@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 1 วันที่ 21 ม.ค. 56

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 1 วันที่ 21 ม.ค. 56

ณ ริมแม่น้ำโขงเมื่อหลายพันปีก่อน...บรรยากาศมืดมัว ฟ้าร้องกึกก้องกัมปนาทดุจฟ้าพิโรธ ลำน้ำกระเพื่อม ตามแรงลมฝน ดิ่งลึกลงใต้น้ำ นาคชายหญิงสองตัว คลอเคลีย ทันใดนั้น...ครุฑตัวหนึ่งโฉบลงฉกที่นาคชาย รวดเร็วจนนาคอีกตัวช่วยไม่ทัน นาคชายโชคร้ายบิดเร่าอย่างเจ็บปวด ท้องน้ำเต็มไปด้วยเลือดแดงฉานแลดูน่ากลัว...


วันเวลาผ่านไป...บรรยากาศ ณ ริมน้ำโขงเงียบสงบ ภุชคินทร์ชายหนุ่มเชื้อพระวงศ์รูปงามขับรถชมวิวมากับภิงคารรัฐมนตรีมือสะอาดผู้มีศักดิ์เป็นน้าชายอย่างอารมณ์ดี ราชนิกุลหนุ่มประทับใจทิวทัศน์ริมน้ำโขงเป็นพิเศษ ถึงขั้นปรารภว่าอยากชวนหม่อมภาณีผู้เป็นแม่มาเที่ยว เผื่อได้ ที่ดินผืนงามมาปลูกบ้านพัก ภิงคารแซวหลานว่าเป็นเอามาก ภุชคินทร์มีสีหน้าครุ่นคิด



“ไม่รู้สิครับ ขนาดเพิ่งมาครั้งแรก ผมกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เหมือนว่าเคยอยู่ที่นี่มาก่อน”

“แปลกดี ไปอยู่เมืองนอกเมืองนาตั้งหลายปี กลับมารู้สึกคุ้นเคยที่ริมน้ำโขง”

“สงสัยเนื้อคู่ผมจะอยู่แถวนี้มั้งครับคุณน้า”

“ถ้าใช่จริงๆก็ต้องเรียกว่าบุพเพสันนิวาสแล้วล่ะชาย”

“บุพเพอาละวาดมากกว่าครับ เพิ่งมาครั้งแรก ยังติดใจขนาดนี้ ถ้าได้อยู่นานๆ จะมีอะไรเกิดขึ้นกับผมอีก”

สองน้าหลานยิ้มให้กันขำๆแล้วต้องแปลกใจเมื่อเห็นชาวบ้านยืนมุงข้างทาง ภุชคินทร์เบนรถจอดและชวนน้าเดินหากลุ่มคน ได้ยินเสียงคุยกันเซ็งแซ่แต่ฟังไม่ได้ศัพท์ กองทัพนักข่าวถ่ายรูปบรรยากาศกันอย่างโกลาหล สองน้าหลานเห็นรอยเท้าอะไรสักอย่างลากเป็นทางยาวจากแม่น้ำโขงขึ้นมาบนฝั่ง ภุชคินทร์หยิบกล้องถ่ายรูปที่พกติดตัวเสมอมาถ่ายเก็บไว้ มนตรีหนึ่งในนักข่าวจำภิงคารได้จึงเข้ามาทักและอธิบายเรื่องรอยประหลาด

“ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรอยเท้าพญานาคครับ เขาว่าพญานาคออกมาเล่นน้ำฝน”

ภุชคินทร์เพ่งดูรอยเท้าด้วยความสงสัย ทันใดนั้นเอง... รอยเท้านั่นเลื้อยเข้าเป็นวงกลมและพุ่งใส่ดวงตาเขาอย่างจัง หัวสมองเขาอื้ออึง เห็นรอยเท้าเป็นวงเวียนคล้ายรูปหน้าของสตรี ชายหนุ่มพยายามสะบัดหัวไล่ความมึนงงแต่กลับได้ยินเสียงเรียกเบาๆ

“ภุชเคนทร์...ภุชเคนทร์”

ภุชคินทร์ง่วงงุนเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ พยายามหรี่ตามองแต่รู้สึกเหมือนมีลมปะทะ เขาทำท่าคล้ายจะหมดสติ ภิงคารถลาไปพยุงหลานและพากลับไปที่รถ นักข่าวกรูมาถ่ายรูปกันอย่างตื่นเต้น ชาวบ้านมองตามอย่างอยากรู้อยากเห็น ลงความเห็นว่าชายหนุ่มหน้าตาดีอาจต้องมนต์พญานาค...

