@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 10/3 วันที่ 19 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 10/3 วันที่ 19 ม.ค. 56

มาก ไม่รู้ว่าภูวดลจะมาไม้ไหน รมณีลุกเดินมาหาลูกสาว
“พวกเรารู้เรื่องภาพถ่ายนั่นแล้ว”
รวีพรรณยังไม่เข้าใจ ภูวดลแสร้งเดินทำหน้าสำนึกผิดเข้ามาจับมือ รวีพรรณผงะ
“ผมขอโทษนะครับที่ผมทำตัวไม่ดี ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น”
รวีพรรณอึ้งมากที่ภูวดลใช้วิธีนี้เพื่อแก้เกมของเธอ ภาสันต์รีบเดินมาสมทบ
“ลูกชายอาสำนึกผิดแล้วจริงๆ ที่ทำลงไปเพราะถูกเพื่อนบังคับ ดลเสียใจมากที่ทำให้หนูไม่พอใจ”
ศรีพิไลตามมาอีกคน

“น้ายืนยันด้วยอีกคนว่า พ่อดลรู้สึกแย่มากจริงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เค้ากังวลใจอย่างที่สุด กลัวหนูจะไม่แต่งงานด้วย”
รวีพรรณมองภูวดลทึ่งจนพูดอะไรไม่ออก ภูวดลรีบพูดต่อทันที



“มันไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่าที่คุณเห็น ยกโทษให้ผมนะครับ ผมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ในสิ่งที่ผมทำให้คุณเสียใจ”
รวีพรรณโมโหที่ตามเกมส์ภูวดลไม่ทันจนพูดอะไรไม่ออก ณรงค์ลุกเดินมาหารวีพรรณ
“พ่อดลเค้ายอมขนาดนี้แล้ว ก็ยกโทษให้พ่อดลเค้าเถอะ”
“คนเรามันทำผิดพลาดกันได้ และแม่ก็มั่นใจว่าจากนี้ไป จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นขึ้นอีก” รมณีว่า
ทุกคนช่วยกันพูดให้ภูวดล ยิ่งทำให้รวีพรรณโกรธ ภูวดลเข้ามาสวมกอด รวีพรรณอึ้ง
ภูวดลกระซิบข้างหูรวีพรรณด้วยน้ำเสียงเหี้ยมก่อนเปลี่ยนเสียงเป็นน่าสงสาร
“อภัยให้ผม ยังไงคุณก็หนีผมไม่รอดหรอก - - อภัยให้ผมนะครับคุณรวี”
รวีพรรณได้แต่กำมือแน่นด้วยความโกรธแค้นสุดๆ ภูวดลลอบยิ้มร้ายอย่างพอใจ

รวีพรรณเข้ามาในห้องสีหน้าโกรธเกรี้ยว เอาหมอนขึ้นมาฟาดบนเตียงไม่หยุด
“ไอ้บ้า! บ้าบ้าบ้าบ้า! ฉันเกลียดแกไอ้ภูวดล ฉันเกลียดแก”
รวีพรรณระเบิดอารมณ์สุดแรง

พิทยากำลังเก็บของใส่กระเป๋าเอกสาร ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น พิทยาหันไป
“เชิญครับ”
ปวีณาเปิดประตูเข้ามา สีหน้าไม่สู้ดี
“คุณพิทคะ ไซต์งานที่เขาใหญ่มีปัญหาค่ะ”
พิทยานิ่วหน้า
“มีอะไร”
“ผู้รับเหมาไม่ทำตามแบบ วิศวกรบอกให้รื้อก็ไม่ยอม สถานการณ์ไม่ค่อยดีเลย แล้วคุณใหญ่ก็ไม่อยู่ด้วย”
พิทยาฟังแล้วก็เป็นกังวลขึ้นมาทันที

ภายในห้องรับแขก สุอาภาดูนาฬิกาเห็นว่า เที่ยงกว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนสีหน้าไม่สบายใจ
“ไหนบอกแป๊บเดียว ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก”
สุอาภากดโทรศัพท์หาพิทยาอีกครั้ง

