@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 13 วันที่ 15 ม.ค. 56

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 13 วันที่ 15 ม.ค. 56

“คุณพูดอะไรออกมาหาห๊ะเมฆ” อิงฟ้าถาม
“ความจริงผมกับเค้าไม่ควรเจอกันตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ถ้าผมย้อนเวลาไปได้ ผมจะไม่รับเค้าเข้าทำงาน ไม่ยอมให้เค้าเข้ามาอยู่ในบ้าน ไม่ให้เค้าเข้ามาใกล้หมอก ไม่ให้เค้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแบบนี้”
ตะวันฉายคิดถึงตรงนี้แล้วก็ร้องไห้ออกมาอีก
ทันใดนั้นก็มีมือมาจับไหล่ตะวันฉาย ตะวันฉายตกใจหันไปมองก็เห็นนิค เอวา และยุทธการยืนอยู่
“เอวา!!!”
ตะวันฉายลุกขึ้นโผเข้ากอดเอวาแล้วก็ร้องไห้

ตะวันฉาย ยุทธการ นิค และเอวานั่งอยู่ที่ชุดรับแขก โดยที่ตะวันฉายยังคงมีสีหน้าเศร้า
“พี่เมฆเนี่ยนะ บอกเลิกแก เค้าอำแกรึเปล่า” นิคสงสัย



“นั่นสิ พี่ว่าต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ๆ เค้าพูดว่าอะไร ไหนซันเล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ พี่เป็นผู้ชายอาจจะเข้าใจมากกว่าซันก็ได้”
“เค้าไม่ได้บอกเลิกซันตรงๆหรอกค่ะ แต่สิ่งที่เค้าพูด มันก็ไม่ต่างอะไรกับบอกเลิกอยู่ดี” ตะวันฉายบอก
“แล้วแกจะยอมให้มันจบแบบนี้เหรอซัน มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอห๊ะ” เอวาถาม
“คนไม่รักกันมันจบแบบอื่นได้ด้วยเหรอ”
เอวาเงียบที่โดนตะวันฉายย้อน
“แล้วนี่ซันจะเอาไงต่อ จะกลับไปพักที่เกาะไหม” ยุทธการถาม
“ไม่ดีกว่าค่ะ ตอนนี้ซันต้องการอยู่ที่นี่ เพราะที่นี่เป็นที่ๆเขากับซันไม่เคยมีอดีตร่วมกัน บางทีซันอาจจะลืมเขาได้”
“ซัน แกแน่ใจนะว่าที่นี่จะทำให้แกหนีตัวแกเองพ้นน่ะ” เอวาถาม
“ฉันจำเป็นต้องทำให้ได้” ตะวันฉายบอก
เอวาลูบไหล่ตะวันฉายด้วยความเห็นใจ

ยุทธการ นิค และเอวาเดินออกจากบ้านมาตามทางเดิน ยุทธการนิ่งเพราะคิดหนัก
“พี่ยุทธกำลังคิดอะไรครับ” นิคถาม
“พี่ไม่เชื่อว่าคุณเมฆพูดจริง มันต้องมีอะไรไปกระทบใจเค้า ทำให้เค้าพูดแบบนั้นแน่ๆ”
“ทำไมพี่ยุทธถึงเชื่ออย่างนั้นครับ” นิคถามต่อ
“การกระทำไง คุณเมฆเค้ายอมถูกยิงแทนซัน แล้วเค้าจะไม่รักซันได้ยังไง” ยุทธการบอก
“เอวาก็คิดเหมือนกันค่ะ คนที่ยอมตายแทนกันถ้าไม่เรียกว่ารักกันแล้วจะให้เรียกว่าอะไร”
“ถ้างั้นแสดงว่าพี่เมฆก็ยังรักไอ้ซัน เพียงแต่ดันมีเรื่องไม่เข้าใจกัน” นิคเริ่มเข้าใจ
“เพราะฉะนั้นเราก็ต้องทำให้สองคนนี้เข้าใจกันไง” เอวาบอก
“จริงด้วย” นิคเห็นด้วย
นิคกับเอวาดีใจ
“แล้วเอวากับนิคจะทำอะไรล่ะ” ยุทธการถาม
นิคกับเอวาชะงักไป
“แฮ่ะๆๆ ตอนนี้ก็ยังนึกไม่ออกค่ะ พี่ยุทธนึกออกไหมคะ” เอวาถาม
“พี่ก็ถนัดแต่แผนจับโจร แต่ยังไงเราก็ต้องทำให้สองคนนี้ปรับความเข้าใจกันให้ได้นะ”
นิคกับเอวามีสีหน้าเครียดเพราะคิดหาทาง