ภิงคารเป็นห่วงอาการหลานชายจึงอาสาพาไปโรงพยาบาลแต่ภุชคินทร์ไม่ยอม อ้างว่าแค่เหนื่อยมากไปเท่านั้น ชายหนุ่มหันกลับไปที่กลุ่มคนแล้วสะดุ้งเฮือก เห็นร่างเลือนลางของสตรีปริศนาจ้องเขาอยู่ ภุชคินทร์อุทานเสียงดังจนภิงคารเบรกรถตัวโก่ง ราชนิกุลหนุ่มหันไปอีกครั้ง คราวนี้ไม่เห็นสตรีผู้นั้นแล้ว ภุชคินทร์นิ่วหน้า...เกิดอะไรกับเขากันแน่

เวลาเดียวกัน...นรินทร์นั่งสมาธิในห้องพระที่บ้าน เห็นนิมิตเป็นท้องฟ้ามืดทะมึน ฝนและลมพัดกระหน่ำ พญานาคตนหนึ่งผุดขึ้นกลางลำน้ำด้วยท่าทางกราดเกรี้ยว เขาขมวดคิ้ว พยายามรับสารที่พญานาคตนนั้นต้องการสื่อแต่ไม่ทันรู้เรื่อง ประตูห้องเปิดออก นาถสุดาลูกสาวเข้ามาปลุกเขาออกจากนิมิต หญิงสาวคุ้นเคยกับลางสังหรณ์ของบิดาดี รู้สึกเป็นห่วงไพศิษฐ์แฟนหนุ่มกับสุบรรณลูกพี่ลูกน้องตงิดๆ

ooooooo

สุบรรณนักการเมืองหนุ่มอนาคตไกลออกจากห้องประชุม ณ ที่ทำการพรรคชื่อดังและให้สัมภาษณ์กองทัพนักข่าว ตอบคำถามเกี่ยวกับคู่ควงคนล่าสุดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อำนาจเลขานุการส่วนตัวผู้เปรียบเสมือนมือขวามาช่วยกันเจ้านายออกจากฝูงชนและพาเลี่ยงไปลานจอดรถ กลุ่มนักข่าวมองหน้ากันยิ้มๆ เม้าท์สุบรรณไล่หลัง

“ไม่ได้ข่าวตามเคย ท่านสุบรรณเอาแต่ยิ้มแล้วก็เลี่ยงอย่างนี้ทุกที”

“ท่านถึงได้สมญานามไง ว่าเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์เพราะอารมณ์ดี ไม่เคยหงุดหงิดกับใครสักคน”

กลุ่มนักข่าวมองตามสุบรรณปลื้มๆ ประทับใจมาดและรอยยิ้มทรงเสน่ห์เกินกว่าจะเคืองที่ไม่ได้ข่าว

ฟากอำนาจพาเจ้านายหนุ่มมาถึงลานจอดรถ สุบรรณเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุดันทันทีราวกับเป็นคนละคน ถามเสียงห้วนถึงเรื่องที่มอบหมายให้ติดต่อซุ้มมือปืน อำนาจไม่ทันตอบ เสียงมือถือสุบรรณดังขึ้น เขาปรับเสียงเป็นอ่อนโยนเมื่อเห็นชื่อที่หน้าจอ นาถสุดาโทร.มาแต่ไม่กล้าบอกเรื่องนิมิตของนรินทร์ สุบรรณเห็นญาติสาวไม่มีอะไรจึงขอวางสายและหันไปสั่งงานเรื่องมือปืนต่อ อำนาจรับคำขรึมๆ ดูแลให้เจ้านายขึ้นรถและขับออกไป

หลังวางสายสุบรรณ...นาถสุดาโทร.หาแฟนหนุ่มทันทีด้วยความเป็นห่วง ไพศิษฐ์นายตำรวจมือปราบไฟแรงที่กำลังซ้อมยิงปืน กดรับสายอย่างอารมณ์ดี นาถสุดา โล่งอกที่เขาไม่เป็นอะไรและเล่าเรื่องนิมิตของนรินทร์ให้ฟัง ไพศิษฐ์คุ้นเคยกับญาณพิเศษของว่าที่พ่อตาดี ยิ้มน้อยๆ แล้วอดค่อนแคะสุบรรณไม่ได้

“ตอนนี้ผมไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าช่วงเลือกตั้งล่ะไม่แน่”

“คุณศิษฐ์ชอบพูดอย่างนี้ทุกที มันสะเทือนถึงพี่สุบรรณของนาถนะคะ”

“นาถจะกลัวทำไมล่ะ ในเมื่อเคยบอกเองว่าพี่สุบรรณของนาถเป็นคนดี”

“พี่สุบรรณเป็นคนดีแน่ค่ะ แต่คนรอบข้างเขานาถไม่รู้”