พิทยากำลังขับรถออกนอกเมือง เสียงมือถือดังขึ้น พิทยากดรับสายผ่านทางบลูทู๊ด ยังไม่ทันพูด เสียงสุอาภาก็ดังออกมา
“เสร็จงานเหรอยัง”
“พอดีไซต์งานที่เขาใหญ่มีปัญหา ผมต้องรีบไปดูครับ”
สุอาภาตกใจ
“นี่นายขับรถไปถึงเขาใหญ่เลยเหรอ แล้วนายไปกับใคร”
“ผมมาคนเดียว คิดว่าจัดการไม่นานคงกลับได้”
สุอาภาถอนใจ
“เมื่อกี้นายก็บอกว่าแป๊บเดียว หวังว่าคราวนี้คงจะไม่นานอย่างที่พูดจริงๆนะ ขับรถดีดีล่ะ ฉันเป็นห่วง”
พิทยายิ้ม
“ผมจะดูแลตัวเองอย่างดี แค่นี้นะครับ”
พิทยาวางสายแววตาเป็นประกายอย่างรู้สึกดีมากๆ

รวีพรรณสีหน้าไม่สบอารมณ์อยู่กับสินีนาฎที่ร้าน
“เท่าที่ฉันฟังเธอเล่าเรื่องคุณภูวดล เค้าไม่มีทางยกเลิกงานแต่งงานกับเธอแน่ เธอทำใจเรื่องพิทซะเถอะ เธอกับพิทคงไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน”
“ฉันไม่มีวันยอมแพ้ ไม่ว่าจะเป็นภูวดลหรือสุอาภา มันต้องมีทางที่จะทำให้ฉันไม่ต้องแต่งงานสิ”
รวีพรรณพยายามนึกหาทาง แล้วก็คิดถึงคำพูดของภูวดลที่พูดกับแม่าที่ร้านเวดดิ้ง
“หลังจากที่คุณย่าให้ที่ดินกับผมเป็นของขวัญแต่งงาน และผมโอนเป็นชื่อคุณพ่อเรียบร้อย ผมก็หย่ากับคุณรวีได้ใช่มั๊ยครับ”
รวีพรรณยิ้มมุมปากแล้วบอก
“ฉันนึกออกแล้วว่าจะทำยังไงเรื่องนายภูวดล”
สินีนาฎมองรวีพรรณที่มีสีหน้าเจ้าเล่ห์อย่างสงสัย

บ่ายวันนั้น ที่บ้านสวนจันทร์จำนง … รวีพรรณวางถุงใส่ชาไว้ตรงหน้าจันทร์จำนง
“รวีซื้อชามาฝากคุณย่าค่ะ นี่เป็นชาคาโมไมล์จะช่วยให้คุณย่าผ่อนคลายและนอนหลับสบาย”
“ขอบใจหนูมากนะจ๊ะ”
“คุณย่าลองดมดูสิคะ”
รวีพรรณหยิบซองชาออกมาให้จันทร์จำนง
“ยังไม่ได้ชงก็หอมแล้ว”
“หอมจริงๆด้วย แค่นี้ก็รู้สึกผ่อนคลายแล้ว”
รวีพรรณยิ้มแล้วก็มองจันทร์จำนงอย่างหยั่งเชิง ทำเป็นพูดลอยๆขึ้นมา
“เห็นคุณภูวดลบอกว่าคุณย่าจะให้ที่ดินคุณภูวดลเป็นของขวัญวันแต่งงาน”
จันทร์จำนงชะงัก
“พ่อดลรู้ได้ยังไง ฉันไม่เคยบอก”
รวีพรรณทำหน้าตาย
“รวีก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คุณภูวดลบอกรวีแค่นี้”
จันทร์จำนงนิ่งไปอย่างครุ่นคิดแล้วก็นึกออก
“คุณแม่ครับ...ที่ดินของคุณแม่แถวนนท์ฯ คุณแม่มีโครงการจะทำอะไรเหรอยังครับ” ภาสันต์ถาม
“ถามทำไม”
“ผมสนใจอยากสร้างห้างสรรพสินค้า เพราะแถวนั้นยังไม่มีห้างฯใหญ่ รับรองถ้าสร้างเสร็จเมื่อไหร่...ได้กำไรเน้นๆเต็มๆเลยนะครับ”
“แม่ไม่สนใจ เพราะแม่จะเก็บที่ดินตรงนี้ให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของพ่อดลกับหนูรวี”
จันทร์จำนงรู้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร รวีพรรณเห็นสีหน้าจันทร์จำนงก็ลอบยิ้มอย่างพอใจ

