@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 8 วันที่ 17 ธ.ค. 55

อ่านละคร ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 8 วันที่ 17 ธ.ค. 55

หลังออกจากบริษัทจ้าวหยาง พีทแวะมาดูความเรียบร้อยที่ท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า เจอโอตี่ เบตตี้ และเหล่าสมุนมารับสินค้าที่มากับตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัทของบุ๊น เขาเดินดุ่ยๆเข้าไปหา โดยมีไทคอยตามไม่ห่าง

“ว่าไงคุณชายโอ...ส่งเครื่องในมาเป็นตู้ๆขนาดนี้ จะเปิดร้านอีสานคลาสสิกหรือไง” พีทยิ้มกวน

“แหม...นึกว่าใคร ที่แท้ก็ลูกชายไม่เอาไหนของลุงบุ๊นนี่เอง ฉันก็ค้าขายของฉันไปเรื่อย ดีกว่าคนบางคนที่ลอยไปลอยมาไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันทำเป็นอยู่อย่างเดียวก็คือ ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน” โอตี่แขวะ

พีทโกรธจัด เงื้อหมัดเข้าหา โอตี่เบี่ยงตัวหลบ ตวัดใช้ไม้เท้าคู่กายฟาดใส่ ไทปราดเข้ามาคว้ามือไว้ทัน


“เดี๋ยวนี้ถึงกับต้องเลี้ยงสุนัขเอาไว้รับหน้าเลยหรือ” โอตี่ว่าพลางจ้องหน้าไทอย่างเอาเรื่อง

ไทฉุนขาดจะอัดปากเน่าๆของโอตี่สักเปรี้ยง พวกสมุนกับเบตตี้ฮือเข้าล้อมกรอบทั้งคู่ไว้ ก่อนเหตุการณ์จะลุกลาม ฉัตรกับคู่หูโผล่เข้ามาเสียก่อน ทุกคนต่างชะงักทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โอตี่ไม่อยากมีเรื่องกับตำรวจตอนนี้ จึงขอตัวกลับ พีทจะไปบ้าง แต่ฉัตรขวางไว้ อ้างมีธุระจะคุยด้วย เขาหนีไม่ออกจำต้องพานายตำรวจทั้งสองไปที่สำนักงานของบริษัท ไทมองสบตาฉัตร ต่างฝ่ายต่างทำเป็นไม่รู้จักกัน...

พอพีททราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อจากฉัตร ทิ้งตัวลงนั่งอย่างไม่สบอารมณ์ เอ็ดตะโรเสียงลั่น

“อะไรนะ...ป๊าผมถูกลอบยิง ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“จะไปรู้คุณหรือ ที่ผมมาก็อยากจะบอกว่ารถที่ผู้จัดการคุณแจ้งหายไว้น่ะ เป็นรถที่คนร้ายขโมยไปก่อเหตุดักยิงพ่อคุณ และนอกจากนั้นแล้ว ผมก็ยังจะมาสอบปากคำเพิ่มเติมว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับคนที่นี่หรือเปล่า”

“ตามสบายเลย ผมก็อยากรู้เรื่องนี้เหมือนกัน...นี่ผู้จัดการไปทยอยเรียกคนงานมาเลยไป” พีทสั่งการ

ฉัตรหันไปบอกคู่หูให้สอบปากคำพวกคนงานไปพลางก่อน ตนจะขอไปเข้าห้องน้ำ แล้วแอบส่งสายตาให้ไทซึ่งรออยู่หน้าห้องผู้จัดการเป็นทำนองให้ไปพบกันที่ห้องน้ำ ไททิ้งระยะห่างจากเขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินตาม...

เมื่อเห็นห้องน้ำปลอดคน ฉัตรเล่าถึงสาเหตุที่มานี่เพราะสืบสวนทราบว่า รถที่ใช้ก่อเหตุลอบยิงบุ๊นเป็นรถที่ขโมยมาจากบริษัทแห่งนี้ สงสัยเกลือจะเป็นหนอน และแนะให้ไทถอนตัว

“ทำอย่างนั้นมันก็ไม่แมนน่ะสิน้า รับเงินเขามาตั้งหลายล้าน จู่ๆจะมาชิ่งหนี หรือถ้าผมไปจริงๆเขาคงไม่ปล่อยผมไว้หรอก”

ฉัตรพยักหน้ารับรู้ เตือนไทระวังตัวให้มากๆ และไม่ต้องบอกใครว่ารู้จักตน เดี๋ยวจะทำให้หมดความไว้วางใจ ชายหนุ่มรับคำ ก่อนจะอ้อมแอ้มถามถึงพวกที่ร้านน้าแป๊ดว่าเป็นอย่างไรบ้าง ฉัตรก็เห็นยังอยู่กันดี แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ เขาควรจะไปเยี่ยมพวกนั้นบ้าง แล้วขอตัวไปสอบปากคำพยาน ทิ้งให้ไทยืนครุ่นคิดอยู่คนเดียว...

ขณะเดียวกัน แป๊ดทั้งอ้อนวอนทั้งขอร้องหนูเอมให้ช่วยเอาขนมไปส่งลูกค้าให้ เธอกลับเกี่ยงให้แป๊ดเอาไปส่งเอง จังหวะนั้น ปลายฟ้ามาที่ร้านพอดี อาสาจะไปส่งขนมให้ แป๊ดยิ้มหนวดกระดิก ยื่นรายการขนมและแผนที่ที่อยู่ของลูกค้าให้เธอทันที

“งั้น...หนูเอมไปด้วยค่ะ” พูดจบ หนูเอมกุลีกุจอช่วยปลายฟ้าหิ้วกล่องใส่ขนมออกไปที่รถ แป๊ดถึงกับส่ายหน้าเซ็ง เมื่อครู่ขอร้องกันแทบตายหนูเอมไม่ยอมไปให้ ตอนนี้กลับเสนอตัวดิบดี

ooooooo

ฉัตรกับคู่หูสอบปากคำพนักงานในท่าเทียบเรือขนส่งสินค้าเสร็จเรียบร้อย โดยมีพีทกับผู้จัดการบริษัทคอยยืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ

“บอกแล้วว่าลูกน้องผมซ่ือสัตย์จะตาย” พีทยิ้มกวน

ไทซึ่งยืนรออยู่หน้าห้อง สังเกตเห็นพนักงานคนหนึ่งมาด้อมๆมองๆท่าทางมีพิรุธ ก่อนจะเดินหลบออกไป ไทแอบสะกดรอยตาม เห็นเขาเข้าไปใช้โทรศัพท์สาธารณะซึ่งตั้งอยู่ใกล้โกดังเก็บสินค้า

“นาย...นายต้องช่วยผมนะครับ พวกมันสงสัยแล้ว”

อารามตื่นตระหนก พนักงานไม่ทันเห็นไทเดินเข้ามาด้านหลัง สะกิดถามว่าทำอะไรอยู่ เขาตกใจตาเหลือก ทิ้งหูโทรศัพท์ วิ่งหนี ไทไล่ตามพลางตะโกนลั่นว่าอย่าหนี โอตี่ซึ่งถือสายรออยู่ได้ยินเสียงลอดเข้ามาชัดเจน หันไปบอกเบตตี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ

“สงสัยต้องเก็บขยะอีกชิ้นหนึ่งแล้ว” โอตี่ยิ้มเหี้ยม ขณะที่เบตตี้พยักหน้ารับคำอย่างเข้าใจความหมาย...

ฝ่ายไทวิ่งไล่พนักงานคนนั้นผ่านหน้าสำนักงานของบุ๊น ฉัตรกับคู่หูกำลังจะกลับออฟฟิศ เห็นเข้าก็รีบวิ่งตามไปช่วย พนักงานวิ่งหนีมาถึงลานจอดรถ โดดขึ้นรถกระบะจะสตาร์ตเครื่องหนี ไทตามทันกระชากตัวออกจากรถ เขายื้อสุดฤทธิ์ เอื้อมมือไปคว้าประแจเลื่อนที่อยู่ในรถ ฟาดไทอย่างแรงจนทรุดลงไปกองกับพื้น คิ้วแตก เลือดอาบ แล้วสตาร์ตรถทะยานออกไป ฉัตรเห็นรถของพนักงานวิ่งผ่านหน้า ตวัดปืนขึ้นมายิงยางรถ

แต่ยิงได้นัดเดียว กระสุนขัดลำกล้อง แถมนัดเดียวที่ยิงออกก็พลาดเป้า เขาแค้นใจมาก ชวนคู่หูไปดักหน้าทางออกถนนใหญ่ ไทยันตัวลุกขึ้นมาได้ กัดฟันวิ่งตาม เสียงปืนดังไปถึงหูพีทที่อยู่ในสำนักงานกับผู้จัดการ

“ใครยิงปืน” พีทพูดจบ ลุกพรวดออกไป...

อึดใจเดียว รถของพนักงานแล่นมาถึงทางออก ต้องตกใจที่เห็นฉัตรกับคู่หูยืนขวางทางไว้พร้อมกับเล็งปืนมายังตน แทนที่จะหยุดรถเขากลับเร่งเครื่องเข้าหา คู่หูกราดยิงไม่ยั้ง ขณะที่ฉัตรได้แต่ถือปืนขู่เพราะปืนยิงไม่ออก พนักงานกลัวถูกจับทะยานเข้าใส่หวังจะฝ่าออกไปให้ได้ ทั้งคู่ต้องพุ่งหลบไปคนละทาง

รถของพนักงานพุ่งออกมานอกถนนใหญ่ เป็นจังหวะเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของปลายฟ้าที่มีหนูเอมนั่งมาด้วยแล่นผ่านมาพอดี เขาพยายามหักรถหลบแต่ไม่พ้น เฉี่ยวรถของปลายฟ้าพลิกคว่ำ สองสาวกระเด็นออกจากรถนอนแน่นิ่ง ส่วนรถของเขาเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า คนขับสลบเหมือด ฉัตร คู่หู รวมทั้งไทและพีทต่างตกใจที่เห็นปลายฟ้ากับหนูเอมหัวแตกเลือดอาบนอนกองอยู่กับพื้นถนน รีบโทร.เรียกรถพยาบาล...

ไม่นานนัก ปลายฟ้าและหนูเอมถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หนูเอมอาการไม่น่าเป็นห่วง หลังจากทำแผลเรียบร้อย ถูกพาตัวมาที่ห้องพักฟื้น เธอยังคงนอนไม่ได้สติ โดยมีฉัตรคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง หมอรายงานว่าอาการของเธอไม่หนักหนาอะไร แค่ฟกช้ำและหัวแตก เขาให้ยานอนหลับเพื่อเธอจะได้พักผ่อนมากๆ

“ขอบคุณครับหมอ...เอ่อ...แล้วอีกคนล่ะครับ”

“คนไข้อีกคนหนึ่งอาการยังน่าเป็นห่วงครับ ตอนนี้ยังไม่ได้สติคงต้องอยู่ในไอซียูไปก่อน” หมอพูดจบขอตัวไปตรวจคนไข้ต่อ คู่หูเข้ามารายงานฉัตรว่า พนักงานคนนั้นแขนหัก และฟกช้ำนิดหน่อย ตอนนี้ให้ตำรวจเฝ้าไว้แล้ว ฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่คงจะสอบปากคำได้ ฉัตรพยักหน้ารับรู้ มองหนูเอมอย่างห่วงใย...

ที่ห้องไอซียู พีทยืนอยู่ข้างๆปลายฟ้าที่นอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียงผู้ป่วยหนัก มีสายน้ำเกลือและเครื่องช่วยหายใจห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด สีหน้าของเขาเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด พยาบาลเห็นหมดเวลาเยี่ยมแล้ว จึงขอให้เขาออกไปรอข้างนอก ทันทีที่พีทออกมา ไทซึ่งรออยู่อย่างกระวนกระวายใจ ปรี่เข้ามาถามว่าปลายฟ้าเป็นอย่างไรบ้าง เขาไม่ตอบ กระชากคอเสื้อไทดันไปติดข้างฝา

“เพราะนาย...เพราะนายคนเดียว ถ้านายไม่วิ่ง

ไล่ไอ้หมอนั่น ปลายฟ้าคงไม่เป็นแบบนี้หรอก เพราะนาย”

ไทไม่ตอบโต้ รู้ตัวดีว่ามีส่วนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ฉัตรกับคู่หูผ่านมาพอดีรีบเข้ามาแยกพีทออก เขายังทำใจไม่ได้กับการที่เห็นหญิงคนรักต้องมาเจ็บหนักโดย

ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ หันไปชกกำแพงระบายความอัดอั้น ไทถอนใจ หนักใจ แล้วจากไปเงียบๆ คลาดกับแป้งที่วิ่งหน้าตื่นออกจากลิฟต์เพียงนิดเดียว...

ที่ห้องพักฟื้นของหนูเอม ฉัตรอยู่เฉยต่อไปไม่ไหวต่อว่าแป๊ดเป็นการใหญ่ว่าไม่น่าปล่อยให้หนูเอมออกไปส่งของ ทีหน้าทีหลังเขาควรจะไปเอง แป๊ดโต้อย่างมีอารมณ์โดยไม่ได้สนใจหนูเอมที่ยังคงหลับไม่ได้สติ

“ก็ข้าจะไปรู้ได้ยังไงวะว่ามันจะเป็นแบบนี้”

“อ้าว...ไม่รู้ก็ยิ่งต้องระวังอย่าประมาทสิวะ”

โต้กันไปเถียงกันมา ทั้งสองเปิดฉากทะเลาะกัน เอะอะทำให้หนูเอมรู้สึกตัวปรือตามอง เห็นทั้งคู่กำลังบีบคอกันและกัน พึมพำเบาๆ

“ฝันร้ายอีกแล้วหรือนี่” พูดจบเธอหลับต่อ พยาบาลได้ยินเสียงเอะอะเปิดประตูเข้ามาดู ทั้งคู่จึงหยุดทะเลาะกันได้

ooooooo

ขณะเรียวขับรถผ่านหน้าสวนสัตว์ เหลือบมองทางกระจกส่องหลังเห็นพัดหันมองไปสถานที่นั้นด้วยสีหน้าไม่สบายใจ เขาลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะถามเธอว่ายังติดต่อไทไม่ได้อีกหรือ

“อือ...แปลกคนจริงๆ ทำไมหายไปเฉยๆนะ โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้เลย”

เรียวสงสารเจ้านายสาว รู้ดีว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับไท ใจหนึ่งอยากจะบอกเรื่องเขา แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้ทั้งคู่ได้พบเจอกันอีก สุดท้ายตัดสินใจไม่บอก เฉพูดไปทางอื่น “บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลบางอย่างมั้งครับ”

พัดแปลกใจปนขำ กระเซ้าเรียวว่าหัดเป็นคนมองโลกในแง่ดีตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นเขาเที่ยวมองใครต่อใครด้วยสายตาหวาดระแวงไปหมด เขาอ้างว่าอาชีพมันบังคับให้ต้องเป็นแบบนี้

“จะว่าไปอาชีพอย่างนายก็น่าสนุกดีนะ ว่างๆฉันจะลองเป็นบอดี้การ์ดดูบ้าง”

เรียวมองกระจกส่องหลังเห็นพัดมีท่าทางผ่อนคลายขึ้น พลอยสบายใจไปด้วย ถามว่าต้องการเป็นบอดี้การ์ดให้ใคร พัดตอบโดยไม่ต้องคิดว่าอยากเป็นให้เขาแล้วชวนเรียวมาลองสลับตำแหน่งกันดูสักวัน

“ไม่ดีกว่าครับ...ผมเกรงจะทำให้งานคุณพัดเสียเปล่าๆ”

“แล้วนายไม่กลัวฉันทำงานนายเสียหรือ...ฉันต่อสู้ไม่เป็น ยิงปืนก็ไม่เป็น” พัดหัวเราะสนุกสนาน แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ “...วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน กินข้าวข้างนอกดีกว่า”

เรียวรับคำ ดีใจที่จะได้มีเวลาอยู่กับหญิงที่ตนหลงรักเพียงลำพังเพิ่มขึ้น อย่างน้อยก็สองชั่วโมง...

ขณะที่ไทแอบมาหลบมุมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ที่สวนหย่อมของโรงพยาบาล พีทอยากจะเข้าไปขอโทษที่เมื่อครู่ทำเกินกว่าเหตุ แต่ขอโทษใครไม่เป็น ได้แต่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำกับเขาอย่างนั้น

“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ได้โกรธคุณ...คุณคงชอบเธอมาก...เธอเป็นคนโชคดีจริงๆ”

“แน่นอน...คิดดูสิ ผู้หญิงอีกเป็นร้อยอยากคบหากับฉัน แต่ก็ต้องอกหักไปตามๆกัน...แต่มันก็แปลก ไอ้คนที่ชอบ เขาก็ไม่ชอบเรา แต่ไอ้คนที่เราไม่ชอบ กลับเจอเอาๆ”

“แต่ผมว่าวันหนึ่งเธอก็ต้องชอบคุณเองนั่นแหละ” ไทฝืนใจตัวเองมากที่ต้องพูดประโยคนี้ออกมา จังหวะนั้น พีทเห็นแป้งเดินมาแต่ไกล จึงขอตัวไปหาข้าวเย็นกิน แล้วเดินไปหาเธอ...

ทันทีที่มังกรรู้ข่าวว่าเด็กของโอตี่ทำงานพลาดถูกตำรวจจับตัวไว้ได้ ตามมาตำหนิลูกชายถึงสนามไดรฟ์กอล์ฟ ว่าทีหน้าทีหลังทำอะไรให้รอบคอบหน่อย โอตี่หัวเราะ ก่อนจะแก้ตัวแบบยียวน

“แหม ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะขโมยรถของบริษัทลุงบุ๊นไปขายให้ไอ้พวกอาเจียงใช้งาน แต่มันก็ทำให้ตำรวจงงไปงงมาพักหนึ่งเชียวนะป๊า”

“แต่ตอนนี้ตำรวจอาจไม่งงไปงงมาแล้วก็ได้”

“นั่นสิ ตำรวจอาจจะงงว่าจู่ๆไอ้บ้านั่นมันเกิดตายขึ้นมาได้ยังไง” โอตี่หัวเราะร่วน ขณะที่มังกรมองเขางงๆ

ooooooo

ตกค่ำ พนักงานคนนั้นตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล มือข้างหนึ่งมีผ้าพันแผลพันไว้ อีกข้างหนึ่งถูกใส่กุญแจมือติดอยู่กับเตียง เขาพยายามจะปลดมันออก แต่มีเสียงดังขึ้นที่หน้าประตูห้องเสียก่อน รีบหลับตา ตำรวจเดินนำพยาบาลเข้ามาไขกุญแจมือเขาออกแล้วถอยไปยืนคุมเชิง พยาบาลจะ
ตรวจคนไข้รู้สึกเกรงใจ

“อีกนานค่ะ คุณตำรวจออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันใส่กุญแจมือเอาไว้อย่างเก่าเอง”

ตำรวจพยักหน้ารับคำ แล้วออกไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่หน้าห้อง สักพักใหญ่ๆ พนักงานในคราบพยาบาลเดินก้มหน้าก้มตาออกมา ตำรวจร้องทักโดยไม่ได้ละสายตาจากหนังสือพิมพ์

“เสร็จแล้วหรือครับ”

พยาบาลตัวปลอมส่งเสียงอือในลำคอ แล้วรีบเดินไปที่ลิฟต์ ขณะที่เขาก้าวเข้าไปในลิฟต์ตัวหนึ่ง ลิฟต์อีกตัวติดกันก็เปิดออก เบตตี้ในคราบคุณหมอก้าวออกมา แล้วเดินตรงไปยังห้องพักฟื้นของพนักงาน ลิฟต์ตัวที่พนักงาน เข้าไปแน่นมาก ทำให้ไม่เห็นไทยืนอยู่ที่มุมด้านในสุด...

อ่านละคร ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 8 วันที่ 17 ธ.ค. 55

ละครเรื่อง ดุจตะวันดั่งภูผา บทประพันธ์ / บทโทรทัศน์ : ภูมิแผ่นดิน
ละครเรื่อง ดุจตะวันดั่งภูผา กำกับการแสดง : เฉิด ภักดีวิจิตร
ละครเรื่อง ดุจตะวันดั่งภูผา แนวละคร : แอ็คชั่น โรแมนติก ดราม่า
ละครเรื่อง ดุจตะวันดั่งภูผา ดำเนินงานสร้าง : อาหลอง จูเนียร์
ละครเรื่อง ดุจตะวันดั่งภูผา ดูแลงานสร้าง : บุญจิรา ตรีติยะ
ละครเรื่อง ดุจตะวันดั่งภูผา ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