@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 1 วันที่ 29 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 1 วันที่ 29 ม.ค. 56

สุพรรณบุรี รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๖ ราวพุทธศักราช ๒๔๔๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๕

ในความเลือนลางของเวลากลางคืน ตรงบริเวณริมน้ำอันไกลลิบนั้น ปรากฏร่างผู้หญิงนางหนึ่งงามสง่าราวนางพญา ที่มือของนางจับปลายโซ่เส้นหนึ่งไว้มั่น นางมองไล่ตามโซ่เส้นนั้นไปยังคอของผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในชุดนางทาสถูกมัดมือมัดเท้านอนกองอยู่ที่พื้น และที่ข้อเท้ายังมีลูกตุ้มเหล็กถ่วงอยู่ หญิงนางทาสที่ถูกจองจำส่งเสียงร่ำร้องครวญคร่ำอย่างทุกข์ทรมาน

“เอ็งเกิดมาเป็นทาส อย่าริจะแข่งวาสนากับข้า ของของข้า อ้าย อีหน้าไหนก็ไม่มีวันได้ไป!”
หญิงงามนางนั้นเอามือจิกหัวทาสหญิงคนหนึ่งให้เงยหน้ากล่าวสำทับสุ้มเสียงดุดันน่ากลัว
“เอ็งอยากแย่งของรักของข้า เอ็งก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”



เสียงร้องครวญครางและเสียงข่มขู่นั้น “ขุนพิทักษ์ไมตรี” หรือ ขุนพิทักษ์ รู้สึกขนลุกซู่ และพยายามจะเข้าไปช่วยด้วยความรู้สึกห่วงใยหญิงผู้เป็นทาสคนนั้น แต่แล้วเท้าก็ถูกกระตุกจนล้ม และเมื่อมองเท้าตัวเองกลับมีโซ่ตรวนเส้นยาวผูกติดข้อเท้าของตนกับข้อเท้าของหญิงงามไว้

สาวงามผู้ทำการอันอุกอาจนางนั้น มีนามว่า “รำพึง” ผู้เป็นบุตรีของพระยาเทวราช นางหันมองมายังขุนพิทักษ์และยิ้มเย็นยะเยือก ก่อนที่จะเหวี่ยงนางทาสที่มีนามว่า “ชุ่ม” ลงน้ำไปพร้อมลูกตุ้มเหล็ก
เสียงหวีดร้องกับเสียงหัวเราะดังระงมปนเปกันไป
ชุ่มดำดิ่งลงไปในน้ำตามน้ำหนักของลูกตุ้มเหล็ก นางดิ้นทุรนทุราย ช่วยตัวเองไม่ได้และกำลังจะหมดลมหายใจ
ขุนพิทักษ์ดิ้นทุรนทุรายพยายามจะเข้าช่วยชุ่มที่จมน้ำ ในขณะที่รำพึงก็ไม่ยอม นางลากขุนพิทักษ์ขึ้นมาจากน้ำอย่างทุลักทุเล
เสียงสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมา พาทุกอย่างดับวูบ!

เวลาเช้าตรู่ ขุนพิทักษ์ไมตรีซึ่งยังอยู่ภายในห้องนอน กระตุกดวงตาโพลงเบิกกว้าง ความรู้สึกที่สัมผัสได้ในฝันเหมือนจริงมาก เพียงแค่ภาพฝันนั้นสั่นระริกไหว ไม่ชัดเจนนัก
เสียงเคาะประตูห้องยังคงดังอยู่ตลอด
ขุนพิทักษ์พูดกับตัวเอง
“ฝันหรือนี่”
บริเวณด้านนอก คุณหญิงมณีเคาะประตูเรียกลูกชายให้ตื่น
“พ่อพิทักษ์ ตะวันรุ่งแล้ว ลูกสัญญาว่าจะไปถวายผ้าป่ากับแม่ที่วัดเถรมั่น ได้เวลาแล้วนะลูก”
ภายในห้องนอน ขุนพิทักษ์ลงนอนอย่างไม่สนใจ
“คุณแม่นำขบวนไปก่อนเลย เดี๋ยวลูกตามไปขอรับ”
“ไปพร้อมกันจะงามกว่านะลูก แม่จะรอ ทำบุญให้พระรอไม่ดีนะลูก”
ขุนพิทักษ์เปิดประตูออกมาอย่างหงุดหงิด
“ถ้ายังเซ้าซี้ไม่เลิกรา ลูกไม่ไปนะขอรับ คุณแม่เลือกเอา!”
พูดจบขุนพิทักษ์ก็ปิดประตูโครมใหญ่ใส่หน้า คุณหญิงมณีได้แต่ถอนหายใจ มองหน้าแจ่มบ่าวคนสนิท
“นังแจ่ม เอ็งให้คนคอยดูไว้ด้วย ออกมาเมื่อไหร่ก็ให้พาไปวัด”
“เจ้าค่ะคุณหญิง”
คุณหญิงมณีหน้าตาไม่สู้ดีเดินไป แจ่มถอนหายใจเฮือก