ภาสันต์กำลังเดินอยู่ พลันเสียงมือถือดังขึ้น ภาสันต์หยิบมือถือออกมากดรับสาย
“ครับคุณแม่...ให้ผมเข้าไปหาเดี๋ยวนี้!”
ภาสันต์ชะงัก สีหน้าไม่สู้ดี

ผ่านเวลาไม่นาน จันทร์จำนงสีหน้าเอาเรื่องนั่งตรงข้ามกับภาสันต์
“ลูกบอกพ่อดลเรื่องที่ดินที่แม่จะยกให้เหรอ”
ภาสันต์อึ้งแต่ทำนิ่ง
“ใช่ครับ ผมเผลอหลุดปากออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ”
“แม่ขอบอกเราไว้ตรงนี้ว่า แม่ยกที่ดินผืนนี้ให้เป็นทรัพย์สินของหลาน แต่ถ้าลูกยังดึงดันที่จะเอาไปสร้างห้างสรรพสินค้าตามที่เคยบอกแม่ไว้ล่ะก้อ..แม่ก็คงต้องคิดอีกทีว่า แม่จะยกที่ดินตรงนี้ให้เป็นของขวัญพ่อดลเค้าดีรึเปล่า”
ภาสันต์อึ้ง แต่พยายามไม่แสดงอาการ
“เข้าใจที่แม่พูดใช่มั๊ย”
ภาสันต์ กัดฟันตอบ
ครับ”
ภาสันต์ไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่กำมือแน่น