ไพศิษฐ์รู้ว่าแฟนสาวรักลูกพี่ลูกน้องคนนี้มากเลยไม่อยากขัด ปลอบไม่ให้คิดมาก นาถสุดาวางสายแต่ยังกังวลเพราะทุกครั้งที่บิดาเกิดนิมิตมักเกิดเรื่องไม่ดี ในใจก็ภาวนาขออย่าให้ครอบครัวกับคนที่รักเป็นอันตราย

คืนเดียวกันที่วังนาเคนทร์...มีงูขนาดย่อมเลื้อยอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าวัง ขดตัวเป็นวงกลมแล้วผงกหัวขึ้นดุจรอฟังอะไรบางอย่าง มันมองไปด้านในเห็นนารีวรรณหรือหนูนาหลานห่างๆที่หม่อมภาณีขอมาเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่เด็กเอาอกเอาใจภุชคินทร์อย่างประจบ ภิงคารที่มาส่งหลานชายมองด้วยสายตาเอ็นดู หม่อมภาณีอดบ่นน้องชายไม่ได้ที่ใช้งานลูกชายหัวแก้วหัวแหวนหนักจนเกือบเป็นลมบนริมฝั่งโขง ภิงคารยิ้มรับและชี้แจงขำๆ

“ก็นายชายเป็นผู้ช่วยผม ก็ต้องไปกับผมสิครับคุณพี่”

หม่อมภาณีค้อนน้องชายแต่ไม่จริงจังนัก ภิงคาร บอกว่าถ้าภุชคินทร์ไม่ทำท่าจะเป็นลมเสียก่อนคงอยู่ดูรอยเท้าพญานาคต่อ หม่อมภาณีไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ อดเหน็บน้องชายไม่ได้

“สนใจตรงเป็นรอยเท้าพญานาคจริงๆ หรือเป็นขบวนการแหกตาของพวกมิจฉาชีพล่ะ”

“เรื่องแบบนี้ล้อกันเล่นไม่ได้หรอกพี่ภาณี ถ้าชาวบ้านรู้คงเอาตาย เพราะเขาเชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่ เกิดขึ้นช่วงเทศกาลออกพรรษา ที่เขาแห่บั้งไฟพญานาคกัน”

“งั้นพญานาคคงขึ้นมารับรู้และให้พรที่ชาวบ้านทำบุญไปให้เขานั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอก”

นารีวรรณนั่งฟังแม่บุญธรรมกับน้าชายถกเรื่องพญานาคแล้วคิดอะไรได้ เปรยขำๆว่าพญานาคอาจอยากพบผู้คนบ้างก็ได้...โดยเฉพาะพี่ชายเพราะชื่อภุชคินทร์แปลว่านาคราชผู้เป็นใหญ่ ชายหนุ่มเจ้าของชื่อเลิกคิ้วแล้วถาม

“แล้วทำไมคุณแม่ถึงตั้งชื่อผมว่าภุชคินทร์ล่ะครับ”

“ตอนแม่ท้อง...แม่ฝันถึงพญานาคราชจ้ะ”



หม่อมภาณีตอบยิ้มๆ ต่างจากภุชคินทร์ที่มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที นึกถึงเหตุการณ์ประหลาดเมื่อกลางวันแล้วสังหรณ์ไม่ดี...ขณะเดียวกันที่ด้านนอก...งูขนาดย่อมตัวนั้นค่อยๆคลานออกจากวังอย่างสงบ เลื้อยไปตามแนวหญ้ารกชัฏ ทันใดนั้น...มันหยุดเมื่อปรากฏเงาของเจ้าอุรคาทาบทับตามแนวหญ้า มันผงกหัวขึ้นและกลายร่างเป็นชรายุหญิงรับใช้คนสนิท รายงานทุกสิ่งที่ได้เห็นจากวังนาเคนทร์

“ท่านภุชเคนทร์จำเรื่องราวทุกอย่างไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดถึงได้ชื่อภุชคินทร์”

“ไม่เป็นไร เราจะทำทุกอย่างให้ภุชเคนทร์จำได้...ภุชเคนทร์จะต้องจำได้”

เสียงของเจ้าอุรคาแผ่วเบาแต่กังวานน่ากลัว ชรายุมองไปที่เจ้านายสาวอย่างสงสารและยำเกรง...

ooooooo

ภุชคินทร์เก็บคำพูดหม่อมภาณีเรื่องฝัน

ถึงพญานาคตอนท้องไปคิดมากจนนอนไม่หลับ นึกถึงรอยเท้าพญานาคที่เพิ่งเจอ อาการมึนงงคล้ายจะเป็นลม เสียงเรียกแผ่วเบา เงาของสตรีปริศนาที่ริมโขงแล้วต้องนิ่วหน้า ผุดลุกจากเตียงมาที่โต๊ะทำงาน

