@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 1/2 วันที่ 2 ก.พ. 56

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 1/2 วันที่ 2 ก.พ. 56

“แม่ดีใจกับลูกทั้งสองคนด้วยนะจ๊ะ วันนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันนะจ๊ะ อาสั่งให้เค้าทำกับข้าวโปรดลูกไว้ตั้งหลายอย่าง”
“นะคะ พิราม หยงมีของมาฝากคุณด้วย” ตันหยงอ้อน
พิรามทำท่าจะพยักหน้าแต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ตันหยงเห็นรูปพัดชาขึ้นที่หน้าโทรศัพท์ของพิราม
“คุณพัดชาค่ะ” ตันหยงบอก
พิรามทำหน้าอึดอัดก่อนจะเดินเลี่ยงไปรับโทรศัพท์

“มีอะไรหรือ .....เสร็จธุระแล้วจะรีบไป” พิรามพูดใส่โทรศัพท์แล้วรีบกดปิดโทรศัพท์ก่อนจะเดินกลับมาด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ
“ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีลูกค้าที่ดีลกันมีปัญหานิดหน่อยครับ”


“อ้อ..งั้นหรือจ๊ะ ไว้โอกาสหน้าก็ได้ ไปทำงานเถอะพ่อคุณ” บุหงาบอก
ตันหยงน้อยใจ “...งานด่วนหรือคะ”
“ขอโทษด้วยนะหยง คราวนี้ธุระสำคัญจริงๆ ขอตัวก่อนนะครับ”
“ฝากความคิดถึงถึงคุณพัดชาด้วยนะคะ” ตันหยงบอก
พิรามชะงักนิดหนึ่งแล้วไหว้ลาพินิจกับบุหงาแล้วเดินจากไป ตันหยงมองตามอย่างงอนๆ
“ว๊า...ไม่รู้ธุระอะไรด่วนนักหนา”
“ไม่เอาน่าลูก พิรามเค้างานยุ่งจะตาย เค้าอุตส่าห์ทิ้งงานไปรับ แล้วยังจะมาทำงอแงอีกหรือลูก”
ตันหยงแอบยิ้ม “คุณพ่อขา คุณแม่ไม่ยอมเข้าข้างหนู”
ทั้งบุหงากับพินิจหัวเราะเฮฮาออกมา

คุณหญิงปรงทองกำลังนั่งเอนหลังอยู่ที่บ้าน ส่วนคุณแม้นวาดนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ด้านข้าง สักพักปฐวีก็อุ้มเมรินเข้ามาในห้อง โดยมีประภัสสรเดินตามเข้ามา ปฐวีก้มลงกราบคุณหญิง
“เป็นยังไงบ้าง เจ้าวี เหนื่อยมั๊ยลูก” ปรงทองถาม
“ไม่หรอกครับ แค่สัมมนาทางวิชาการ ผมมีของมาฝากคุณย่ากับย่าแม้นด้วยนะครับ”
แม้นวาดยิ้มปลื้ม
“แหม..คุณวีช่างมีน้ำใจคิดถึงคนแก่ หิวหรือเปล่า เดี๋ยวแม้นไปสั่งให้เค้าจัดของว่างดีกว่า”
แม้นวาดรีบลุกขึ้นแล้วเดินเลี่ยงไป
“เจ้าน่ะมันปากหวานจริงๆ มิน่าล่ะยายแม้นถึงได้ปลื้มนักปลื้มหนา” ปรงทองพูดกับเมริน “ไง เจ้าเมย์เกาะน้าแจเชียว มาให้ย่าชื่นใจหน่อยสิ”
เมรินเดินมากราบปรงทองแล้วไปนั่งด้านข้างในระดับที่ต่ำกว่า ปรงทองมองเมรินอย่างเอ็นดู
“ทำไมแววตามันถึงได้หงอยเหงาอย่างนี้ล่ะ เป็นเด็กเป็นเล็กต้องสดใสร่างเริงสิลูก” ปรงทองพูดกับประภัสสร “นี่แน่ะแม่สร เค้าว่าแม่เศร้า ลูกมันก็จะเศร้าตามไปด้วยนะ”
ประภัสสรยิ้มเจื่อน
“แล้วนี่ พ่อเมธีไปไหนซะล่ะ หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาเลย”
“ติดงานที่ต่างจังหวัดค่ะ แต่วันนี้สัญญาว่าจะกลับมาทานข้าวเย็น” ประภัสสรบอก
ประภัสสรหลบตาทุกคน ปฐวีมองประภัสสรอย่างเห็นใจ
“ไปคุยกันที่โต๊ะอาหารไม๊ครับ ไปน้องเมย์ ช่วยกันประคองคุณย่าไปทานของว่างเร็ว” ปฐวีบอก
ปฐวีกับเมรินช่วยกันฉุดดึงปรงทองให้ลุกขึ้น ปรงทองหัวเราะอย่างมีความสุข ส่วนประภัสสรมองอย่างเศร้าๆ