เวลากลางวัน ภายในโรงบ่อนข้างตลาด ที่วงพนันไก่ชนที่กำลังจิกตีกันอย่างเลือดเข้าตา
ขุนพิทักษ์ไมตรีกำลังออกรสกับการเชียร์ไก่ข้างได้เปรียบ พร้อมมีหญิงบำเรอชายแนบสนิทข้างกาย ยามดีใจก็หอมซ้ายหอมขวา เสียงอึกทึกของผีพนันต่างเชียร์ไก่ฝั่งตน ไก่ต่างฟาดแข้ง แทงเดือยกันอย่างไม่ลดละจนไก่ฝ่ายเสียเปรียบล้มกลิ้ง วิ่งหนีไม่เป็นท่าก่อนกะลาจะจมน้ำ
ขุนพิทักษ์ลุกเฮลั่นเข้าไปอุ้มไก่ตัวโปรด
“มันต้องอย่างนี้สิไอ้กล้าลูกพ่อ”
ขุนพิทักษ์ส่งไก่ให้ทาสที่ตามมารับใช้ แล้วเดินเข้าไปฉวยอัฐทั้งหลายที่วางเดิมพันกันไว้ แล้วจ้องหน้าเยาะเย้ย
“กระจอกจริงๆ”
พวกฝ่ายตรงข้ามมองหน้าขุนพิทักษ์อย่างไม่ชอบในท่าทีโอ้อวด
หญิงบำเรอบอก
“วันนี้ท่านขุนดวงขึ้นเหลือเกินเจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์ยิ้มแล้วหยิบอัฐแหนบไว้ในผ้าแถบของนางบำเรอ ก่อนหัวเราะแล้วยิ้มด้วยความสะใจ
นายบ่อนเดินเข้ามาด้วยท่าทีพินอบพิเทากับขุนพิทักษ์
“นังทาสโง่พวกนี้ช่างไม่รู้กระไร...ท่านขุนพิทักษ์ไมตรี ลูกชายคนเดียวของพระยาสุรเดชไมตรีไม่รู้จักคำว่าดวงตกหรอกเว้ย..ใช่มั้ย ขอรับท่านขุน”
“นี่อัฐของเจ้า รางวัลที่พูดจาถูกหูข้า”
พวกนักพนันต่างถิ่นที่โดนปรามาสอดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงลุกขึ้นโวย
“ถุย...อวดบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ที่แท้มันก็พวกผีพนันเหมือนกันล่ะวะ”

ขุนพิทักษ์ฯหันมองหน้าพวกนักพนันด้วยแววตากร้าว
บนศาลาวัดตอนสายวันนั้น แลเห็นเครื่องถวายผ้าป่าวางเรียงอย่างสวยงาม คุณหญิงมณีตั้งใจฟังเสียงเทศน์มหาชาติของหลวงตามั่นในกัณฑ์มัทรี ที่บอกเล่าเรื่องราวของความรักที่พ่อแม่มีต่อบุตร กัณฑ์เทศน์กำลังจะจบ คุณหญิงมองซ้ายมองขวา แล้วก็หันไปหาแจ่มบ่าวคนสนิท