ราชนิกุลหนุ่มหยิบกล้องมาเปิดดูรูปรอยเท้าพญานาคที่ถ่ายไว้พลางค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต พบเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับการกราบไหว้บูชา การขอหวยและทำนายฝัน แต่ไม่มีแหล่งข่าวใดระบุถึงความจริงสักแห่ง ภุชคินทร์มองภาพรอยเท้าพญานาคอย่างสงสัย...หรือว่าทั้งหมดจะเป็นแค่เรื่องแหกตา ทันใดนั้น...ลมแรงพัดมาปะทะที่หน้าต่างจนเขาสะดุ้ง ชายหนุ่มมองที่ภาพรอยเท้าพญานาคอีกครั้งแล้วปรากฏ– การณ์ประหลาดก็เกิดขึ้นอีก เมื่อเขารู้สึกวูบๆเหมือนถูกดูดเข้าไปในรอยเท้านั้นจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

ภุชคินทร์รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อเท้าสัมผัสน้ำที่เย็นเฉียบ กวาดสายตามองรอบๆแล้วนึกรู้ว่ากำลังเดินอยู่ริมน้ำโขงในยามค่ำคืนที่เงียบสงบแต่ดูวังเวง เสียงบรรเลงดนตรีพื้นบ้านค่อยๆดังขึ้น ชายหนุ่มหันไปมอง เห็นสตรีนางหนึ่งยืนหันหลังในลำน้ำ เธอหันมามองเขาเพียงเสี้ยวหน้าแล้วพูดเสียงเบา

“ข้าดีใจเหลือเกินที่ท่านมา ภุชเคนทร์...มา...กลับมาอยู่ด้วยกัน...มา...ภุชเคนทร์...มา”

หญิงสาวเดินลึกลงไปในน้ำ ภุชคินทร์ร้องลั่น ถลาไปช่วยแต่เหมือนเธอจะจมห่างไปเรื่อยๆ เขาตัดสินใจกระโจนคว้าแล้วแทบสิ้นสติเมื่อร่างนั้นกลายเป็นนาค ภุชคินทร์ตะลึง ร้องลั่นแข่งกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังกึกก้องดุจฟ้าถล่ม

ภุชคินทร์สะดุ้งตื่นเมื่อมีเสียงเคาะประตูอย่างแรงในเช้าวันถัดมา เขาลุกไปเปิดประตูให้นารีวรรณน้องสาวบุญธรรมที่มาปลุกตามคำสั่งหม่อมภาณีเพราะเห็นว่าเขาตื่นสายกว่าปกติ ภุชคินทร์ตั้งสติ มองไปที่คอมพิวเตอร์ เห็นภาพรอยเท้าพญานาคปรากฏที่หน้าจอก็ยิ้มน้อยๆ บอกตัวเองว่าคงสงสัยเรื่องนี้มากจนเก็บไปฝัน เขาปิดคอมพิวเตอร์แล้วเข้าห้องน้ำ หมดความสนใจเรื่องรอยเท้าพญานาคแต่เพียงเท่านั้น...

ขณะเดียวกันที่บ้านภิงคาร...เฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีนั่งหน้าหงิกแหงนมองบันไดชั้นบน บ่นกระฟัด กระเฟียดที่ภิงคารยังไม่ลงมา น้อมกับต้อยติ่งคนรับใช้ประจำบ้านมองสองแม่ลูกอย่างระอา ถ้าไม่ติดว่า

ทั้งสองเป็นญาติเจ้าของบ้านคงพูดอะไรสักอย่างไปแล้ว ภิงคารลงมาพอดี สองแม่ลูกปรับสีหน้าและทักทายเสียงใสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าของบ้านหนุ่มใหญ่เปรยว่ากลับดึกเพราะแวะวังนาเคนทร์ส่งภุชคินทร์ที่ไม่ค่อยสบาย เฟื่องวลีตาโตแล้วตัดพ้อ

“คุณลุงไปบ้านพี่ชาย ทำไมไม่บอกคะ ฟีบี้อยากเจอพี่ชาย”

“นายชายไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องห่วง แล้วคราวหลัง ลุงว่าเฟื่องเรียกตัวเองว่าเฟื่องเหมือนเดิม หรือจะเฟื่องวลีตามชื่อจริงก็ได้นะ จู่ๆเปลี่ยนชื่อเป็นฟีบี้อย่างนี้ ลุงไม่คุ้นหูคุ้นปากเลย”

ภิงคารจิบกาแฟแล้วออกไปทำงาน สองแม่ลูกหยิบกระเป๋าเอกสารตามไปส่งที่รถ น้อมกับต้อยติ่งมองตามหลังคณะเจ้านายแล้วส่ายหน้าปลงๆ ต้อยติ่งถามน้อมเสียงเซ็งสุดขีด