ปฐวี ปรงทอง ประภัสสร เมริน และแม้นวาดนั่งร่วมโต๊ะอาหารพร้อมหน้ากัน แม้นวาดคอยดูแลอาหารจำพวกข้าวตังหน้าตั้ง เมี่ยงลาว ปัฐวีมองอาหารแล้วพูดออกมา
“ย่าแม้นนี่รู้ใจผมจริงๆ”
แม้นวาดยิ้มปลื้ม
ปฐวีจัดข้าวตังเป็นคำเล็กๆ มาป้อนให้เมริน
“มานี่ อาป้อนเอง”
ปรางค์ทิพย์ ปรงแก้ว และปรงขวัญเดินเข้ามาในห้อง เธอเห็นปฐวีกำลังป้อนขนมเมรินก็มองนิ่งด้วยความอิจฉา
“แหม..อยู่กันพร้อมหน้าเชียวนะคะ ปรงแก้ว ปรงขวัญ ไปกราบคุณยายสิลูก”
ปรงแก้วและปรงขวัญยังยืนนิ่ง ปรางค์ทิพย์แอบผลักลูกทั้งสองคนให้เข้าไปกราบปรงทอง
“เป็นยังไงบ้างละ ไม่ค่อยมาให้ยายเห็นหน้าเห็นตาเลย” ปรงทองถาม
“ตอนนี้กำลังเรียนพิเศษล่วงหน้า จริงสิ ทั้งสองคนสอบได้ที่ 1 ค่ะ คะแนนนำลิ่ว ถ้ารักษาระดับนี้ได้ ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยคงติด 1 ใน 50 ระดับประเทศแน่ๆ” ปรางทิพย์คุย
“มันยังเด็กยังเล็กแค่นี้ จะรีบแข่งขันกันไปไหน” ปรงทองว่า
“แหม...ว่าแบบนั้นก็ไม่ได้นะคะคุณยาย ขืนโง่ๆเซ่อจะไปสู้ใครเค้าได้ จริงมั๊ย น้องสร” ปรางทิพย์ย้อนถาม
ประภัสสรอ้ำอึ้ง “..ค่ะ คุณพี่”
“เออ...แล้วยายเมย์ล่ะ สอบได้ที่เท่าไหร่ อย่าบอกนะว่าเกือบตก ...พี่ว่า เราน่าจะพายายเมย์ไปวัดไอคิวบ้าง จะได้รู้ว่าสติปัญญาต่ำกว่าเกณท์มาตรฐานหรือเปล่า ชืนปล่อยไว้ มีหวัง จะตกต่ำเหมือน..เอ่อ...”
ปรางค์ทิพย์ทำหน้าเยาะเย้ย ประภัสสรหลบตาต่ำ เมรินหงอย
“น้องเมย์ไม่ได้สติปัญญาต่ำหรอกครับพี่ปรางค์ ผมดูแลอยู่ คะแนนไอคิวเทสต์ก็มาตรฐาน” ปฐวีบอก
“งั้นหรือ งั้นพี่ก็ยินดีด้วยนะคะ น้องสร แสดงว่า น้องเมย์คงจะเป็นลูกแม่ ได้แม่มาเยอะ” ปรางค์ทิพย์นึกได้ “อ้าวแล้วนี่พ่อน้องเมย์ไปไหนล่ะ มานั่งตักคุณอา ทำเป็นกาฝากไปได้”
ประภัสสรหน้าเสีย ปรางค์ทิพย์แอบยิ้มสะใจ
“พอเถอะ” ปรงทองตัดบท “นี่เด็กๆ หิวกันหรือเปล่า มาทานของว่างกับย่าดีกว่า”
ปรางค์ทิพย์ไม่พอใจแต่จำใจต้องนิ่งไว้ เธอแอบมองประภัสสรพร้อมส่งสายตาแค้น