ในเวลาต่อมา ภาสันต์พรวดเข้ามาในห้องทำงานของถูวดล ทำเอาเขาตกใจ
“แกไปบอกอะไรคุณย่าเรื่องที่ดิน”
ภูวดลลุกขึ้นยืนหน้าเหวอ
“ผมไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ”
“ไม่ได้พูด! แล้วทำไมคุณย่าถึงดักคอไม่ให้ฉันสร้างห้างสรรพสินค้าบนที่ตรงนั้น”
ภูวดลอึ้งมาก
“ผมไม่รู้จริงๆครับพ่อ”
ภาสันต์โมโหสุดๆ กระชากคอเสื้อภูวดลที่อยู่ในอาการกลัวเข้ามาใกล้
“แกจะรู้หรือไม่รู้ ฉันไม่สน แต่แกต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ ถ้าฉันไม่ได้ที่ดินตรงนั้นไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่ออีก”
ภาสันต์พูดจบก็ปล่อยมือจากภูวดลแล้วจ้ำเดินออกไป ภูวดลทั้งโมโหทั้งเสียใจและไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ที่เขาใหญ่ พิทยาเดินเข้ามาในไซต์งาน เห็นว่ากำลังสร้างรีสอร์ต ทันทีที่เขาเดินเข้าไป วิศวกรก็รีบเดินมาหาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลใจ
“ขอบคุณมากนะครับที่คุณพิทมา ผมพูดจนปากเปียกปากแฉะ เค้าก็ไม่ยอมรื้อท่าเดียว แถมยังจะเอาเรื่องผมอีก”
“ผมจัดการเอง”
พิทยากับวิศวกรเดินไปหาผู้รับเหมามาดเก๋า หน้าตาเอาเรื่อง ดูมีอายุที่ยืนอยู่กับคนงาน พิทยาพูดกับวิศวกร
“ขอแบบให้ผมดูหน่อย”
วิศวกรรีบเอาแบบให้พิทยาดู เขาดูแบบสลับกับมองรีสอร์ตที่กำลังสร้าง เขาเดินเข้าไปดูตรงที่ทำโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ก่อนจะหันมาทางผู้รับเหมา
“ในแบบระบุว่าโครงสร้าง ทั้งเสาและคานเป็นเหล็ก 16 มม. ทำไมคุณถึงใช้เหล็กแค่ 12 มม.”
“ต่างกันนิดเดียว ไม่เป็นไรหรอก”
“ถ้าไม่เป็นไร วิศวกรคงระบุไปตั้งแต่ในแบบแล้วว่าสามารถใช้เหล็กขนาด 12 มม. ได้”
ผู้รับเหมาไม่พอใจ
“นี่ไอ้หนุ่ม คุณอยู่ในวงการนี้มากี่ปี ทฤษฎีมันก็แค่ทฤษฏี จะมาสู้คนมีคนมีประสบการณ์ 40 ปีอย่างผมได้ไง”
“เหล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 มม มีน้ำหนักเท่ากับ 1.578 กก/เมตร ขณะที่เหล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 มม มีน้ำหนักเท่ากับ 0.888 กก/เมตร น้ำหนักต่างกันครึ่งหนึ่ง”
ผู้รับเหมาหน้าเสีย พิทยาพูดต่อ
“ถ้าคุณใช้เหล็กขนาด 12 มม บ้านมีปัญหาทั้งหลังแน่ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นคนมีประสบการณ์ 40 ปีอย่างคุณ จะรับผิดชอบไหวมั๊ย”
ผู้รับเหมาพูดไม่ออก
“รื้อทั้งหมดเดี๋ยวนี้!”
“เสียเวลาตาย”
“ถ้าคุณไม่ทำก็เชิญออกไป คนทำงานมา 40 ปีอย่างคุณคงไม่ตกงานหรอก”
ผู้รับเหมาไม่กล้าเมื่อเห็นพิทยาเอาจริง

สุอาภานั่งอ่านนิตยสารอยู่ในห้องรับแขกภายในบ้าน พลันเสียงมือถือดังขึ้น สุอาภามองหน้าจอแล้วยิ้มออกมา เธอกดรับสายถาม
“กลับมาเหรอยัง”
ที่ไซต์งาน พิทยาสีหน้าไม่สู้ดีบอกสุอาภา
“งานมีปัญหามากกว่าที่คิด ไม่รู้จะได้กลับกี่โมงครับ”
สุอาภาชะงัก เริ่มหงุดหงิด
“อีกแล้วเหรอ ทำไมนายถึงไม่ห่วงตัวเองบ้างห๊ะ ห่วงแต่งานงานงานอยู่นั่นแหละ แล้วอีกอย่างนายต้องกินยานะ”
“ไม่กินวันนึง ก็ไม่เป็นไรมั๊งครับ”
“ได้ไงล่ะ เดี๋ยวดื้อยาแล้วไม่หาย นี่นายอยู่ที่ไหน”
“เขาใหญ่”
“ฉันรู้แล้วว่าเขาใหญ่ แต่เป็นเขาใหญ่ตรงไหน ฉันจะเอายาไปให้”
พิทยาผงะ
“ไม่ต้องหรอกคุณแต”
สุอาภาสีหน้ามุ่งมั่นมาก
“ฉันจะไป นายห้ามฉันไม่ได้หรอก”
พิทยาสีหน้าอ่อนใจบอก
“อย่าดื้อน่าคุณแต ถ้าผมเคลียร์งานเสร็จจะรีบกลับทันที คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ” พิทยาพูดพลางหันไปคุมงานต่อหันไปมองตรงที่คนงานกำลังรื้องานอยู่ก่อนวางสาย
“ฮัลโหล เดี๋ยวสิพิท... ได้ ถ้านายไม่ยอมบอก ฉันถามทางพี่ใหญ่เองก็ได้” สุอาภามองโทรศัพท์ท่าทางหงุดหงิด ท่าทางเธอไม่ยอมแพ้กดโทรศัพท์หาบวรทันที