“นังแจ่ม ทำไมจนป่านนี้พ่อพิทักษ์ยังไม่ถึงวัด เถรมั่นเทศน์เข้ากัณฑ์ที่ ๙ แล้ว”
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาทางด้านหลัง คุณหญิงดีใจคิดว่าบุตรชายมาแล้ว
“พ่อพิทักษ์”
คุณหญิงมณีหันไปก็ชะงัก ทุกคนมองตาม
กลับเป็น “ขุนไวพิชิตพล” หรือที่ผู้คนเรียกกันติดปากว่า “ขุนไว” ท่าทางองอาจ เดินเข้ามาแล้วขยับลงนั่งข้างคุณหญิงมณี และก้มกราบหลวงตามั่น
“นมัสการขอรับ หลวงตา”
ขุนไวไหว้คุณหญิงมณี
“ต้องขอประทานโทษที่ผมมาสายเพราะติดงานราชการ”
เถรมั่นยิ้มเป็นการรับรู้แล้วเริ่มเทศน์กัณฑ์สักกบรรพต่อ
“นังแจ่ม เอ็งให้ไอ้สมไปดูพ่อพิทักษ์ที”
“เจ้าค่ะคุณหญิง”
แจ่มกราบพระและหมอบคลานออกไป ผ่านหน้าขุนไว คุณพิกุลและคุณซ่อนกลิ่น ทั้งสองมองขุนไวพิชิตพลแล้วกระซิบกระซาบกัน
“ขุนไวนี่ทั้งรูปงามแล้วยังเก่งทั้งการบ้านการเมือง ไม่น่าเชื่อว่ากำพืดจะเป็นเพียงแค่เด็กวัดนะ” พิกุลว่า
“วาสนาดีน่ะสิคะคุณพิกุล ที่ท่านพระยาพิศาลไม่มีลูกสืบสกุลแล้วมาถูกชะตากับขุนไว รับไปชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่ แถมยังกตัญญูต่อเถรมั่นตามมาดูแลมิได้ขาด”
“ผิดกับพ่อพิทักษ์ ลูกคุณหญิงมณีราวฟ้ากับเหวเลยนะคะ รายนั้นน่ะมีตำแหน่งได้ก็เพราะบารมีพ่อล้วน ๆ พระยาสุรเดชก็อาการทรง ๆ ทรุด ๆ คุณหญิงถึงต้องเป็นแม่งานทอดผ้าป่า ทำบุญผ่อนบาปครั้งใหญ่นี่ไงคะ”
คุณหญิงมณีได้ยินแล้วสีหน้าก็เป็นกังวล
หลวงตามั่นกระแอมพอเป็นพิธี คุณซ่อนกลิ่นกับคุณพิกุลสะดุ้งรีบเงียบทันที คุณหญิงเหลือบมองขุนไวที่นั่งฟังเทศน์อย่างตั้งใจก็ถอนใจคิดถึงขุนพิทักษ์
“พ่อพิทักษ์...”

บริเวณตลาดริมน้ำไม่ไกลจากโรงบ่อนนัก “ชุ่ม” เป็นสาวแรกรุ่น ผู้มีแววตาใสแต่หน้าตามอมแมมด้วยเหงื่อไคลจากการกรำงาน ชุ่มขะมักเขม้นช่วยนางเย็นผู้เป็นแม่กับนายอยู่ผู้เป็นพ่อยกผลไม้ใส่เข่งให้กับลูกค้าที่มาซื้อ
ชาวบ้านแถวนั้นวิ่งกรูไปทางหนึ่ง ชุ่มมองตามแล้วถามแม่
“แม่จ๋า คนเขาวิ่งไปดูอะไรกันหรือจ๊ะ”
“สงสัยที่โรงบ่อนจะมีมวยอีกตามเคย” นางเย็นว่า
“หึ...ไอ้พวกผีบ้าไม่ทำมาหากิน ยังแค่นหาเรื่องเจ็บตัว” นายอยู่บอก
“นังชุ่ม เอ็งอย่าได้ริเอาไอ้พวกนี้มาทำผัวเชียวนะ จะตรอมใจไปจนตาย” แม่ค้าว่า
“นังตาบเอ็งก็พูดเข้า นังชุ่มมันยังเด็กยังเล็ก”
“โห้ย..นังเย็น ข้าก็เห็นเด็กๆแบบลูกเอ็งเนี่ยมันมีผัวกันแล้วทุกคนล่ะวะ”
แม่ค้าหัวเราะ แล้วก็สั่งคนยกผลไม้ไป ชุ่มมองไปทางชาวบ้านที่วิ่งกันไป

ขุนพิทักษ์ถูกโยนออกมากองที่พื้นด้านหน้าโรงบ่อน นักพนันยกตีนหมายกระทืบซ้ำ แต่ขุนพิทักษ์พลิกตัวหลบทัน และใช้ตีนถีบไปที่ท้องของนักพนัน และลุกขึ้นต่อกรกันอย่างเมามัน
พวกผีพนันเปลี่ยนจากเชียร์ไก่มาเป็นเชียร์มวยแทน ต่างพนันขันต่อกันอย่างสนุก