“เมื่อไหร่คุณสองคนนั่นจะกลับไปอยู่บ้านตัวเองล่ะป้า เขาไม่ได้เป็นญาติกับคุณท่านไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ใช่ญาติก็เหมือนนั่นแหละ คุณเฟื่องฟ้าเป็นพี่สาวภรรยาของท่านภิงคาร”

“แต่ภรรยาคุณท่านเสียแล้วตั้งหลายปี ไม่น่ามีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก”

“ใช่...ไม่ควรมีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่ทำไงได้ ในเมื่อคนมันไม่มีที่ไป ก็ต้องอยู่เป็นปลิงคอยเกาะเขาอยู่อย่างนี้ โดยเฉพาะคุณท่านเป็นคนใจดี สองแม่ลูกนั่นคงดูดเลือดคุณท่านกันสนุกล่ะ”

สองสาวรับใช้ต่างวัยมองหน้ากันเอือมๆ...หวังว่าสักวันสองแม่ลูกจะไปจากบ้านนี้เสียที

ooooooo

ไพศิษฐ์รู้ข่าวภุชคินทร์เพื่อนรักเกือบเป็นลมหมดสติเมื่อเห็นรอยเท้าพญานาคจึงชวนนาถสุดาไปเยี่ยม เจอกับเฟื่องวลีและพะนอฤดีเพื่อนสนิทของนารีวรรณที่หน้าวังนาเคนทร์ สองสาวคู่ปรับปะทะคารมกันหอมปากหอมคอแล้วเข้าไปเยี่ยมภุชคินทร์ ไพศิษฐ์กับนาถสุดามองหน้ากันขำๆ...เดาว่าภุชคินทร์ตกที่นั่งลำบากแต่เช้าแน่

หม่อมภาณีกับภุชคินทร์มองกระเช้าขนาดใหญ่สองใบจากเฟื่องวลีและพะนอฤดีด้วยสายตากระอักกระอ่วน สองสาวคู่กรณียังจ้องตากันอย่างไม่ยอมแพ้ ภุชคินทร์เปรยลอยๆด้วยความสงสัยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว ไพศิษฐ์ อยากแกล้งเพื่อนเลยแซวขำๆว่าให้ลองไปอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์

“ม.ร.ว.ภุชคินทร์ผู้ช่วยสุดหล่อของท่านภิงคาร เจอรอยเท้าพญานาคเข้าหน่อยถึงกับเป็นลม”

ภุชคินทร์ทำหน้าเมื่อยเพราะคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เช่นเดียวกับเฟื่องวลี ต่างจากพะนอฤดีที่มองคู่ปรับเคืองๆ จ้ำอ้าวออกไปข้างนอกอย่างหัวเสีย นารีวรรณวิ่งตามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ปลอบให้ใจเย็นและควบคุมอารมณ์ พะนอฤดีสูดลมหายใจลึก พูดเสียงเครียด

“ก็เพราะที่นี่เป็นบ้านผู้ดีสิจ๊ะ ฤดีถึงเป็นผู้ดีตาม ไม่งั้นหนูนาคงรู้ว่าลูกแม่ค้าคนนี้จะจัดการยายซอมบี้นั่นยังไง”

นารีวรรณยิ้มให้คำเปรียบเปรยของเพื่อนสาว พะนอฤดีอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้ระบาย ฝากขอโทษภุชคินทร์และให้ช่วยกันท่าเฟื่องวลี หญิงสาวไปขึ้นรถแล้วร้องกรี๊ด สุดเสียงเมื่อเห็นงูขนาดย่อมเลื้อยตัดหน้า หยุดชูคอแผ่แม่เบี้ยจ้องมาที่เธอ ตาสินคนสวนวิ่งมาดูหน้าตื่น ตามด้วย ภุชคินทร์ ไพศิษฐ์ นาถสุดา หม่อมภาณี และเฟื่องวลี คนสวนเก่าแก่ตั้งท่าจะใช้จอบฆ่างูแต่ภุชคินทร์ห้ามไว้ บอกให้ไล่แต่อย่าฆ่า สิ้นเสียงราชนิกุลหนุ่ม งูที่ขู่ฟ่อเลื้อยหนีไปอย่างว่าง่าย ไพศิษฐ์อดแซวเพื่อนไม่ได้ที่พูดกับงูรู้เรื่อง นาถสุดารีบอธิบายแทน

“งูเขารับรู้ได้ด้วยเมตตาจิตต่างหากค่ะ คุณชายไม่อยากทำร้าย เขาเลยรีบเลื้อยหนีไป”

“คุณนาถคุยกับงูรู้เรื่องด้วยหรือคะ” เฟื่องวลีถามลอยๆ

“ไม่หรอกค่ะ นาถพูดตามที่ได้ศึกษาธรรมะมา การไม่เบียดเบียนกันได้เป็นสิ่งดี”

“ฟีบี้คงไม่ใจดีเหมือนคุณนาถหรอกค่ะ ลองงูมันเข้ามา จะฟันให้คอขาดเลย”

หม่อมภาณีมองท่าทางฮึดฮัดของเฟื่องวลีอย่างระอา เช่นเดียวกับภุชคินทร์ที่บอกให้หญิงสาวกลับเพราะเห็นงูแผ่แม่เบี้ยจ้องเธออยู่ เฟื่องวลีวิ่งหนีขึ้นรถพร้อมกับงูตัวนั้นที่เลื้อยหายไป ภุชคินทร์กำชับตาสินเรื่องไล่งูแล้วกลับเข้าวัง โดยมีสายตาของงูอีกตัวมองตามจนร่างเขาลับตา


ไพศิษฐ์พานาถสุดาออกจากวังนาเคนทร์ไปหาสุบรรณที่บ้าน บ่นกระปอดกระแปดตลอดทางเรื่องบรรยากาศชวนอึดอัดเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดของคฤหาสน์ญาติเธอ

“ถ้านาถไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องท่านสุบรรณ ผมไม่ยอม เป็นผู้ติดตามหรอก รู้สึกเหมือนเป็นมาเฟียไปด้วย”

“ก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ก่อนได้ตำแหน่งนี่คะเลยมีผู้คุ้มกันเยอะ แต่คุณศิษฐ์อย่าห่วงเลยค่ะ พี่สุบรรณเป็นคนดี”

ไพศิษฐ์ไม่อยากค้านให้แฟนสาวไม่สบายใจเลยอือออตาม อำนาจมาต้อนรับด้วยสีหน้าเฉยชา นาถสุดายิ้มหวานและบอกว่าเอาเสื้อมาให้เจ้านายเขาใส่ไปงานเลี้ยง มือขวาคนสนิทญาติเธอพยักหน้ารับก่อนเดินนำเข้าไป สุบรรณทักทายลูกพี่ลูกน้องสาวและถามไพศิษฐ์เรื่องงานเลี้ยงรับรองแขกต่างประเทศ

“ผมคุยกับหม่อมราชวงศ์ภุชคินทร์แล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ”

“หม่อมราชวงศ์ภุชคินทร์...ผู้ช่วยท่านภิงคาร ได้ข่าวว่าจบนอกและเก่งมาก ฝากบอกด้วยว่าผมอยากรู้จัก”

ไพศิษฐ์รับปากแกนๆ มองหน้านักการเมืองหนุ่มที่เขารับหน้าที่ติดตามอย่างไม่ค่อยไว้ใจ นาถสุดาเสริมว่าราชนิกุลหนุ่มไม่เพียงมีความสามารถแต่ยังรูปงามไม่แพ้ญาติหนุ่ม สุบรรณยิ้มเหยียดๆ นึกเขม่นภุชคินทร์ตั้งแต่ยังไม่เจอตัวจริง ส่งสัญญาณเรียกอำนาจมาสั่งความให้รีบเคลียร์งาน เพราะสังหรณ์ใจว่าอาจต้องอยู่ในงานเลี้ยงนาน
กว่าที่คิด

ooooooo

และแล้วงานเลี้ยงรับรองแขกต่างประเทศของสุบรรณก็มาถึง บรรดาแขกผู้มีเกียรติจากแวดวงต่างๆทยอยเข้างานกันอย่างไม่ขาดสาย รวมทั้งเฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีที่ติดสอยห้อยตามภิงคารมา สองแม่ลูกมองบรรยากาศในงานด้วยความตื่นเต้น ซักซ้อมแผนโปรโมตตัวเองด้วยการใช้ภุชคินทร์เป็นเครื่องมือ

“หาทางประกบคุณชายให้ได้นะยายเฟื่อง เวลาออกข่าวจะได้เห็นหน้าแก”

“เรื่องแบบนี้คุณแม่ไม่สอน ฟีบี้ก็ไม่พลาดอยู่แล้ว และตอนนี้ลูกชื่อฟีบี้ค่ะ อย่าเผลอเรียกว่าเฟื่องวลีนะคะ”

เฟื่องวลีเชิดหน้าอย่างหยิ่งผยอง มองเห็นภุชคินทร์เดินมาจึงร้องทักเสียงใส ราชนิกุลหนุ่มหันไปมองแล้วต้อง ชะงักเมื่อไพศิษฐ์ตะโกนเรียกจากอีกทาง เขาเลือกไปหาเพื่อน เฟื่องวลีขัดใจแต่พยายามเก็บอาการ ก้าวตามไปอย่างไม่ยอมแพ้ ทิ้งมารดาให้เตร็ดเตร่ในงานคนเดียว