เมฆที่แต่งตัวเตรียมไปเล่นดนตรีเดินออกมาจากห้องของตัวเอง เขาเดินผ่านห้องนอนตะวันฉายแล้วก็หยุดชะงัก อิงฟ้าจูงหมอกที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและอยู่ในชุดนอนเดินออกมาจากห้อง เธอเห็นเมฆเหม่อยืนมองห้องตะวันฉายก็พูดกับหมอก
“หมอกครับ เดี๋ยวลงไปบอกพี่เก่งให้ตั้งโต๊ะนะครับ เดี๋ยวแม่คุยกับคุณพ่อแล้วจะตามไป”
หมอกรีบวิ่งลงไป อิงฟ้าเดินมาหาเมฆแล้วมองไปในห้องของตะวันฉาย
“คราวนี้คุณซันคงรีบ เลยไม่ได้เก็บห้อง อย่างว่าละถูกไล่ไปนี่” อิงฟ้าเปรย
“ผมไม่ได้ไล่” เมฆบอก
“จริงเหรอเมฆ”
“เขามาที่นี่เอง แล้วเขาก็ไปเอง บางทีนี่อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกที่สุดของเค้า”
“ฟ้าเชื่อคุณซันเค้าไม่อยากไปจากที่นี่หรอก แต่เป็นเพราะเมฆนั่นแหละ ทำให้เค้าตัดสินใจอย่างนั้น คุณซันเขารักเมฆมากนะ เมฆสัมผัสไม่ได้เหรอ”
“เพราะเค้าไม่รู้ตัวไงว่าเค้ากำลังทำอะไรอยู่ ผมถึงต้องช่วยตัดสินใจแทนเค้ายังไงล่ะ”
เมฆพูดจบแล้วก็เดินลงบันไดไป อิงฟ้ามองตามเมฆไปโดยไม่เข้าใจในสิ่งที่เมฆบอก

เมฆ นิค และเอวากำลังเล่นดนตรี นิคพยักหน้าบอกเอวาให้ดูเมฆที่เล่นดนตรีเหมือนไม่สนใจนิคกับเอวา ทั้งสามคนเล่นดนตรีจนจบแล้วโค้งให้คนดู จากนั้นเมฆก็รีบเดินหนีไปทันที

เมฆเก็บของอยู่ในห้องพักนักดนตรี นิคกับเอวาเดินมาหา
“พี่เมฆครับ เอ่อ....พี่พอมีเวลาคุยกับผมกับเอวาหน่อยได้ไหมครับ”
“ขอโทษนะ พี่จะรีบกลับ” เมฆบอก
“พี่เมฆคะ ขอห้านาทีก็ได้”
“งั้นพี่ก็ขอห้านาทีนี้ให้คนที่มีค่ากับชีวิตพี่ได้ไหม”
เอวางงเพราะไม่รู้ว่าเมฆมาไม้ไหน “เอ่อ...ได้ค่ะ”
“ดี...เพราะพี่จะกลับไปใช้ห้านาทีนี้กับหมอกนะ” เมฆบอก
“นี่พี่เมฆโกรธซันเรื่องอะไรเหรอครับ”
“ขอโทษนะนิค แต่พี่ไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว”
นิคกับเอวาไปต่อไม่เป็น เมฆยิ้มแล้วเดินออกไปทันที
“เหมือนพี่เมฆโกรธเราสองคนด้วย” เอวาบอก
“ไม่ใช่เหมือนหรอก โกรธเลยล่ะ แต่จะว่าโกรธที่เราช่วยซันมันปิดเรื่องปลอมตัวมันก็ไม่น่าจะใช่นะ เพราะถ้าโกรธเรื่องนี้ก็น่าจะโกรธตั้งนานแล้ว”
“ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่ เราต้องรีบหาทางทำให้สองคนนั้นคืนดีกันนะนิค”
นิคกับเอวามองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษา

วันต่อมา ยุทธการยื่นกล่องของขวัญกล่องหนึ่งให้เมฆ เมฆมองกล่องของขวัญด้วยสีหน้าแปลกใจ
“อะไรเหรอครับ”
“ซันเค้าให้ผมเอามาให้คุณ เปิดดูสิครับ” ยุทธการบอก
เมฆเปิดกล่องออกมาดูก็เห็นว่าคือ นาฬิกาทราย
“เค้าให้ผมทำไม”
เอวาและนิคนั่งอยู่ในรถ โดยเอวาพูดโทรศัพท์เพื่อพากษ์บทให้ยุทธการฟังไปด้วย
“คุณลองพลิกนาฬิกานั่นสิ แล้วคุณจะรู้ว่า เวลาสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ”
นิคชูนิ้วโป้งให้เพื่อบอกเอวาแจ๋วมาก

ยุทธการขยับบลูธูทพยายามตั้งใจฟัง
“เวลาสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ” ยุทธการพูดตาม
เมฆหยิบนาฬิกาทรายขึ้นมาดูด้วยสีหน้าครุ่นคิด แล้วเขาก็มีสีหน้าอ่อนลง
“เค้าเชื่ออย่างนั้นจริงๆเหรอครับ”

เอวารีบพากษ์บทต่อ
“ถ้าไม่เชื่อเค้าคงไม่ให้ผมเอามันมาให้คุณหรอกครับ ผมถึงอยากให้คุณให้โอกาสซันอีกครั้ง ลองปรับความเข้าใจกันดู”

ยุทธการพูดตามเอวา
“ผมถึงอยากให้คุณให้โอกาสซันอีกครั้ง ลองกลับเข้าไปในรู” ยุทธการพูดเองแล้วก็ชะงักแปลกใจ “เอ๊ะ ว่าไงนะ”
เมฆชะงักแปลกใจเพราะงงกับอาการของยุทธการ
“คุณว่าอะไรนะครับ”

เอวารีบบอกอย่างลนลาน
“ปรับความเข้าใจกันดูค่ะ ไม่ใช่เข้าไปในรู”

ยุทธการสะดุ้งโหยงแล้วรีบแก้ตัว
“ผมหมายถึง ปรับความเข้าใจกันดูน่ะครับ”
เมฆพลิกนาฬิกาทรายกลับไปกลับมาอย่างครุ่นคิดตัดสินใจ
“เอาอย่างนี้ดีกว่า คุณยังไม่ต้องให้คำตอบผมตอนนี้ก็ได้ ถามใจตัวเองดีๆ ว่ายังรักซันอยู่มั้ย ถ้ายังรัก ผมอยากให้คุณให้โอกาสซัน และให้โอกาสตัวเองอีกครั้ง ไปเจอซันนะครับ”
เมฆมีสีหน้าอ่อนลงเพราะใจอ่อนลงไปมาก ยุทธการเป่าปากด้วยความโล่งอก