ภายในศาลาการเปรียญ หลวงตามั่นยังเทศน์อยู่ คุณหญิงมณีที่มีสีหน้าเป็นกังวลตั้งจิตภาวนา ผู้คนนิ่งสงบ ขุนไวพิชิตพลฟังเทศน์สีหน้าสงบดูซาบซึ้งในรสพระธรรม ลูกน้องขึ้นมายังศาลา แล้วเข้ามากระซิบกับขุนไวที่หันขวับมองลูกน้องประมาณว่าจริงเหรอ ลูกน้องพยักหน้ารับ ขุนไวยกมือไหว้หลวงตามั่นแล้วค่อย ๆ ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ หลวงตามั่นมองตามขุนไวไป รู้ว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ

เสียงเชียร์มวยยังดังต่อเนื่อง ชุ่มที่มีผ้าคลุมหัวพยายามเบียดคนเข้ามาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ชุ่มกลัวแต่ก็แอบตื่นตาตื่นใจ ที่ได้เห็นคนวางมวยกันต่อหน้า
ทันใดนั้น ขุนพิทักษ์ก็ล้มลงมานอนกองที่พื้นตรงหน้าชุ่ม ชุ่มเห็นหน้าขุนพิทักษ์เต็มสองตา แววตาใสแจ๋วตะลึงด้วยความตกใจ แต่เป็นจังหวะที่นักพนันหยิบดาบออกมาหมายจะแทง ขุนพิทักษ์เห็นนักพนันดิ่งตรงมาทางตนและชุ่ม ชาวบ้านต่างกรีดร้อง
“หลบ!”
ขุนพิทักษ์ผลักตัวชุ่มให้หลบทางดาบไป ชุ่มล้มไปอีกทาง
“เป็นขี้แพ้ชนไก่แค่นี้จะเล่นกันให้ถึงตายเชียวรึไอ้ขี้ครอก”
“ไปปากกล้าในนรกต่อเถอะเอ็ง”
นักพนันไม่พูดพร่ำ ปรี่เข้าแทงขุนพิทักษ์ ชุ่มเห็นขุนพิทักษ์เสียเปรียบแล้วยังช่วยตนจึงหยิบไม้ที่อยู่ใกล้ๆโยนเข้าไปให้ขุนพิทักษ์ แล้ววิ่งไปแอบที่หลังเพิงใกล้ๆ
ขุนพิทักษ์คว้าไม้ได้ก็ฟาดดาบที่มือนักพนันจนร่วง ขุนพิทักษ์หยิบดาบได้กลับเป็นฝ่ายได้เปรียบพลิกตัวเอามีดจ่อคอนักพนัน...
“คราวนี้เอ็งต้องไปอยู่ในนรกแทนข้า”
ชุ่มตกใจที่ขุนพิทักษ์มีสีหน้าดุดันท่าทางเอาจริง
นายบ่อนรีบวิ่งเข้าไปกราบขุนพิทักษ์
“ท่านขุน อย่าให้มีการนองเลือดกันเลย ถ้ามีใครตาย บ่อนกระผมเห็นทีจะอยู่ไม่ได้”

ขุนพิทักษ์มองไปรอบตัวเห็นนางทาส นางบำเรอต่างกลัวลนลาน
ชุ่มมองลุ้นอยู่ว่า ขุนพิทักษ์จะทำยังไง แต่ยังไม่ทันได้เห็น นางเย็นผู้เป็นแม่ก็เข้ามาจากทางเบื้องหลัง