เมรินมองหน้าปรางค์ทิพย์แบบจ๋อยๆ
ปฐวีอุ้มเมรินเดินออกมาหน้าบ้าน ประภัสสรเดินเศร้าตามมา ปฐวีแอบมองพี่สาวอย่างเป็นห่วง

“น้าวีคะ ลูกกาฝากแปลว่าอะไรคะ” เมรินถามขึ้น
ปฐวีมองหน้าประภัสสรอึ้งๆ
“น้องเมย์ถามทำไมคะ” ปฐวีถามกลับ
“น้องเมย์อยากรู้นี่คะ ป้าปรางค์ชอบบอกว่าเมย์เป็นลูกกาฝาก” เมรินบอก
“งั้นน้าวีก็เป็นน้ากาฝากด้วยดีมั๊ย เพราะน้าวีก็รักหลานคนนี้ที่สุดเลย” ปฐวีพูด
“จริงนะคะ” เมรินถาม
“จริงสิ น้าวีสัญญา” ปฐวีบอก
ทั้งสองเกี่ยวก้อยสัญญากัน
สายแก้วเดินเข้ามาจากอีกทางแล้วเข้ารับเมรินไปจากปฐวี
“มาค่ะ คุณน้องเมย์ ไปอาบน้ำกันดีกว่า”
สายแก้วพาเมรินเดินจากไป ปฐวีมองตามจนสายแก้วลับตาแล้วหันไปหาประภัสสร
“พี่ปรางค์ชอบพูดจาอะไร ไม่นึกถึงจิตใจของเด็ก เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า พูดไม่รู้จักคิด” ปฐวีว่า
“แต่พี่ปรางค์เค้าก็พูดจริงไม่ใช่หรือ” ประภัสสรเศร้า
“พี่สรต้องหนักแน่นนะครับ คำพูดของคนอื่นน่ะ เราจะเอามาใส่ใจไม่ได้เราต้องสนใจคนของเรามากกว่า”
“พี่ปรางค์พูดอะไรมันก็ไม่สำคัญ เท่าการกระทำของคุณเมธีหรอกจ๊ะวี”
“เค้าก็พูดไปอย่างนั้นแหละ อย่าคิดมากซิครับ ถ้าพี่ไม่สบายใจ น้องเมย์ก็จะพลอยเศร้าไปด้วยนะครับ”
ประภัสสรยิ้มเศร้า “พี่จะพยายามไม่ใส่ใจ พี่ขอตัวก่อนนะจ๊ะ”
ประภัสสรเดินหน้าเศร้าเข้าบ้านไป ปฐวีถอนหายใจยาวด้วยความหนักใจ

เมรินนั่งวาดภาพระบายสีอยู่ โดยมีสายแก้วคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
“คุณแม่ขา ทำไมคุณพ่อยังไม่กลับมาล่ะคะ” เมรินถามประภัสร
“คุณพ่อไปทำงานค่ะ น้องเมย์ เดี๋ยวก็คงจะกลับมา”
“คุณพ่อสัญญาว่าจะกลับมาทานข้าวกับเมย์ด้วย” เมรินหันมองประภัสสรแล้วยิ้ม
“จ๊ะ”
เมรินก้มหน้าระบายสีต่อ ประภัสสรมองนาฬิกาอย่างอึดอัดก่อนจะแอบเดินย่องออกไป แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกแต่ก็พบว่าไม่มีสัญญาณ