รถสุอาภาแล่นอยู่บนถนน สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนา เมฆฝนตั้งเค้าฟ้าเริ่มมืด เธอขับรถไปก็มองท้องฟ้าด้วยสีหน้าไม่ดี
“อย่าเพิ่งตกนะฝน ขอให้ฉันถึงก่อน”
สุอาภารีบเหยียบคันเร่ง ขับเร็วขึ้น

พิทยายืนดูคนงานกำลังรื้อถอนเหล็กเส้น...เสียงฟ้าร้องดัง พิทยาสีหน้าเป็นกังวลเงยหน้ามองท้องฟ้า เสียงโทรศัพท์พิทยาดังขึ้น เป็นเบอร์สุอาภาโทรมา
“ครับ คุณแต อะไรนะ ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องมา ทำไมคุณถึงได้ดื้ออย่างนี้เนี่ย”
พิทยาสีหน้าตกใจ โมโหและเป็นกังวลมาก
“โอ๊ย อย่าบ่นนักเลยน่า ก็นายต้องกินยาให้ครบนี่!”
พิทยาถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
“แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”
สุอาภาค่อยยิ้มออกบอก
“อีกประมาณ 10 กิโล น่าจะถึงไซต์”
แล้วสายก็หลุดไป... “ฮัลโหล...พิท”
สุอาภาเอามือถือขึ้นมาดูเห็นหน้าจอดับ เปิดก็ไม่ติด
“แบตหมด เฮ้อ”
พิทยากดโทรหาสุอาภาอีกครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้แล้ว พิทยาใจเสีย
“ทำไมติดต่อไม่ได้แล้ว”
พิทยากังวลใจมากขึ้นแล้วฝนก็เริ่มตกลงมา เปาะแปะๆ พิทยาเงยหน้ามองท้องฟ้า

เวลากลางคืน ฝนตกลงมาหนักมากขึ้น รถสุอาภาแล่นฝ่าสายฝนมาตามทาง เธอขับรถมาจนถึงทางแยก..ก็เบรก..หันไปมองทางซ้ายกับทางขวา
“แย่แล้ว...จำไม่ได้ว่าพี่ใหญ่บอกให้เลี้ยวทางไหน”
สุอาภาคิดตัดสินใจเลี้ยวไปทางซ้าย

ที่ไซต์งาน พิทยายืนหลบฝนอยู่ในเต็นท์กับวิศวกร
“บอกทุกคนให้กลับมาทำต่อวันพรุ่งนี้” พิทยาสั่ง
“ครับ” วิศวกรรับคำ
วิศวกรวิ่งฝ่าสายฝนออกไปบอกคนงาน พิทยาเอามือถือโทรหาสุอาภาอีกครั้งแต่ก็ยังติดต่อไม่ได้
พิทยากังวลใจมากขึ้น คิดไปต่างๆนานา
“อีก 10 กิโลเอง ทำไมยังมาไม่ถึง”
พิทยาเป็นห่วงสุอาภามากๆ

ฝนตกหนักราวกับฟ้ารั่ว... สุอาภาขับรถมาตามทาง แต่ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อและไม่มีไฟถนน เธอมองสองข้างทางเห็นแต่พงหญ้าสูงชัน ก็ชักเอะใจ
“เรามาผิดทางรึเปล่า”
สุอาภาหยิบมือถือมา แล้วก็นึกได้
“โทรศัพท์ดันมาแบตหมดอีก”

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 10/3 วันที่ 19 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager