะ”

“แล้วเรื่องไข้เลือดออกล่ะครับ”

“ผลเลือดคงออกเช้านี้เลยค่ะ เพราะเมื่อคืนคุณหมอก็โทร.มากำชับที่แล็บว่าขอผลด่วน ถ้าไงคุณหมอมาแล้วคงจะรีบแจ้งคุณพ่อนะคะ”

เมฆดีใจ หมอกขยับตัวตื่น เห็นพ่อก็ร้องบอกว่าตนไม่หนาวแล้ว พยาบาลยิ้ม

“แบบนี้แสดงว่าเดี๋ยวก็หายแล้วนะครับคนเก่ง งั้นพี่ขอเช็ดตัวน้องหมอกหน่อยนะคะ”

หมอกยินยอมไม่ได้แสดงอาการดื้อ เมฆเลี่ยงออกมานอกห้อง เห็นคนนั่งฟุบหน้ากับเข่าอยู่จึงเข้าไปดูใกล้ๆ เพราะสงสัยว่าเป็นซัน ตะวันฉายเงยหน้าขึ้นสบตาพอดี ต่างนิ่งอึ้ง

“เอ้อ เห็นว่านายฟุบอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า ก็เลยจะดูให้ชัดๆ”

“คุณหมอกเป็นไงบ้างครับ เห็นพยาบาลที่เข้าไปวัดไข้เมื่อตีสาม บอกว่าไข้ลดลงแล้ว”

“นี่เมื่อคืนนายกลับมาที่นี่เหรอ”

“อยู่บ้านผมก็นอนไม่หลับ เลยมานั่งรอผลที่นี่ดีกว่าครับ”

เมฆทึ่ง...ทั้งสองลงมาซื้อกาแฟกับแซนด์วิช ระหว่างเดิน เมฆถามทำไมถึงกลับมา

“คือผมรู้สึกผิดกับคุณหมอก ถ้าผมดูแลแกดี แกอาจจะไม่ป่วยก็ได้”

“ไม่หรอก บางทีอาจจะเป็นเพราะเล่นน้ำกับฉันก็ได้”

“แต่ถ้าคุณหมอกมีพี่เลี้ยงที่เป็นมืออาชีพก็คงจะดีกว่านี้ คุณเมฆครับ คือผมคิดว่า...ผมจะขอลาออก”

เมฆตกใจ ขอร้องให้อยู่จนกว่าจะได้พี่เลี้ยงคนใหม่ก่อน คงอีกไม่กี่วัน ตะวันฉายนิ่งคิดก่อนจะตกลง

ooooooo

ด้วยความเป็นห่วงตะวันฉาย ยุทธการโทร.หาเอวาขณะที่เธอกำลังนอน ปกติจะตื่นเที่ยง เธอจึงหงุดหงิดขึ้นมารับสาย แต่พอรู้ว่าเป็นยุทธการ ก็ตาสว่าง เขาขอให้เธอลงมาพบที่ร้านกาแฟใต้คอนโดฯของเธอ พอเจอหน้าเขาก็ถามทันที

“เอวา...บอกพี่มาตรงๆเถอะว่าซันกำลังทำอะไรอยู่ เมื่อเช้าพี่ไปที่คอนโดฯ รีเซปชั่นบอกว่า ซันไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว”

เอวาตกใจ แก้ตัวแทนว่าตะวันฉายมีธุระ แต่พอเขาย้อนกลับมาว่า ธุระที่แม้แต่พ่อแม่ก็รู้ไม่ได้หรือ เธอหน้าซีดปากสั่นถามว่าเขาไปคุยกับพ่อแม่ตะวันฉายมาหรือ เขาตอบว่าเปล่า แต่ท่านโทร.มาเพราะติดต่อตะวันฉาย ไม่ได้เหมือนกัน เอวารีบถามว่าบอกอะไรไปบ้าง

“พี่ก็บอกว่าพี่เจอซัน ไม่ต้องห่วง แล้วตกลงจะบอกพี่ได้หรือยังว่าซันอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ เพราะพี่คงช่วยปิดผู้ใหญ่แบบนี้ได้อีกไม่นาน”

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่ยุทธคงได้เจอซันเร็วๆนี้ค่ะ”