ประตูรถเอวาเปิดออก ยุทธการก้าวเข้ามาในรถแล้วก็ปาดเหงื่อเพราะตื่นเต้นมาก นิคหันมาถามด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“เป็นไงครับพี่ยุทธ”
“ไม่รู้เหมือนกัน” ยุทธการบอก
เอวากับนิคส่ายหน้าเซ็งๆ
“อ้าว พี่เมฆเค้าไม่ตกลงเหรอคะ” เอวาถาม
“ยัง แต่พี่ว่าเค้าจะต้องไปแน่ๆ พี่อ่านสายตาเค้าออก”
“ผมเชื่อสายตาพี่ยุทธครับ แต่ผมจะไม่เชื่อหูพี่ยุทธอีกแล้ว” นิคแซว
“นั่นสิ เกือบทำพี่เมฆจับได้แล้วมั้ยล่ะ” เอวาว่า
ยุทธการยิ้มเจื่อนๆอย่างรู้สึกผิด
“ก็บลูธูทพี่มันเก่าแล้ว เลยได้ยินไม่ชัดน่ะสิ”
“แต่ยังไงก็ถือว่าเราพยายามเต็มที่แล้ว คราวนี้คนต่อไปที่เราต้องจัดการต่อก็คือซัน”
ยุทธการแอบลุ้นในใจ
“หวังว่าเราจะทำสำเร็จนะ”
เอวาและนิคพลอยลุ้นไปด้วย

ตะวันฉายรับช่อดอกไม้มาจากมือเอวาด้วยสีหน้าแปลกใจ
“จากใครเหรอ” ตะวันฉายถาม
“ก็จากคนที่รักแกเท่าชีวิตไง” เอวาบอก
“พ่อกับแม่ฉันเนี่ยนะ”
เอวาและนิคถอนหายใจเอือมๆ
“แกลืมคนที่เสี่ยงชีวิตช่วยแกแล้วรึไงห๊ะ” นิคถาม
ตะวันฉายชะงักไปทันที
“เค้าให้ดอกไม้ฉันทำไม” ตะวันฉายถาม
“ให้แกเอาไปขายสี่แยกไฟแดงล่ะมั้ง ถามได้ เค้าก็ง้อแกน่ะสิ” เอวาบอก
ตะวันฉายหน้างอเพราะไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ ขับไล่ไสส่งฉันขนาดนั้นแล้วจะมาง้อด้วยดอกไม้แค่ช่อเดียว”
“ช่อเดียวไม่พอ แกจะเอาทั้งไร่เลยรึไง อุตส่าห์ง้อแกแล้วก็ดีๆกันเถอะว่ะ”
ตะวันฉายยื่นดอกไม้ให้เอวา “ไม่ล่ะ ฉันฝากเอาไปคืนเค้าด้วยแล้วกัน”
เอวาและนิคอ่อนใจมาก
“ซัน แกจะเล่นตัวไปถึงไหนวะ พี่เมฆเค้ารักแกมากนะเว้ย” เอวาว่า
“คนรักกันเค้าไม่พูดแบบนั้นหรอก” ตะวันฉายบอก
“ก็เค้าสำนึกผิดแล้วไง แกไม่คิดจะอภัยให้เค้าหน่อยเหรอ”
ตะวันฉายตอบทันที “ไม่!!!!”
เอวาและนิคเบือนหน้าหนีกันอย่างระอา
“ฉันพูดตามตรงนะ ฉันเห็นสายตาเย็นชาของเค้า มันทำให้ฉันไม่อยากกลับไปเจอเค้าอีก แกคิดดูสิ ขนานฉันหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านเค้า เค้ายังไม่สนใจไยดีเลย แล้วแกคิดว่าฉันควรจะกลับไปหาคนแบบนั้นอีกมั้ย”
“ควรหรือไม่ควรคนที่จะตอบคือแก ไม่ใช่พวกฉัน แต่ที่ฉันจะบอกแกคือ พี่เมฆเค้าอยากเจอแกมาก ถ้าแกรักเค้ามากพอที่จะอภัยให้เค้าได้ ก็อย่าปล่อยให้เค้ารอเก้อก็แล้วกัน”
ตะวันฉายชะงักทันทีเพราะเธอก็เริ่มใจอ่อนไปไม่น้อย

เมฆนั่งคิดอยู่ที่เตียง เขาดูรูปเก่าๆของตะวันฉายในไอแพดแล้วก็เผลออมยิ้ม แต่สุดท้ายเมฆก็ตัดใจปิดเครื่องไป

ตะวันฉายนั่งมองเหม่อไปนอกหน้าต่างที่บ้านสวน ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ตะวันฉายรีบวิ่งไปดู แล้วเธอก็สีหน้าผิดหวัง ตะวันฉายนอนลงบนเตียงแล้วก็นอนไม่หลับ ส่วนเมฆเองก็นอนกระสับกระส่ายเช่นกัน
ยุทธการ นิดและเอวาเดินเครียดเป็นหนูติดจั่นเพราะลุ้นสุดๆ อยู่ในสวนแห่งหนึ่ง
“เมื่อไหร่จะมากันซักทีนะ” ยุทธการกระวนกระวาย
“เดี๋ยวก็คงมามั้งพี่ยุทธ” นิคบอก
“แล้วถ้าแผนเราไม่ได้ผลล่ะ” ยุทธการถาม
“ก็ต้องหาทางจนกว่าจะได้ผลสิคะ” เอวาบอก
ทันใดนั้นรถของเมฆก็แล่นมาจอด นิคหันไปเห็นก็ตื่นเต้นมาก
“นั่นไง พี่เมฆ”
ทั้งสามคนรีบหลบทันที
เมฆลงมาจากรถแล้วเดินไปนั่งรอที่ม้านั่งริมน้ำด้วยสีหน้าเครียด เขาถือกล่องนาฬิกาทรายเอาไว้ด้วย
สักพักรถแท็กซี่ก็แล่นมาจอด ตะวันฉายลงมาจากรถ ยุทธการ เอวา และนิคตีมือกันด้วยความดีใจ ตะวันฉายเห็นเมฆนั่งอยู่ก็เดินเข้าไปหา
“มีอะไรจะพูดก็พูดมา” ตะวันฉายบอก
เมฆชะงักแล้วหันไปหาตะวันฉาย
“ผมมาเพราะอยากเอาของมาคืนคุณ”
ตะวันฉายชะงักด้วยความแปลกใจ
“ของอะไร”
เมฆยื่นนาฬิกาทรายคืนให้ตะวันฉาย
“ขอบคุณสำหรับนาฬิกาและความรู้สึกดีๆที่มีให้ผมมาตลอด แต่ครั้งนึงผมเคยเจ็บหนักกับการตกเป็นตัวสำรอง ผมไม่อยากกลับไปอยู่ในสภาพนั้นอีกแล้ว”
ตะวันฉายงงเป็นไก่ตาแตก
“คุณพูดอะไรของคุณห๊ะคุณเมฆ แล้วนี่นาฬิกาใคร “
เมฆชะงักเพราะงงไปอีกคน
“ก็คุณเป็นคนเอามาให้ผมไม่ใช่เหรอ”
“บ้าเหรอ ฉันจะให้คุณทำไม ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะให้ของคนที่พูดจาแย่ๆกับฉันแบบนั้นหรอกนะ คุณเองต่างหากที่ส่งดอกไม้มาให้ฉัน ฉันถึงต้องมาที่นี่”
เมฆทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะนึกขึ้นได้
“เข้าใจแล้วล่ะ ตกลงว่าคุณไม่ให้ฝากนาฬิกานี่มาให้ผม” เมฆถามอีกครั้ง ตะวันฉายพยักหน้ารับ “ผมก็ไม่ได้ส่งดอกไม้ให้คุณเหมือนกัน สรุปว่าเราโดนหลอกทั้งคู่”
ตะวันฉายได้ยินก็โกรธมาก

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 13 วันที่ 15 ม.ค. 56

ตะวันฉายในม่านเมฆ บทประพันธ์โดย ภาวิน
ตะวันฉายในม่านเมฆ บทโทรทัศน์โดย
กฤษณ์ มงคลเกษม,พิมพ์พชา รุ่งประพันธ์,วิวัฒน์ กฤษณาเวศน์
ตะวันฉายในม่านเมฆ กำกับการแสดงโดย ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ
ตะวันฉายในม่านเมฆ ดำเนินการผลิต ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิ์เวช
ตะวันฉายในม่านเมฆ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ที่มา manager