รีสอร์ทแห่งหนึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการตกแต่ง เมธียืนคุยงานอยู่กับลูกน้องและเจ้าของรีสอร์ท
“รับรองครับว่างานนี้ต้องเสร็จทันเวลา”
“ผมเชื่อฝีมือคุณครับคุณเมธี เพราะโปรเจ็คต่อไป จะใหญ่กว่านี้อีก คงต้องให้คุณเมธีเป็นผู้ดูแล” เจ้าของรีสอร์ทบอก
เมธีมั่นใจมาก “ขอบคุณที่วางใจผมครับ”
“ฝากด้วยนะครับ”
เจ้าของรีสอร์ทพูดจบก็เดินไป เมธีถอนหายใจแล้วยกนาฬิกาขึ้นมาดู เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับของประภัสสร 5 สาย เมธีกดจะโทรออก ทันใดนั้นลูกน้องของเขาก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
“บอสครับ มีปัญหาระบบเสียงในห้องจัดเลี้ยงครับ”
“อ้าว แล้วคนวางระบบล่ะ” เมธีถาม
“กลับไปแล้วครับ เมื่อวานทดสอบก็ไม่มีปัญญา จู่ๆ เกิดใช้ไม่ได้ ซะอย่างงั้น”
เมธีฟังจบแล้วก็พยักหน้าก่อนจะรีบเดินนำไป ลูกน้องเมธีเดินตามไปอย่างเร่งรีบ

ประภัสสรกดโทรศัพท์ปิดด้วยความหงุดหงิด เธอหันกลับมาเห็นเมรินจ้องตาแป๋ว ประภัสสรรีบยิ้มเอาใจ
ประภัสสรพยายามถามกลบเกลื่อน “วาดรูปอะไรคะ”
“รูปบ้านเราไงคะ นี่คุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็เมย์”
“อ้าว แล้วไม่มีพี่สายแก้วหรือคะ” สายแก้วถามขึ้น
“มีสิคะ แต่พี่สายแก้วอยู่ในครัว ทำกับข้าวอยู่ไง” เมรินตอบ

ทุกคนหัวเราะขำเมริน ประภัสสรมองเมรินแล้วแอบถอนหายใจด้วยความเศร้า
ปรางค์ทิพย์อยู่กับปรงแก้วและปรงขวัญที่กำลังนั่งทำแบบฝึกหัดกองโต ปรางค์ทิพย์เดินชะเง้อมองไปทางฝั่งบ้านประภัสสร

“หนอยนังเมย์นี่ ร้ายเหมือนพ่อมันไม่มีผิด ป้วนเปี้ยนออเซาะคุณย่า เดี๋ยวก็ประจบน้า อย่างนี้มีหวังสมบัติคงยกให้มันกันหมด เจ็บใจนัก”
พูดจบปรางค์ทิพย์ก็หันมามองปรงแก้วปรงขวัญที่นั่งวาดภาพการ์ตูนในสมุดแบบฝึกหัด ปรางค์ทิพย์ตวาดแว๊ดจนเด็กทั้งสองสะดุ้งและกลัว
“ให้มันได้อย่างนี้สิ นังลูกโง่ ให้เรียนก็ไม่ตั้งใจเรียน ประจบประแจงก็ไม่เป็น อีกหน่อยคงถูกเฉดหัวออกจากบ้านแน่”
“คุณแม่ขา แก้วขอพักเล่นตุ๊กตาได้มั๊ยคะ แก้วทำแบบฝึกหัดครบ 500 ข้อแล้วนะคะ” ปรงแก้วบอก
“ขวัญก็อยากเล่นแต่งตัวให้น้องหมี นะคะคุณแม่” ปรงขวัญร้องขอ
“ไม่ได้ เดี๋ยวก็ต้องเตรียมตัวเรียนเปียโนต่อ”
“ขอพักวันนึงได้มั๊ยคะคุณแม่”
“ไม่ได้..นี่แกสองคน ไม่รู้หรือ ชั้นเสียเงินไปมากมายแค่ไหน เพื่อให้แกมีเทียมหน้าเทียมตาคนอื่น อีแค่เรียนเปียนโนมันจะเหน็ดจะเหนื่อยอะไร มัวแต่เล่นตุ๊กตา เล่นแล้วมันได้อะไรขึ้นมา”
เด็กทั้งสองจ๋อย
“ชั้นไม่ยอมให้แกสองคนพักหรอก อย่ามาทำหน้าเศร้านะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะว่าชั้นได้ว่าเลี้ยงพวกแกไม่มีความสุข” ปรางทิพย์ว่า
บุญศรีเดินเข้ามาจากอีกทาง
“คุณแก้วคุณขวัญคะ ได้เวลาไปเรียนเปียโนแล้วค่ะ”
“แต่แก้วไม่อยากไปนี่คะ แก้วเหนื่อย” ปรงแก้วบอก
ปรางค์ทิพย์ตวาด “...นี่นังแก้ว อย่ามาทำเป็นขี้เกียจหลังยาว เหมือนพ่อจริง..จริ๊ง ถ้าอยากจะเป็นลูกชั้นก็ตั้งใจเรียนเข้า ไปสิ ทั้งสองคนนั่นแหละ”
ปรงแก้วกับปรงขวัญชะงักแล้วจ๋อยไม่กล้าสบตาแม่
“นี่ บุญศรี หล่อนคอยดูอย่าให้แม่แก้วแม่ขวัญเหลวไหลนะ วันเกิดคุณย่ามันจะได้เล่นให้เป็นของขวัญ ดูซินังเด็กปัญญาก่อนนั่น เอาอะไรมาสู้” ปรางทิพย์สั่ง
“ค่ะ คุณปรางค์ เชื่อมือบุญศรีเถอะ เรื่องแบบนี้ บุญศรีถนัด”
บุญศรีรับคำอย่างมั่นใจ ปรางค์ทิพย์ยิ้มพอใจ
“ยังไงชาตินี้ลูกแก ไม่มีวันสู้ลูกชั้นได้หรอก ยัยประภัสสร”