ไพศิษฐ์ถามหาภิงคารเพราะน่าจะเข้างานมาพร้อม เพื่อนรัก ภุชคินทร์บอกว่าน้าชายกำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ด้านนอก ผู้กองหนุ่มถือโอกาสพาเพื่อนไปหาสุบรรณตามที่ได้รับคำสั่งมาก่อนหน้า เฟื่องวลีมาถึงตัวสองหนุ่มพอดีเลยขอตามไปด้วย สุบรรณพูดคุยกับบรรดาแขกในงานอย่างอารมณ์ดีถึงกับชะงักเมื่อเห็นราชนิกุลหนุ่ม เช่นเดียวกับภุชคินทร์ที่รู้สึกแปลกๆเมื่อเผชิญหน้านักการเมืองหนุ่มอย่างสุบรรณ ไพศิษฐ์รับหน้าที่แนะนำเพื่อนรักยิ้มๆ

“ท่านครับ...หม่อมราชวงศ์ภุชคินทร์ นาเคนทร์ครับ”

สุบรรณยื่นมือให้จับ ภุชคินทร์สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่บีบมือ ถอนมือและทักทายยิ้มๆ

“ผมรู้จักท่านสุบรรณ...ในฐานะหนุ่มไฟแรง คนเก่ง แต่ท่านคงไม่รู้จักผม”

“รู้จักสิ ผมได้ยินชื่อคุณมานานตั้งแต่คุณอยู่ต่างประเทศ รู้ว่าเป็นหลานรักท่านภิงคาร แต่ที่ผมแปลกใจคือรู้สึกว่าเราจะเคยรู้จักกันมาก่อน แต่จำไม่ได้จริงๆว่าที่ไหน”

สุบรรณจ้องหน้าภุชคินทร์นิ่ง สั่งไพศิษฐ์ให้ประสานกับราชนิกุลหนุ่มเพื่อหาเวลาทานมื้อค่ำด้วยกันหลังงานเลี้ยง ผู้กองหนุ่มทำหน้าแหยงๆ หันไปทางภุชคินทร์ที่รับปากตามมารยาท เฟื่องวลีตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่างแล้วชะงักเมื่อได้ยินเสียงฮือฮาของกองทัพนักข่าวบริเวณหน้าห้องจัดเลี้ยง

เจ้าอุรคาในชุดสีเขียวมรกตปรากฏกายพร้อมกับยมนาชายหนุ่มรูปงามในชุดดำแลดูลึกลับ ทั้งสองกลายเป็นเป้าสายตาคนทั้งงาน ภุชคินทร์กับสุบรรณมองสาวสวยผู้มาใหม่อย่างไม่วางตา สุบรรณตื่นตะลึงกับความงามราวกับโดนมนต์สะกด ต่างจากภุชคินทร์ที่มองอย่างพินิจ รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอหญิงสาวที่ไหนมาก่อนแต่ยังนึกไม่ออก

เฟื่องวลีเห็นทุกคนสนใจแต่หญิงสาวผู้มาใหม่เลยหลบไปเติมแป้งเพิ่มความมั่นใจ กลับมาเห็นภิงคาร พูดคุยอยู่กับหญิงสาวสวยจัดคนนั้นอย่างคุ้นเคยดี แนะนำเธอให้รู้จักสุบรรณเจ้าของงาน

“นี่เจ้าอุรคาแห่งภูจำปาครับ แล้วนี่ก็คุณสุบรรณ ครุฑไพฑูรย์ ชายหนุ่มที่เก่งและเนื้อหอมที่สุดตอนนี้”

เจ้าอุรคาก้มศีรษะน้อยๆอย่างไว้ตัว แววตาเยือกเย็น จนชายหนุ่มรู้สึก สุบรรณทักทายอย่างเคลิ้มๆและถามถึงภูมิลำเนาของหญิงสาวที่อีกฝั่งโขงอย่างรู้จักดี สองหนุ่มสาวพูดคุยกันถูกคอ ส่งยิ้มให้กันอย่างยินดี ภุชคินทร์มองด้วยความหมั่นไส้และชวนเฟื่องวลีออกจากงาน เจ้าอุรคาเห็นราชนิกุลหนุ่มจะออกไปจึงตามไปทัก ภุชคินทร์มองมาอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์จะรู้จักเขา เจ้าอุรคายิ้มหวานและยื่นมือให้

“รู้จักท่านภิงคารก็ต้องรู้จักผู้ช่วยคนเก่งของท่านสิคะ ยินดีที่ได้รู้จัก...อีกครั้งค่ะ”