“นังชุ่ม เอ็งมาอยู่ตรงนี้เดี๋ยวก็โดนพ่อเฆี่ยนหลังลายหรอก ไป..อย่าไปยุ่งกับไอ้คนชั่วพวกนี้”
นางเย็นลากตัวชุ่มออกไป ชุ่มไม่ทันได้รู้ว่า ขุนพิทักษ์จะตัดสินใจอย่างไร
ทางฝั่ง ขุนพิทักษ์เสียบมีดพรวดไปที่นักพนัน! แต่มีดกลับปักอยู่ที่พื้นใกล้คอนักพนัน นักพนันตกใจตาเหลือก
“เป็นพระเดชพระคุณเหลือเกินท่านขุน”
“ข้าไม่อยากให้เลือดสกปรกของไพร่ชั้นต่ำมาระคายมือข้า แต่ข้าคงต้องสั่งสอนให้ไอ้ไพร่นี่ มันจะได้รู้ที่ต่ำที่สูง อ้ายอีคนไหนอยากได้อัฐในถุงนี้ก็สั่งสอนไอ้ไพร่ให้หลาบจำ เป็นหรือตายข้าไม่สน”
ขุนพิทักษ์โยนถุงเงินลงพื้น ชาวบ้านแย่งเงินอย่างกับเปรต และรุมเหยียบนักพนันที่อยู่กลางวง
ขุนพิทักษ์หัวเราะสะใจเดินออกไป เพียงลับหลังขุนพิทักษ์ ชาวบ้านก็รุมกระทืบนักพนันเสียจนอ่วม นักพนันคลานหนีเอาตัวรอด
แต่จังหวะนั้นก็มีเท้าหนึ่งมาถีบยอดอกชาวบ้านคนหนึ่งจนกระเด็น ทั้งกลุ่มกระเจิงออกไป ขุนไว มาพร้อมกับลูกน้อง ๒ คน
“คนของข้า ใครก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง!”

นางเย็นลากชุ่มถูลู่ถูกังมาตามทางที่จะไปตลาดริมน้ำ
“นังลูกคนนี้หาเรื่องให้โดนตี”
“ฉันแค่อยากเห็นกับตาว่าไอ้ที่พ่อกับแม่ว่าชั่วน่ะมันเป็นยังไง พอรู้แล้ว ฉันจะได้ไม่ถูกหลอกง่ายๆไงจ๊ะแม่”
“เฮ้อ! นังลูกคนนี้”
“ฉันสาบานว่าฉันจะไม่ข้องเกี่ยวกับไอ้คนชั่วพวกนั้น ฉันจะตั้งใจทำงานหาเบี้ยหาอัฐ ไปไถ่ตัวพี่สม พี่สมจะได้ไม่ต้องไปเป็นทาสเขาให้ลำบาก”
สีหน้านางเย็นแฝงความรู้สึกเศร้าพลางลูบหัวลูกสาว
“นังชุ่มเอ้ย..บุญเอ็งมันน้อยนัก ทำไมเอ็งไม่ไปเกิดในท้องคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ จะได้ไม่ต้องเกิดมาลำบากอย่างนี้”
ชุ่มยิ้มแล้วบอก
“ชั้นเชื่อนะว่าทำดีก็ต้องได้ดี อีกหน่อยเราต้องสบายแน่จ้ะแม่”
ชุ่มโผกอดแม่แน่น นางเย็นยังหน้าเศร้าอยู่

ในเวลาต่อมา ขุนพิทักษ์ไมตรีเดินมาถึงหน้าวัด เจอสม ทาสในเรือน สมลงไปนั่งกับพื้น
“คุณหญิงรออยู่ที่ศาลาการเปรียญขอรับ”
ขุนพิทักษ์ได้ยินก็หัวเสียถีบสมเข้าโครมใหญ่ สมล้มกลิ้งไป
“แล้วเอ็งจะบอกทำไมว่าเจอข้า หุบปากของเอ็งไว้ไอ้สม! ถ้าไม่อยากโดนหวาย”
สมมีอาการจุกรับคำ
“ขอรับ”
ระหว่างที่ขุนพิทักษ์จะไป ก็มีเสียงของขุนไว ดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง
“ลูกพระน้ำพระยามีชัยแก่พวกไพร่ในบ่อนเบี้ย รู้ไปถึงไหน คงมีแต่คนแซ่ซ้อง”
ขุนพิทักษ์สายตากร้าวหันมา ขุนไวมีเพียงแววตาท้าทายไม่ยำเกรงเช่นเดียวกัน
“แล้วมันกงการอะไรของเอ็งไอ้ไว”
“ก็ไพร่คนนั้นมันเป็นคนของข้า เอ็งทำอย่างนี้มันไม่หักหน้ากันไปหน่อยเหรอ”
“อ้อ....ขี้ข้าคงคาบข่าวไปฟ้องนาย ถุย! ขี้ขลาด ข้าว่าพวกเอ็งหาซิ่นมานุ่งกันทั้งเรือนน่าจะดีกว่า”
ลูกน้องขุนไว บอก
“ท่านขุนพูดจาแบบนี้ไม่ให้เกียรติท่านขุนไวพิชิตพลเลยนะครับ”
“เกียรติข้ามีไว้ให้คนที่ศักดิ์เท่ากัน ไม่ใช่ไอ้พวกเด็กวัด คางคกขึ้นวอ!”
ขุนไวโกรธจัดกำหมัดแน่น ลูกน้องกระชับดาบ แต่ขุนไวยกมือห้ามไว้
“อย่าใช้กำลังตัดสินเหมือนพวกไพร่เลย ข้าว่าเราใช้วิธีแบบผู้มีปัญญาเขาทำกันดีกว่า ถ้าเอ็งไม่หัวหดซะก่อนนะไอ้พิทักษ์”
“ว่ามา”
“แข่งเรือกับข้า ถ้าเอ็งแพ้ เอ็งต้องกราบตีนขอสมาข้า!”
ขุนไว หน้าตาท้าทายกวนน้ำโห
“ได้! แต่ถ้าเอ็งแพ้... เอ็งไม่ต้องกราบตีนข้า เพราะคางคกอย่างเอ็งต้องกราบตีนหมาที่หน้าวัด”
ขุนไวพิชิตพลกำหมัดแน่น แววตาขุนพิทักษ์ไมตรีไม่กลัวใคร