ลุงสายกับป้าแก้วกำลังวุ่นวายอยู่กับการทำกับข้าว สายแก้วเดินเข้ามาในครัว
“วันนี้แม่ทำอะไรตั้งเยอะแยะ” สายแก้วถาม
“วันนี้คุณเมธีจะกลับมาทานข้าว” ป้าแก้วบอก
“อ้าว..แม่รู้ได้ยังไงเนี่ย”
“คุณเมย์คุยอวดตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว ท่าทางดีใจเหลือเกิ๊น..แม่คุณเอ๊ย...คุณเมธีก็งานยุ่งเหลือเกิ๊น”
“ก็นั่นแหละแม่ คุณปรางค์ก็คอยยุให้รำตำให้รั่ว สงสารคุณสรไม่เถียงซักคำ ถ้าเป็นชั้นนะ...”
ลุงสายรีบปราม “หยุดเลย นั่งสายแก้ว เรื่องของเจ้านาย เรามีอะไรก็ทำไป”
บุญศรีที่ยืนแอบฟังอยู่อีกทางพูดขึ้น
“นินทาอะไรเจ้านายชั้น!! มีของว่างให้คุณแก้วคุณขวัญหรือเปล่า”
“จัดไว้แล้ว อยู่โน่น....” ป้าแก้วชี้ไป
“ทำกับข้าวซะเยอะแยะ จะมีแขกที่ไหนมา” บุญศรีถาม
“ก็คุณเมธี...” สายแก้วจะตอบ
ป้าแก้วรีบสะกิดไม่ให้สายแก้วพูด สายแก้วจึงหุบปาก
“โธ่...ก็แค่จะกลับมากินข้าวทำเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตไปได้ ....ก็ไอ้แค่ลูกคน..”
“นี่พี่บุญศรี...มันจะมากไปแล้วนะ ลูกอะไร”
บุญศรียักไหล่ “ชั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา... เชอะ ไม่อยากจะลดตัวลงไปเกลือกกลั้ว ไหนล่ะ ของว่างคุณๆของชั้น”
ป้าแก้ว รีบหยิบถาดของว่างมาส่งให้ บุญศรีรับถาดไปแล้วทิ้งหางตาใส่สายแก้ว
“หมั่นไส้นักเชียว ทำเป็นใหญ่ มันก็ไอ้ขี้ข้าเหมือนกันแหละวะ” สายแก้วว่า
“นี่นังสายแก้ว อย่าแบ่งข้าแบ่งนายเลย หลานคุณหญิงท่านทุกคน เราต้องให้ความเคารพ” ลุงสายบอก
“ชั้นรู้หรอกน่าพ่อ...แต่พี่บุญศรี มันชอบพูดจากระทบกระแทกนี่นา”
“เอ็งก็อย่าไปฟัง อย่าให้เป็นเรื่องคุณหญิงท่านจะไม่สบายใจ” ป้าแก้วเตือน

สายแก้วประชด “จ้ะแม่...ถ้าเกิดวันไหน พี่บุญศรีแกเฮี้ยนขึ้นมา ยุให้คุณแก้วคุณขวัญรังแกคุณเมย์ แม่กับพ่อจะปล่อยให้เลยตามเลยหรือเปล่าจ๊ะ”
ลุงสายกับป้าแก้วมองหน้ากัน ป้าแก้วยกตะหลิวขึ้นมาเคาะหัวสายแก้ว

ประภัสสรยืนมองออกไปที่หน้าประตูบ้านแต่ก็ยังไม่มีวี่แววของเมธี นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มแล้ว เมรินนั่งหาวคอพับคออ่อนอยู่ที่โซฟา โดยที่สายแก้วคอยดูแลอยู่
“พาคุณเมย์ขึ้นไปนอนเถอะ สายแก้ว” ประภัสสรบอก
“ค่ะคุณผู้หญิง”

สายแก้วพาเมรินเดินขึ้นไป ประภัสสรหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาเมธีอีกครั้ง
เมธีกำลังยืนคุมลูกน้องซ่อมระบบเครื่องเสียงอยู่ที่รีสอร์ท เขากางแปลนแล้วอธิบายให้ลูกน้องฟังอย่างจริงจัง แฟ้มงานกับโทรศัพท์ของเมธีถูกกองเอกสารวางทับอยู่บนโต๊ะที่ห่างออกมา

ประภัสสรนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร เข็มนาฬิกาเดินไปเรื่อยๆ ประภัสสรนั่งน้ำตาไหล สายแก้วเดินเข้ามามองประภัสสรอย่างเห็นใจ
“คุณผู้หญิงคะ คุณน้องเมย์หลับแล้วค่ะ” สายแก้วบอก
ประภัสสรรีบเช็ดน้ำตา “หรือจ๊ะ ขอบใจมาก สายแก้วเก็บโต๊ะได้เลย”
“คุณผู้หญิงยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะ”
“ชั้นทานไม่ลงหรอก”
ประภัสสรลุกขึ้นแล้วเดินไป สายแก้วมองตามอย่างเป็นห่วง

เมรินนอนหลับอยู่บนเตียง ประภัสสรเดินเข้ามามองลูกสาวอย่างเศร้าๆ
“คุณพ่อเค้าไม่รักเราแล้วละ น้องเมย์จ๋า”
ประภัสสรนั่งร้องไห้เงียบๆ

ปฐวีนั่งมองพระจันทร์บนท้องฟ้า เขานึกถึงตอนที่เจอตันหยงครั้งแรกแล้วก็ช่วยเธอดึงรถเข็น นึกถึงตอนที่ตันหยงยืนเถียงกับสามีภรรยาชาวเกาหลีอย่างเอาเป็นเอาตาย นึกถึงตอนที่ตันหยงขอบคุณเขา พอเขาจะพูด ตันหยงก็รับโทรศัพท์แล้วเดินจากไป
ปฐวีคิดแล้วก็ยิ้ม
เสียงปรงทองดังขึ้น “คิดอะไรอยู่จ๊ะ ตาวี”
ปฐวีหันไปเห็นปรงทองเดินเข้ามา ปฐวีรีบเดินเข้าไปประคองให้มานั่งที่โต๊ะ
“คุณย่า ยังไม่นอนหรือครับ”

อ่านละคร พรพรหมอลเวง ตอนที่ 1/2 วันที่ 2 ก.พ. 56

พรพรหมอลเวง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
พรพรหมอลเวง บทโทรทัศน์โดย : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
พรพรหมอลเวง กำกับการแสดงโดย : ชุดาภา จันทเขตต์
แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
พรพรหมอลเวง ผลิตโดย : บ. เวฟมีเดีย
พรพรหมอลเวงออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไททีวีสีช่อง 3
พรพรหมอลเวง เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันศุกร์ที่ 8 ก.พ 56 (ต่อจาก แรงปรารถนา)
ที่มา manager