บรรดาแขกหนุ่มๆมองด้วยแววตาอิจฉา เพราะเจ้าอุรคาไม่ทักทายใครอย่างสนิทสนมเช่นนี้ แม้กระทั่งสุบรรณชายหนุ่มเนื้อหอมของงาน เฟื่องวลีมองเจ้าหญิงต่างแดนที่จับมือภุชคินทร์อย่างอ้อยอิ่งด้วยความไม่พอใจ พูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด ภุชคินทร์ปล่อยมือและขอตัวไปกับเฟื่องวลี โดยมีสายตาของสุบรรณมองตามอย่างหัวเสีย

เฟื่องวลีลากภุชคินทร์มาด้านนอกงานเลี้ยงและนินทาเจ้าอุรคาอย่างเสียๆหายๆ ชายหนุ่มพยายามปรามแต่หญิงสาวไม่หยุด จับมือเขาแน่นและค่อนแคะเจ้าหญิงต่างแดนด้วยความหมั่นไส้ที่ได้รับความสนใจจากคนทั้งงาน

“ก็มันจริงไหมล่ะคะ คืนนี้หล่อนคงอยากจะเก็บแต้มให้หมดทั้งท่านสุบรรณและพี่ชาย พี่ชายก็รู้ว่าผู้หญิงสมัยนี้ไวไฟจะตาย จะรักนวลสงวนตัวเหมือนเมื่อก่อนไม่มีหรอก”

“ดีจ้ะที่ฟีบี้รู้จักรักนวลสงวนตัว ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยมือพี่สักที”

เฟื่องวลีไม่ยอมปล่อย ภุชคินทร์ไม่ทันตอบโต้ รู้สึกเหมือนโดนจับตามอง เห็นเจ้าอุรคามองด้วยแววตาตัดพ้อ เฟื่องวลีหันมาเห็นก็ฮึดฮัด ภุชคินทร์เห็นท่าไม่ดี เดินกลับเข้างานโดยมีเฟื่องวลีวิ่งตามติดๆ เจ้าอุรคามองภาพตรงหน้าด้วยสายตาวาวโรจน์แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มเมื่อเห็นสุบรรณตรงมาหา ภุชคินทร์หันกลับมาทันเห็นดวงตาหวานเยิ้มของเจ้าอุรคาที่มีต่อสุบรรณก็ชักเชื่อที่เฟื่อง– วลีเคยพูด...ท่าทางเจ้าหญิงคนสวยจะชอบหว่านเสน่ห์!

แต่ถึงกระนั้น...ภุชคินทร์ไม่ยิ้มแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินเฟื่องวลีจีบปากจีบคอพูดถึงเจ้าอุรคาอย่างมีอคติ ชายหนุ่มช่วยพูดแก้ให้แต่หญิงสาวไม่สนใจ โพล่งออกไปว่าหวงราชนิกุลหนุ่ม ภุชคินทร์ชักสีหน้า ดุเธอว่าไม่มีสิทธิ์เพราะไม่ได้เป็นอะไรกัน เฟื่องวลีกระทืบเท้าอย่างขัดใจแต่ไม่ทันตอบโต้ ไพศิษฐ์พุ่งมาหาทั้งสองเสียก่อน ส่งสายตาบุ้ยใบ้ไปทางสุบรรณกับเจ้าอุรคาที่พูดคุยกันกะหนุงกะหนิง ภุชคินทร์มองตามแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

ooooooo

สุบรรณมองเจ้าหญิงจากต่างแดนด้วยสายตาหลงใหล เปรยให้ฟังว่าเพิ่งเข้าใจความรู้สึกแปลกๆของตนที่เหมือนจะได้เจอเรื่องมหัศจรรย์ เจ้าอุรคาส่งสายตายั่วยวนแล้วแกล้งถามต่ออย่างสนใจ สุบรรณทำตาหวานเยิ้มเข้าใส่บอกความในใจและสารภาพว่าสิ่งมหัศจรรย์นั้นคือเธอ

“ครับ...ทันทีที่ได้เจอเจ้า ผมก็ไม่อยากละสายตาไปทางไหนเลย”

“บังเอิญดิฉันไม่ใช่สาวสิบเจ็ดที่จะหลงละเมอเพ้อพกไปกับคำหวานของผู้ชาย...โดยเฉพาะผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกัน”

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 1 วันที่ 21 ม.ค. 56

ละครเรื่อง มณีสวาท บทประพันธ์โดย : จินตวีร์ วิวัธน์
ละครเรื่อง มณีสวาท บทโทรทัศน์โดย : ณัฐวัฒน์
ละครเรื่อง มณีสวาท กำกับการแสดงโดย : วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง มณีสวาท แนวละคร : ตื่นเต้น ลึกลับ
ละครเรื่อง มณีสวาท ผลิตโดย : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด โดย สมจริง ศรีสุภาพ
ติดตามชมละครเรื่อง มณีสวาท ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา manager