หลวงตามั่นเทศน์จบ ทุกคนก้มลงกราบ
บ่าวคนหนึ่งมาส่งข่าวให้แจ่มที่ด้านหน้าโบสถ์ ฟังแล้ว แจ่มถึงกับจับอกด้วยความตกใจ รีบหมอบคลานเข้ามาหาคุณหญิงมณี
“คุณหญิงเจ้าคะ ท่านขุนมาแล้วเจ้าค่ะ”
“อยู่ไหนล่ะนังแจ่ม เรียกพ่อพิทักษ์มากราบเถรมั่นให้เร็ว” คุณหญิงมณีบอก
“เอ่อ...เอ่อ คือ”
“คืออะไร”
“ข้างนอกดูเหมือนจะมีแข่งเรือกันนะคะคุณหญิง” คุณซ่อนกลิ่นพูดขึ้น
คุณพิกุลบอก
“บ่าวอิฉันมาบอกว่าพ่อพิทักษ์กับพ่อไวพนันแข่งเรือกันค่ะ”
“พนันแข่งเรือ”
คุณหญิงมณีหันไปมองหน้าแจ่มที่พยักหน้ารับ
“เจ้าค่ะ”
“บ่าวมันยังว่าใครแพ้ต้องกราบตีนหมาด้วยค่ะคุณหญิง” คุณพิกุลว่า
คุณหญิงหันมองหน้าแจ่ม
“ใช่เจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณีได้ฟังแล้วลมจะใส่

หลวงตามั่น ส่ายหัวน้อยๆ อย่างไม่เห็นด้วย
บริเวณริมท่าน้ำวัดแค เรือของขุนไวพิชิตพล เขากับสมุนอีก ๓ คน กำลังเตรียมพร้อม ทางฝั่งเรือของขุนพิทักษ์ไมตรี มีสมและทาสชายอีก ๒ คน กำลังเตรียมเรือเช่นกัน

คุณหญิงมณีและกลุ่มเดินเร็วมาที่ริมน้ำตรงไปหาขุนพิทักษ์
“นี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงต้องมาพนันขันต่อกันในวัด วันนี้งานบุญนะพ่อพิทักษ์”
“ลูกก็กำลังจะโปรดสัตว์ ให้หมามันได้รับการกราบไหว้จากคนขอรับคุณแม่”
ขุนพิทักษ์พูดเสียงดังให้ขุนไว ได้ยิน
“หรือไม่คนอย่างเอ็งก็ต้องมากราบตีนคนอย่างข้า”
“เลิกแล้วต่อกันไม่ได้หรือไงพ่อไว ถือว่าป้าขอ”
“ถึงมันให้ ลูกก็ไม่ยอม ยังไงก็ต้องแข่งเรือให้ได้ ไอ้สมเอาพายลงน้ำ”
ขุนพิทักษ์ พูดจบก็เอาเรือออกไปยังจุดออก...
“พ่อพิทักษ์ พ่อพิทักษ์!”

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 1 วันที่ 29 ม.ค. 56

ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3 (ต่อจาก ตะวันฉาย ในม่ายเมฆ)
ที่มา manager.co.th