@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 3 วันที่ 29 ม.ค. 56

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 3 วันที่ 29 ม.ค. 56

อำนาจมองนาถสุดาอย่างไม่พอใจแต่เก็บอาการ ส่วนสุบรรณนิ่งเงียบ ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเจ้าอุรคาอยู่ที่ไหน
นาถสุดาหงุดหงิดไม่หาย ปรับทุกข์กับแฟนหนุ่มว่าสุบรรณหลงเจ้าอุรคาอย่างหัวปักหัวปําจนไม่ห่วงตัวเอง ไพศิษฐ์นิ่งไปอึดใจแล้วบอกว่าอาจเป็นเรื่องของพรหมลิขิต นาถสุดาเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อ เพราะตั้งแต่เด็กจนโต ญาติหนุ่ม ไม่มีวี่แววจะเชื่อในเรื่องแบบนั้น ไพศิษฐ์ส่ายหน้าน้อยๆกับความรั้นของแฟนสาวและย้ำเสียงอ่อน

“ผมไม่ได้บอกว่าท่านสุบรรณเชื่อ แต่ผมว่ามันเป็นพรหมลิขิต ถึงทำให้ท่านสนใจเจ้าอุรคาตั้งแต่แรกเห็น”

นาถสุดาเบ้หน้าอย่างไม่ชอบใจ ไม่เข้าใจญาติหนุ่มเลยจริงๆ...ถ้าบอกว่าหลงรูปยังจะน่าเชื่อมากกว่า!



หลังแยกกับแฟนสาว...ไพศิษฐ์ตรงดิ่งมาหาเพื่อนรักที่วังนาเคนทร์ ภุชคินทร์ฟังเรื่องทั้งหมดแล้วเห็นด้วยกับผู้กองหนุ่มว่าระหว่างสุบรรณกับเจ้าอุรคาอาจเป็นเรื่องของพรหมลิขิต ไพศิษฐ์มองมาอย่างไม่อยากเชื่อ เย้ายิ้มๆว่าแค่สมมติไม่ได้คิดจริงจัง ภุชคินทร์ไม่ขำด้วย บอกว่าเชื่อเพราะเห็นสุบรรณสารภาพรักกับเจ้าอุรคาด้วยตาตัวเอง ไพศิษฐ์ตาโต ไม่คิดมาก่อนว่าเจ้านายหนุ่มจะไวไฟกับเรื่องแบบนี้ ต่างจากภุชคินทร์ที่ทำหน้าเศร้าแต่ไม่รู้ตัว ผู้กองหนุ่มเล่าให้ฟังถึงผลการสืบสวนเบื้องต้นและสันนิษฐานว่าเจ้าหญิงต่างแดนอาจเป็นผู้ต้องสงสัย

“นายก็เห็น พอเกิดเรื่องเจ้าอุรคาก็หายตัวไปทันที”

“เครื่องประดับของเธอก็ยังอยู่ กระจกไม่มีรอยแตก รอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว อาจจะเป็นอย่างที่นายว่าก็ได้”

สองหนุ่มมองหน้ากันเครียดๆ...ถ้าเจ้าอุรคาเป็นผู้ต้องสงสัย เราคงต้องตามไปหาคำตอบกัน...

ooooooo

ภุชคินทร์กับไพศิษฐ์ปรึกษาเรื่องคดีจนดึกจึงตัดสินใจไปหาเจ้าอุรคาที่เฮือนภูจำปา ราชนิกุลสาวรับรู้ได้ด้วยญาณพิเศษ สั่งความกับชรายุให้ขวางไพศิษฐ์ไว้และปล่อยให้ภุชคินทร์เข้ามาคนเดียวเพราะมีแผนบางอย่าง

ขณะเดียวกันที่หน้าเฮือน...สองหนุ่มจอดรถแอบไว้และเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ ไพศิษฐ์กวาดตามองบรรยากาศวังเวงอย่างพิศวง ปรารภกับเพื่อนด้วยความแปลกใจเพราะไม่นึกมาก่อนว่าจะมีเฮือนโบราณใหญ่ขนาดนี้ในกรุงเทพฯ

“มันจะเป็นไปได้ยังไงวะ ครั้งที่แล้วเราก็ขับรถวนหาตามเส้นทางนี้แต่ไม่เจอ”

“นี่คือความน่าสนใจของเจ้าอุรคาที่ฉันอยากพิสูจน์ ถ้าเฮือนทั้งหลังหายไปได้ แค่โจรกรรมเพชรทำไมจะไม่ได้”

ทันใดนั้นเอง...ประตูบ้านเปิดออกพร้อมการปรากฏตัวของเจ้าอุรคา เธอยิ้มน้อยๆแล้วบอกอย่างรู้ทันว่าเห็นทุกอย่างจากกล้องวงจรปิดจึงออกมารับ สองหนุ่มถึงกับอึ้ง เดินตามเธอเข้าบ้านไปอย่างงงๆ แต่ต้องเจอกับปัญหาใหญ่เมื่อตามราชนิกุลสาวไม่ทัน ทั้งสองตัดสินใจแยกกันตามหา และถือโอกาสสำรวจพื้นที่หาร่องรอยแหล่งซ่อนเพชรตามที่สันนิษฐานไว้ก่อนหน้านี้ เจ้าอุรคาลอบมองสองหนุ่มจากบนเฮือนด้วยแววตาชิงชัง...นึกน้อยใจภุชคินทร์ที่สงสัยเธอ

เจ้าอุรคาตั้งใจล่อลวงภุชคินทร์ให้เข้าถึงตัวเฮือน ทิ้งไพศิษฐ์ไว้กับชรายุ ร่ายมนต์ให้เดินวนอยู่แต่ในสวนด้านนอก ภุชคินทร์เดินเข้าเฮือนอย่างหวาดๆ ตะโกนเรียกชื่อราชนิกุลสาวแต่ไม่มีเสียงตอบรับ กวาดตามองรอบๆ เห็นรูปปั้นพญาครุฑจิกพญานาคก็รู้สึกเจ็บแปลบราวกับเป็นพญานาคเสียเอง ไม่นานนักจึงได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญ เขาเดินตามเสียงไปจนถึงบริเวณนั่งเล่น เห็นสตรีนางหนึ่งนั่งหันหลังให้ ดูคุ้นตาเหมือนกับที่เคยเจอในฝัน เขาตัดสินใจเอื้อมมือไปแตะแต่ต้องผงะเมื่อเห็นหน้า อุทานเรียกชื่อเจ้าอุรคาแผ่วเบา ราชนิกุลสาวจ้องกลับอย่างเคืองๆแล้วตัดพ้อ

“ใช่...ดิฉันเอง ไม่ใช่ขโมยที่พวกคุณกำลังตั้งใจตามหากันหรอก”

ภุชคินทร์มองมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิดแต่ไม่ขอโทษ เฉไฉว่าพลัดหลงกับไพศิษฐ์ระหว่างทางมาที่เฮือน เจ้าอุรคาถอนหายใจหนักหน่วงด้วยความน้อยใจและเดินนำเขาออกไปด้านนอก ทันได้ยินเสียงผู้กองหนุ่มร้องลั่นอย่างตื่นตระหนกว่าโดนผีหลอก ราชนิกุลหนุ่มสาวเร่งฝีเท้าจนพบไพศิษฐ์ยืนจังก้ามองไปทางชรายุด้วยความหวาดกลัว เจ้าอุรคาตะเบ็งเสียงห้ามสาวใช้คนสนิทเสียงเคร่งและหันไปแขวะสองหนุ่มด้วยความหมั่นไส้

“ที่นี่ไม่มีผีสาง ไม่มีขโมย ถ้าผู้กองและคุณชายอยากเจอสองสิ่งนั้น คงต้องไปหาที่อื่น”

สองหนุ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ส่งสายตาโยนกันไปมาด้วยคิดว่าอีกฝ่ายหลุดปากเรื่องราชนิกุลสาวคือผู้ต้องสงสัย เจ้าอุรคามองมาด้วยแววตาเย้ยหยัน พูดแดกดันสองหนุ่มอย่างเคืองๆ

“เกิดคดีสะเทือนขวัญกลางเมือง แต่จู่ๆดิฉันหายไป ซ้ำเครื่องประดับต้นตระกูลก็อยู่ครบ เป็นใครก็ต้องสงสัย”

สองหนุ่มหน้าเสีย เจ้าอุรคาเชิดหน้าอย่างโกรธๆ บอกว่าไม่เห็นประโยชน์จะอยู่ที่งานต่อหลังการโจรกรรมจึงกลับก่อน ส่วนเรื่องกระจกนิรภัยของตู้แสดงเครื่องประดับต้นตระกูลนั้น เธออธิบายว่าทำจากวัสดุพิเศษ เหนียวและกันแรงกระแทกของกระสุนหรือระเบิดได้ดี สองหนุ่มมองหน้ากันเหวอๆ ราชนิกุลสาวพูดจบก็หมุนตัวขึ้นเฮือน พร้อมตะโกนสั่งสาวใช้คนสนิทให้ส่งแขก ชรายุไม่ขยับแต่เรียกทาสชื่อประทีปให้ไปส่งแทน

ชรายุไม่สบายใจเรื่องสองหนุ่ม พยายามบอกให้เจ้านายสาวจัดการขั้นเด็ดขาดเพราะเดาได้ว่าทั้งสองมีเจตนามาจับผิด เจ้าอุรคาไม่อยากทำร้ายภุชคินทร์ เฉไฉบอกปัดและอ้างว่ามีเรื่องสำคัญกว่าต้องสะสาง ชรายุมองมาอย่างรู้ทัน...เจ้านายสาวไม่กล้าทำร้ายราชนิกุลหนุ่มต่างหาก หาใช่ว่ามีเหตุผลอื่นไม่!

ooooooo

ภิงคารมาเยี่ยมสุบรรณที่คฤหาสน์ สันนิษฐานว่าการโจรกรรมเพชรอาจเกี่ยวกับการตายของเสี่ยปิง สุบรรณตีหน้าซื่อบอกว่าเป็นเรื่องของเวรกรรม ในขณะที่อำนาจนัยน์ตาวาวอย่างมีเลศนัย สุรินทร์ปรากฏตัวหลังจากรัฐมนตรีหนุ่มใหญ่กลับไปแล้ว บ่นเสียดายเรื่องเครื่องเพชรของเจ้าอุรคา เช่นเดียวกับอำนาจ

“นั่นสิครับ...กระจกอะไรจะวิเศษขนาดนั้น ผมก็เพิ่งเคยเจอ น่าเสียดายของจากตระกูลเจ้าอุรคา งามๆ ทั้งนั้น”

“จะเสียดายทำไม วันใดที่ฉันได้ครอบครองเจ้าอุรคา ของพวกนั้นก็ต้องตกเป็นของฉันอยู่ดี”

สุบรรณแสยะยิ้ม ไร้วี่แววอ่อนโยนเหมือนตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่น...ไม่รู้ตัวเลยว่ามีงูตัวหนึ่งนอนฟังอย่างสงบที่ด้านนอก พร้อมดวงตาที่เบิกโพลงด้วยไฟโทสะ!

เวลาเดียวกันที่เฮือนภูจำปา...เจ้าอุรคาเพ่งตามองสุบรรณด้วยญาณพิเศษ แววตากราดเกรี้ยวเหมือนเสียงฟ้าร้องกึกก้องด้านนอก ราชนิกุลสาวตะเบ็งเสียงแข่งกับพายุฝน สั่งการให้บริวารงูเตรียมจัดการกับสุบรรณ...

พันเอกนรินทร์สะดุ้งตื่นจากสมาธิในวันถัดมา เห็นนิมิตเป็นร่างสุบรรณถูกงูรัดอย่างทรมาน โทร.หาลูกสาวที่ทำงานในร้านขายของเก่าให้ตามญาติหนุ่มมาที่บ้าน นาถสุดาใจไม่ดีเพราะเชื่อว่าลางนิมิตของพ่อมักมาพร้อมเรื่องไม่ดี หญิงสาววางสายและเผลอปัดโดนไม้แกะสลักพญานาคหล่นลงพื้นจึงหยิบมาดูด้วยความแปลกใจ เด็กในร้านบอกว่าเป็นของคุณยายอติศรี นาถสุดาพยักหน้ารับอย่างงุนงงแต่ไม่มีเวลาใส่ใจนัก รีบโทร.หาสุบรรณและตรงกลับบ้านทันที

สุบรรณกับนาถสุดาถึงบ้านพันเอกนรินทร์ไม่นานหลังจากนั้น อดีตนายทหารกวาดตาหาเชือกกล้วยที่เคยสวมให้หลานชายกับมือแต่ไม่พบ สุบรรณยิ้มเก้อๆ อ้างว่าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ พันเอกนรินทร์เตือนด้วยความหวังดีว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่และขอร้องให้ใส่อีกครั้ง นักการเมืองหนุ่มจำได้ว่าถอดทิ้งไว้ในรถจึงเดินไปดูแต่อำนาจเพิ่งนำไปทิ้ง สุบรรณกลับมาหาอาหนุ่มและพูดอย่างเอาใจ

“คุณอาถักให้ผมใหม่ก็ได้ครับ คราวนี้ผมจะใส่ไม่ยอมถอดเลย”

“อาก็อยากทำแต่คงไม่ได้ ทุกอย่างมีวันเวลาของมัน เชือกกล้วยก็เหมือนกัน อาคงต้องรอเวลาที่เหมาะอีกที”

นรินทร์บอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สุบรรณกับนาถสุดามองหน้ากันงงๆ ไม่เข้าใจความสำคัญของเชือกกล้วยแม้แต่นิดเดียว สุบรรณกลับไปแล้ว นาถสุดายังคาใจ แอบถามพ่อด้วยความเป็นห่วงญาติหนุ่ม

“แล้วเชือกกล้วยป้องกันอันตรายให้พี่สุบรรณได้ยังไงคะ”

“งูมันกลัวเชือกกล้วย มันกลัวว่าจะรัดมัน”

“แล้วงูมาเกี่ยวอะไรด้วยคะ”

“ก็งูเป็นเจ้ากรรมนายเวรของสุบรรณ”

นาถสุดาหน้าถอดสี กลัวแทนสุบรรณจับใจเพราะลางนิมิตของพ่อไม่เคยพลาด!

ขณะที่ทุกคนวิตกกับเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นมากมาย...เฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีหมกมุ่นกับเรื่องหน้าตาในสังคม สองแม่ลูกเม้าท์กันด้วยความเซ็งเพราะไม่มีหนังสือพิมพ์ฉบับไหนลงข่าวเรื่องเฟื่องวลีกับภุชคินทร์ นินทาเจ้าอุรคาด้วยความหมั่นไส้ที่ดึงความสนใจของคนทั้งงาน เฟื่องวลีไม่แคร์ บอกว่าถ้าได้แต่งงานกับภุชคินทร์เมื่อไหร่คงไม่มีใครดูถูกอีก เฟื่องฟ้ายิ้มกว้างอย่างภูมิใจ...ลูกสาวเธอลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ

เวลาเดียวกันที่เฮือนภูจำปา...เจ้าอุรคารับรู้ถึงเจตนาของเฟื่องวลีด้วยญาณพิเศษ ยิ้มกับบริวารงูด้วยแววตา เย้ยหยัน...แล้วเราจะได้เห็นดีกันเฟื่องวลี!

ooooooo

วันเวลาผ่านไป...สุบรรณ ภิงคาร และภุชคินทร์ไปทำงานที่รัฐสภาตามปกติ นักข่าวรุมสอบถามอาการบาดเจ็บของสุบรรณ ความคืบหน้าคดีโจรกรรมเพชรจากภิงคาร และอาการหมดสติของภุชคินทร์ที่เหมือนกับตอนที่เขาเห็นรอยเท้าพญานาคที่ริมโขง ราชนิกุลหนุ่มหน้าเสีย รู้ดีถึงความผิดปกติแต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง

เรื่องที่นักข่าวถามกวนใจภุชคินทร์ถึงช่วงค่ำ หม่อมภาณีเห็นด้วยกับนักข่าวว่าอาการลูกชายน่าสงสัย เช่นเดียวกับนารีวรรณที่กระเซ้าพี่ชายยิ้มๆว่าเห็นอะไรในอัญมณีทั้งสามของเจ้าอุรคา ภุชคินทร์หน้าเครียดขึ้นทันที ต่างจากสองแม่ลูกที่ชื่นชมเครื่องประดับประจำตระกูลเจ้าอุรคาอย่างออกหน้าออกตา หม่อมภาณีคะยั้น คะยอลูกชายให้เชิญเจ้าหญิงต่างแดนมาทานอาหารที่วังเพื่อพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมบัติประจำตระกูล ภุชคินทร์แบ่งรับแบ่งสู้ ไม่อยากขัดใจแม่แต่ก็ลำบากใจจะขอร้องเจ้าอุรคาเช่นกัน...

ภุชคินทร์ไปหาไพศิษฐ์ที่ร้านขายของเก่าของนาถสุดาวันถัดมา ขอร้องให้ไปเฮือนภูจำปาด้วยแต่โดนปฏิเสธเพราะผู้กองหนุ่มเสียวสันหลังไม่หายจากประสบการณ์ครั้งก่อน ภุชคินทร์หงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้ ฮึดฮัดออกจากร้านอย่างหัวเสีย ไพศิษฐ์มองตามขำๆ ตะโกนแซวไล่หลังว่าอย่าตกหลุมรักเจ้าอุรคาเพราะสุบรรณจองแล้ว นาถสุดาหันขวับเมื่อได้ยินชื่อญาติหนุ่ม ถามอย่างร้อนรนเพราะไม่เห็นวี่แววมาก่อน ไพศิษฐ์บอกว่าได้ยินมากับหูว่าเจ้านายหนุ่มสารภาพรักกับเจ้าอุรคา นาถสุดาตาโต ตะลึงจนเกือบทำไม้แกะสลักพญานาคหลุดมือ

นาถสุดาหนักใจเรื่องสุบรรณเพราะระแวงเรื่องเจ้าอุรคา ปรับทุกข์กับพ่อช่วงเย็นวันนั้น พันเอกนรินทร์มองมาอย่างปราณีและอธิบายลูกสาวว่าเป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิต

“เรื่องของหัวใจ เรื่องของความรักและเรื่องของเวรกรรม ไม่มีใครฝืนลิขิตได้”

“คุณพ่ออย่าบอกนะคะว่าเจ้าอุรคากับพี่สุบรรณเป็นเนื้อคู่กัน”

“พ่อคงบอกไม่ได้ แต่พ่อพูดให้นาถมีสติไม่ต้องคิดมาก เพราะบางเรื่อง ถ้าเบื้องบนลิขิตมาแล้วก็ฝืนไม่ได้”

“แต่นาถคนหนึ่งล่ะที่จะไม่ยอมให้พี่สุบรรณไปรักเจ้าอุรคาแน่ๆ นาถรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัว”

พันเอกนรินทร์ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ใช่ว่าเขาจะไม่รู้...แต่มันเป็นเรื่องของกรรมเก่าผูกพันกันมา

ภุชคินทร์ขับรถไปที่เฮือนภูจำปากลางดึกวันนั้น เจ้าอุรคาออกมาต้อนรับเหมือนเคยราวกับรู้ล่วงหน้า ราชนิกุลหนุ่มคร้านจะถาม ตัดสินใจมุ่งสู่ประเด็นสำคัญ เชิญหญิงสาวไปทานอาหารที่วังนาเคนทร์ เจ้าอุรคาตอบรับอย่างยินดี แต่แอบทิ้งท้ายด้วยคำพูดเป็นนัยเหมือนเคย ภุชคินทร์ทำหน้าเมื่อยแล้วย้อนอย่างหงุดหงิด

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 3 วันที่ 29 ม.ค. 56

ละครเรื่อง มณีสวาท บทประพันธ์โดย : จินตวีร์ วิวัธน์
ละครเรื่อง มณีสวาท บทโทรทัศน์โดย : ณัฐวัฒน์
ละครเรื่อง มณีสวาท กำกับการแสดงโดย : วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง มณีสวาท แนวละคร : ตื่นเต้น ลึกลับ
ละครเรื่อง มณีสวาท ผลิตโดย : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด โดย สมจริง ศรีสุภาพ
ติดตามชมละครเรื่อง มณีสวาท ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