ยุทธการดีใจ พอดีนิคถือโน้ตเพลงเข้ามาฝากพนักงานไว้ให้เอวา พนักงานบอกว่าเอวาอยู่ร้านกาแฟ เขาแปลกใจทำไมตื่นเช้าได้ จึงตามเข้าไป พอเห็นเธออยู่กับยุทธการจึงหลบ รอจนยุทธการกลับไปก่อน ค่อยออกมาหาทำทีไม่รู้อะไร เอวาท่าทางมีความสุขบอกเขาว่า มาช้าไปนิดเดียว เพิ่งทานข้าวกับยุทธการ

“พี่ยุทธเขามาปรึกษาเรื่องซันน่ะ ตอนนี้อาเกริกกับอารุ้งเริ่มตามหาตัวไอ้ซันแล้วนะ แต่ถ้าซันมันลาออกจากบ้านพี่เมฆวันนี้ ต่อไปเราก็ไม่ต้องโกหกพี่ยุทธอีกแล้ว”

“แกดีใจไหมที่พี่ยุทธจะได้เจอซัน”

เอวาชะงัก ต่อว่านิคอย่าคิดแบบนี้อีก เขาน้อยใจขอตัวไปโรงเรียนก่อน เอวางงทำไมนิคต้องเป็นอย่างนี้...

ขณะที่นิคกำลังเซ็งๆอยู่ แม่โทร.เข้ามาขอเงินให้พี่เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวสามหมื่น

“อีกแล้วเหรอ คราวที่แล้วแม่ก็เอาผมไปสองหมื่นบอกพี่นาทจะขายเสื้อผ้า คราวนี้พี่นุ๊กอีก ผมไม่มีหรอกครับ”

“ไอ้นิค แกเรียนสูงกว่าพี่ๆ พอได้ดีแล้วจะทิ้งแม่ทิ้งพี่เหรอ”

“แม่...แต่ที่ผมได้เรียน ผมก็ชิงทุนเองนะ”

“แล้วไง ได้ทุนแล้วเขาสอนให้เนรคุณพ่อแม่เหรอ ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อไปไม่ต้องกลับมาบ้านแล้วนะ แม่กับพี่ๆก็จะอยู่กันอย่างจนๆต่อไป” แม่ร้องไห้ฟูมฟาย

นิคถอนใจ เปิดสมุดบัญชีดูแล้วบอกแม่ว่าตอนนี้ตนมีอยู่สองหมื่น จะโอนไปให้หนึ่งหมื่น แต่แม่จะเอาทั้งหมด เขาย้อนถามแล้วตนจะเอาอะไรกิน แม่กลับบอกว่าที่ผับมีข้าวให้กินไม่ใช่หรือ ห่อกลับมากินด้วยก็ได้ ก่อนวางสายแม่ยังบอกอีกว่า ร้านเสื้อของพี่นาทจะปิดให้ช่วยส่งเงินมาลงทุนใหม่ด้วย นิคมึนงง นึกสมเพชตัวเองผู้ชายที่มีแต่ตัวอย่างเขา ใครจะมอง

ooooooo

บ่ายนี้หมออนุญาตให้หมอกกลับบ้านได้ เมฆฟังรายงานจากหมอว่า ไม่มีไข้เลือดออก แต่ที่เป็นไข้เพราะเล่นน้ำนานเกินไป เมฆรับว่าตนผิดเองที่ไม่ระวัง หมอยิ้มๆย้ำให้ทานยาให้ครบ
พอหมอออกไป หมอกก็กระโดดเล่นบนเตียง เมฆปรามระวังตก ขาดคำก็ลื่น ทั้งเมฆและตะวันฉายพุ่งเข้าไปรับ ตัวชนกันอย่างจัง หมอกกอดคอทั้งสองคนไว้ ตะวันฉายตาเหลือกเพราะหน้าอกตัวเองแนบติดกับตัวเมฆ เธอค่อยๆถอยห่างออกอย่างไม่กระโตกกระตาก เมฆถามหมอกว่าเจ็บตรงไหนบ้าง หมอกตอบว่าไม่ เพราะพ่อชนพี่ซันไม่ได้ชนตน ตะวันฉายหลบตา

จากนั้น เมฆจูงหมอกเดินไปตามทาง ตะวันฉายถือถุงยาของหมอก อีกมือจับคอเสื้อตัวเองหน้าบูดบึ้งเดินทิ้งระยะห่าง พอใกล้ถึงรถ เมฆเกิดหยุดกะทันหันแล้วหันมา ตะวันฉายตกใจยกมือบังอก เมฆทำหน้างงถามเป็นอะไร

“เอ่อ...ปะ เปล่าครับ คุณเมฆหยุดทำไม”

“ฉันพิ่งนึกได้ว่า เรื่องยาของหมอก นายต้องดูอย่าให้ขาดนะ” พูดจบเมฆหันกลับไป

ตะวันฉายบ่นอุบ หยุดเพื่อบอกแค่นี้นะ หมอกวิ่งปรู๊ดไปนั่งเบาะหลัง ตะวันฉายรีบถามทำไมไม่นั่งข้างหน้า หมอกบอกว่าอยากนอน เธอจึงขึ้นไปนั่งกับหมอก เมฆให้มานั่งหน้าด้วยกัน แต่เธอไม่ยอมอ้างว่าไม่อยากตีเสมอเจ้านาย

“อ้าว...แต่คราวก่อนนายก็นั่งข้างหน้ากับฉันนี่ ไปนั่งข้างหน้าไป”

“ไม่...คือ คือวันนี้ผมเวียนหัวน่ะครับ ขอนั่งข้างหลังนะครับ”

เมฆงงมันเกี่ยวกันตรงไหน...ระหว่างขับรถไป เมฆคุยหยอกเย้ากับหมอกหัวเราะคิกคักว่าวันเกิดปีนี้จะจัดกินที่บ้านหรือออกไปทานข้างนอก ตะวันฉายแอบมองเมฆเคืองๆคิดในใจ

“ตาบ้า ดันมาโดนจุดยุทธศาสตร์เราได้ เอ...แต่ทำไมนายปากเป็ดไม่เห็นแสดงท่าทางอะไรเลย หรือว่าจะเป็นอย่างที่ไอ้นิคมันว่าเราจอแบน เขาเลยไม่รู้สึกอะไร โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งโมโห”
ตะวันฉายทำท่าอยากจะแพ่นกะบาลเมฆ แต่ทำไม่ได้ ได้แต่นั่งฮึดฮัด เมฆมองผ่านกระจก

“เป็นอะไรหรือเปล่าซัน จมูกบานเชียว”

“เอ่อ...เปล่าครับ คือผมเวียนหัว คลื่นไส้ คงเมารถ ขอนอนพักนะครับ” ตะวันฉายเอนนอน

เมฆงง...จนมาถึงบ้าน เก่งรีบมารับหมอกเข้าบ้านด้วยความดีใจ เมฆหันมาจ้องตะวันฉาย เธอเริ่มกลัวถอยหนี เขาก้าวตามเข้าจับบ่าเธอ ตะวันฉายตกใจสะบัดออก

“คุณเมฆมีอะไรอีกครับ”

“ฉันแค่จะบอกว่าขอบใจนะสำหรับทุกอย่าง” เมฆยิ้มให้แล้วผละเดินเข้าบ้าน

“ตาบ้าเอ๊ย...วันนี้ฉันหัวใจจะวายสามทีแล้วนะ” ตะวันฉายโล่งอก

พอเข้าห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตะวันฉายก็โทร.ระบายความหงุดหงิดกับเอวา เอวาจึงบอกเรื่องที่พ่อกับแม่โทร.หายุทธการ และเขาได้แก้ตัวแทนให้เรียบร้อย แต่ให้โทร.กลับไปหาพ่อแม่บ้าง เอวายังย้ำให้โทร.หายุทธการด้วย ตะวันฉายรับปากแข็งขัน วางสายแล้วอดนึกเข่นเขี้ยวเมฆไม่ได้ นับจากนี้อย่าหวังว่าจะได้เข้าใกล้ตนเกินสามเมตร

หลังจากนั้น ตะวันฉายมาดูแลให้หมอกกินยา แต่ หมอกงอแงไม่ยอมกิน วิ่งหนี เมฆเข้ามาปรามบอกให้เชื่อฟังพี่เขา ถ้าดื้อจะไม่มีใครอยู่ด้วย หมอกจึงยอมกินแต่ก็ร้องขมๆ เมฆกับตะวันฉายหันไปหยิบแก้วน้ำพร้อมกัน เมฆจึงจับบนมือเธอ ตะวันฉายสะดุ้งชักมือออก แก้เก้อยกถาดยาจะเดินออกไป เมฆร้องทัก หมอกต้องนอนกลางวันไม่ใช่หรือ

“คุณหมอกอยากนอนกับใครครับ คุณพ่อหรือพี่ซัน” ตะวันฉายถาม

หมอกตอบจะนอนกับพ่อ เธอรีบเดินออกไปทันที เมฆมองตามงงๆ...พอหมอกหลับ เมฆจึงตามออกมาดูตะวันฉายว่าเป็นอะไร ท่าทางแปลกๆคอยหลบหลีกจนเขาหมั่นไส้ จับมือเธอลากเข้ามาคุยในบ้าน เก่งตาโพลงมองเจ้านายจับมือผู้ชายด้วยกัน

เมฆลากตะวันฉายเข้ามาในห้องทำงาน ให้นั่งเก้าอี้ข้างๆ แต่เธอไม่ยอมนั่ง เมฆข้องใจถามทำไมต้องคอย หลบหน้าหลบตา ทำอะไรผิดหรือ ตะวันฉายปฏิเสธย้อนถามมีอะไรจะใช้ตน

“ฉันเห็นนายโทร.หาเอวาเรื่องหมอก เลยนึกได้ว่า เรายังไม่มีเบอร์กัน เอาเบอร์นายมาหน่อย ต่อไปนี้เผื่อมีอะไรจะได้ติดต่อกัน” เมฆหยิบมือถือออกมาเตรียมกด แต่ตะวันฉายนิ่งเฉย เมฆถามย้ำ เธอจึงบอกไม่จำเป็นเพราะอยู่อีกไม่กี่วัน แถมมือถือเก่าเงินเติมก็ไม่มี คิดว่าจะเลิกใช้พอดี เมฆรำคาญข้ออ้างของเธอ จึงไล่จะไปทำอะไรก็ไปแต่อดสงสัยไม่ได้

ooooooo

กับสารพัดปัญหาที่นิคต้องเจอ ทั้งเรื่องทางบ้านและยังความรู้สึกที่มีต่อเอวา ทำให้น้อยเนื้อต่ำใจ พอพักจากการสอนร้องเพลง เขาจึงเข้ามานั่งในห้องพักครู เอวาเข้ามาเห็นแปลกใจ ปกตินิคจะต้องนั่งในห้องของตน จึงซักถามว่าเป็นอะไร

“ฉันอยู่ห้องพักครูก็เพราะฉันเป็นลูกจ้างแก ฉันก็ควรจะอยู่ที่นั่น”

“อะไรของแกวะนิค แกไม่เคยเป็นแบบนี้ เอางี้ แกรอฉันเดี๋ยว ฉันไปเอากระเป๋าก่อน ไปหาอะไรกินกันจะได้คุยกันด้วย”

“ไม่ต้องหรอก ฉันอยากอยู่คนเดียว เดี๋ยวไปเจอกันที่ผับเลยแล้วกัน”

“ไอ้นิค อย่ามาติสท์แตกกับฉัน ฉันไม่รับมุกแกนะ รออยู่นี่แหละ” เอวาชี้นิ้วแกมสั่ง

หลังจากนั้น ทั้งสองก็มาที่ห้างสรรพสินค้า นิคยังคงนิ่งเฉย เอวาบ่นว่าหิว แต่เขากลับบอกว่ายังไม่หิว เธอจึงโวย ปกติก็กินเวลานี้ด้วยกันอย่าเรื่องมาก แล้วถามงอนเรื่องอะไร นิคไม่ตอบ เอวาชวนเข้าร้านร้านหนึ่ง เขากลับบอกให้เธอเข้าไปทานคนเดียว ตนไม่มีเงิน เอวาเสนอจะเลี้ยงเอง

“อย่าเลย ฉันขี้เกียจหาตังค์มาคืนแก”

“ได้ ถ้าแกไม่กินฉันก็ไม่กิน อดก็อดด้วยกัน”

“แกจะทำแบบนี้ทำไมวะ”

“ก็แกยังติสท์แตกไม่มีเหตุผล ฉันก็จะงี่เง่าแบบนี้แหละ”

นิคอ่อนใจยอมกินข้าวด้วยแต่ไม่ใช่ร้านนี้ เขาพาเอวามากินที่ฟู้ดคอร์ท...

ในขณะเดียวกัน เมฆเอาใจหมอกสั่งพิซซ่ามาให้ทานพร้อมสลัด หมอกท่าทางมีความสุข แต่พอเห็นเมฆจะออกไปทำงานที่ผับก็เริ่มอ้อนไม่อยากให้พ่อไป อยากให้อยู่เล่านิทานก่อนนอน เมฆนิ่วหน้าเดินเลี่ยงเข้ามาในห้องทำงาน ตะวันฉายตามเข้ามา

“คุณเมฆครับ ผมว่าคุณเมฆน่าจะยอมลางานสักวันนะครับ” เมฆอ้าปากจะพูดแต่ตะวันฉายสวนขึ้นอีก “ผมรู้ว่าคุณเป็นนักดนตรี คุณก็รักดนตรี แต่นี่ลูกคุณนะครับ เขาน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดมากกว่าอะไรทั้งสิ้นไม่ใช่เหรอครับ” เมฆอ้าปากจะพูดก็ไม่ทันอีก “ถ้าคุณไปทำงานคืนนี้ พรุ่งนี้คุณหมอกก็คงเกเรไม่ไปโรงเรียน สุดท้ายผลเสีย ตกที่คุณหมอก เฮ้อ...น่าสงสารนะครับ”

เมฆทนไม่ไหวทุบโต๊ะเปรี้ยง “พอแล้ว ใครบอกว่าฉันจะไปเล่นดนตรีล่ะ”

“อ้าว...ก็คุณเดินหนีมาที่นี่”

“ฉันจะหาคนไปเล่นแทน” ว่าแล้วเมฆก็โทร.ไปหาจอมสยาม ขอให้ไปเล่นดนตรีแทน

ตะวันฉายหน้าแตก รีบเลี่ยงออกไป...จากนั้นเมฆก็ โทร.แจ้งกับนิค เอวากังวลว่าเมฆจะสงสัยในตัวตะวันฉาย ถึงอยู่จับผิด นิคขำท่าทางของเธอ หาว่าเป็นโรควิตกจริต

“แหม...ได้กัดฉันละยิ้มออกเลยนะ หายงอนละสิ”

นิคหุบยิ้มทันที “นายหมอกมันอ้อนพี่เมฆ อยากอยู่กับพ่อ”

เอวาเหวอทำไมไม่บอก นิคสวนก็แทรกเข้ามาก่อนเอง เอวายิ้มๆถามเขาเลิกงอนแล้วหรือ ตกลงงอนเรื่องอะไร นิคชะงักนึกถึงตอนที่เห็นเอวาใกล้ชิดกับยุทธการเมื่อเช้า แล้วตัดใจ

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่พยายามเตรียมใจไว้ว่าชีวิตนี้คงต้องอยู่คนเดียว”

“ที่แท้แกอกหักเลยพาลที่ฉัน แรงนะแก ตกลงแกชอบใคร อ๋อ...ไอ้ซันใช่ไหม โอ้ว รักแท้แพ้ใกล้ชิด”

“นี่แกอย่าเพ้อเจ้อได้ไหม ฉันไม่เคยชอบไอ้ซัน”

เอวารีบถามว่าใคร นิคกลบเกลื่อนว่าคนมีแต่ตัว อย่างตนใครจะชอบ เธอตีแขนเย้า ถ้าใครมาดูถูกเพื่อนตนเรื่องจนรวย ตนจะด่าให้ คนเหมือนกันเอาเงินมาวัดได้อย่างไร นิคอมยิ้มชอบใจ เอวาถามอีกตกลงใคร คนที่หอพักหรือน้องในออฟฟิศ เขาส่ายหน้าขำๆ

“ไม่ใช่เรื่องแฟนแน่นะ ดีเหมือนกัน ฉันก็ไม่อยากให้แกมีแฟน”

“จริงเหรอ...” นิคดีใจเริ่มมีความหวัง

“บ้าน่า...ฉันล้อแกเล่น แกจะรักใครก็เรื่องของแก มันเป็นความสุขของแก แต่ถ้ามีใครทำแกเจ็บ เจ๊เอวาเอาตาย”

“เอาเป็นว่าฉันไม่เศร้าก็ได้ อย่างน้อยก็รู้ว่าแกยังเป็นเพื่อนรักของฉัน”

“มันต้องอย่างนี้สินิคเพื่อนเจ๊ ไป...งั้นเราไปกันเถอะ เดี๋ยวรถติด” เอวาเดินนำ นิคยิ้มเศร้าๆ

ooooooo

และแล้วคืนนี้ ตะวันฉายรีบเตรียมเครื่องนอนของหมอกให้เรียบร้อย แล้วเลี่ยงออกมาเพราะกลัวเมฆจะชวนนอนกับหมอกด้วยกัน

พอได้อยู่ในห้อง ตะวันฉายก็เป็นตัวของตัวเอง อาบน้ำใส่ชุดนอน มีหมวกคลุมผมเตรียมล้างหน้า แต่นึกได้ ปิดไฟต่อสไกป์จากมือถือคุยกับพ่อแม่ ที่ต้องปิดไฟเพื่อไม่ให้เห็นสภาพห้องว่าไม่ใช่ที่คอนโดฯ แล้วโกหกว่าไฟที่คอนโดฯดับ เธอตั้งใจบอกพ่อกับแม่ว่าคราวหลังตนจะติดต่อมาเองไม่ต้องรบกวนยุทธการ เกริกไกรเข้าใจว่าลูกเขินจึงถามตรงๆ จะแต่งงานกันเมื่อไหร่

“พ่อ ซันบอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดอะไรกับพี่ยุทธ”

“ไม่ต้องอายหรอก เอาละพ่อไม่แซวแล้ว แต่ตกลงแต่งงานกันเมื่อไหร่บอกพ่อกับแม่นะ พ่อจะยกขันหมากไปขอเจ้ายุทธทันทีเลย”

ระหว่างคุยกัน เมฆเคาะประตูเรียก เกริกไกรแปลกใจว่าเสียงผู้ชายที่ไหน เธอรีบตัดสายพ่อ แล้วปิดปากเงียบทำทีนอนหลับ เมฆเคาะถามอีกว่าได้ยินเสียงคุยยังไม่นอนใช่ไหม ตนมีธุระ เธอรีบหยิบแว่นมาสวมก่อนไปเปิดประตู เมฆตะลึงเห็นใส่หมวกคลุมอาบน้ำเหมือนผู้หญิง เธอนึกได้ดึงออกอ้างว่า ผมแห้งสระบ่อยไม่ได้ เมฆถามคุยกับใคร เธออึกอักก่อนจะชูมือถือว่าฟังละครวิทยุ เมฆยิ่งข้องใจเพราะมือถือรุ่นนี้ราคาแพง ตะวันฉายเหวอเก็บมือถือโกหกว่าเอวาให้ แล้วถามว่าเขามีอะไร เมฆจึงบอกว่าหาตารางสอนของหมอกไม่เจอ จะจัดกระเป๋านักเรียน

ตะวันฉายรีบไปจัดการแทน ระหว่างนั้น เมฆอดซักไม่ได้ว่า เธอคงสนิทกับเอวามากถึงขนาดให้โทรศัพท์ ราคาแพง เธอแก้ตัวว่า เอวาได้มาจากไหนไม่รู้เลยให้ ตนใช้ฟังวิทยุกับเป็นนาฬิกาปลุก เมฆแกล้งบอกว่าน่าเสียดาย ของดีๆตนขอซื้อต่อ เธอรีบปฏิเสธเกรงเอวาไม่พอใจ

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 4 วันที่ 20 ธ.ค. 55

ตะวันฉายในม่านเมฆ บทประพันธ์โดย ภาวิน
ตะวันฉายในม่านเมฆ บทโทรทัศน์โดย
กฤษณ์ มงคลเกษม,พิมพ์พชา รุ่งประพันธ์,วิวัฒน์ กฤษณาเวศน์
ตะวันฉายในม่านเมฆ กำกับการแสดงโดย ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ
ตะวันฉายในม่านเมฆ ดำเนินการผลิต ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิ์เวช
ตะวันฉายในม่านเมฆ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ที่มา ไทยรัฐ