@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 6/2 วันที่ 12 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 6/2 วันที่ 12 ม.ค. 56

ภายในมูลนิธิจันทร์จำนง เวลาเช้า ศรีพิไล ภาสันต์ ภูวดล ยืนอยู่กับรวีพรรณ รมณี และณรงค์
“ขอบใจหนูรวีมากนะจ๊ะที่มางานนี้” ศรีพิไลบอก
รวีพรรณยิ้มเจื่อน
“เดี๋ยวเราเข้าไปนั่งกันดีกว่า”
ทั้งหมดเดินเข้าไปในห้องประชุม แต่เจอสุอาภารออยู่แล้ว ทุกคนชะงักงันกันไป สุอาภารีบถลาเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะทุกคน”
ทุกคนอึ้งกันไปหมด
“ทำไมแกถึงอยู่ที่นี่ด้วย” ศรีพิไลถาม

“แตก็มามอบทุนน่ะสิคะ คุณแม่นี่ถามแปลก แตคงไม่ได้มากินข้าวที่มูลนิธิหรอกค่ะ”
“ฉันไม่ใช่แม่แก ไม่ต้องมาเรียก”



“ชู่ว์..ไม่เอาค่ะ อย่าเสียงดัง เดี๋ยวเด็กๆตกใจนึกว่าแม่มด”
สุอาภายิ้มขำ ศรีพิไลแทบอยากจะเต้นแต่ไม่กล้ากรี๊ด ภาสันต์ รมณี ณรงค์มองสุอาภาอย่างไม่พอใจ สุอาภาเดินมาจับแขนภูวดล
“ฉันจะปล่อยให้คุณทำหน้าที่ลูกกตัญญูไปก่อน แล้วไว้หลังงานเราค่อยนัดเจอกันนะคะ”
สุอาภาเอามือแตะปากตัวเองก็แตะไปที่หน้าภูวดลก่อนจะเดินออกไป ศรีพิไลหันขวับมาทางภูวดล
“ที่นังนั่นมันพูด หมายความว่ายังไง”
“คุณศรี...หยุดได้แล้ว” ภาสันต์บอกพลางหันไปทางรมณี
“เราไปนั่งกันเถอะครับ”
ภาสันต์ ศรีพิไล รมณี ณรงค์เดินออกไปก่อน ภูวดลหันไปทางรวีพรรณแล้วผายมือ
“เชิญครับ”
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะเดินออกไป พิทยาที่สีหน้าดูอิดโรยก็เดินเข้ามา รวีพรรณแปลกใจ ภูวดลผงะไม่พอใจ
“พิท”
พิทยาหันไปทางรวีพรรณกับภูวดล ภาสันต์ ศรีพิไล รมณี ณรงค์หันไปเห็นพิทยาก็อึ้ง รมณีพูดกับศรีพิไล
“มันมาได้ยังไง”
พิทยายืนอยู่กับรวีพรรณและภูวดล
“ใครเชิญแกมา” ภูวดลถาม
จันทร์จำนงเดินมาหา
“ย่าเชิญคุณพิทยามาเอง”
ภูวดลหันขวับไม่พอใจ
“คุณย่าชวนมันมาทำไมครับ”
“แล้วทำไมย่าถึงจะชวนคุณพิทยามาไม่ได้ ไปเถอะคุณพิทยา ไปนั่งข้างฉัน”
จันทร์จำนงกับพิทยาเดินออกไป ภูวดลกำมือแน่นด้วยความโมโห จันทร์จำนงพาพิทยามานั่งใกล้กับสุอาภา พิทยาเห็นสุอาภาก็แปลกใจมาก สุอาภาทำเป็นไม่สนใจ

การมอบทุนการศึกษาให้เด็กมีภาสันต์กับศรีพิไลเป็นผู้มอบทุน พิทยาสีหน้าแย่ ปากซีด ตาปรือ รู้สึกมึน ก่อนจะไอขึ้นมา ภูวดลเหล่มองพิทยาแววตากร้าว สุอาภานั่งอย่างใจจดจ่อ...เฝ้ารอเวลา พลางหันไปมองหน้ากับจันทร์จำนงอย่างรู้กัน
รวีพรรณหันไปมองพิทยาด้วยความสงสัย

ภายในรถ นพเห็นมือถือพิทยาหล่นอยู่ก็หยิบขึ้นมา
“สงสัยจะเป็นมือถือของพิท...กลับไปที่มูลนิธิก่อน” นพบอก
คนขับพยักหน้ารับแล้วก็รีบเลี้ยวรถกลับไปทันที

จันทร์จำนงเดินมาตรงหน้าไมค์ ทุกคนปรบมือ
“ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมางานแจกทุนของมูลนิธิ ซึ่งเราทำกันมาเป็นเวลากว่าสิบปี นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ดิฉันมีความสุข และชุ่มชื่นหัวใจทุกครั้งที่ได้มีโอกาสในการให้การศึกษากับเด็กๆ แต่ปีนี้แตกต่างกว่าทุกปี ตรงที่มีคนๆหนึ่งที่ดิฉันตามหาและรอคอยเค้ามาทั้งชีวิตได้มาร่วมในงานนี้ด้วย”
ภาสันต์ ศรีพิไล ภูวดลแปลกใจว่าเป็นใคร รวีพรรณ รมณี ณรงค์ก็แปลกใจเช่นกัน สุอาภาตื่นเต้นมาก
“เค้าคือ..หลานชายคนโตของดิฉัน”
ทุกคนอึ้งมาก ภูวดลหันขวับไปมองภาสันต์กับศรีพิไลอย่างไม่เข้าใจ สุอาภายิ้ม แขกในงานพากันมองหา พิทยาก็มองหาด้วยความอยากรู้
จันทร์จำนงหันมาทางพิทยา
“หลานชายคนโตของดิฉันก็คือ...คุณพิทยา”
สุอาภายิ้มดีใจมาก ภาสันต์ ภูวดล ศรีพิไล รมณี ณรงค์ รวีพรรณ และแขกในงาน หันขวับไปมองพิทยาเป็นตาเดียว พิทยาเหวอ งง..ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แขกในงานพากันซุบซิบเสียงดัง
“คุณภาสันต์มีลูกอีกคนเหรอเนี่ย - มีลูกกับใคร - ตายแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ”
ภาสันต์ได้ยินคนพูดกันก็ไม่พอใจ ศรีพิไลลมแทบจับ ภูวดลต้องเข้ามาประคองเอาไว้ รมณี รวีพรรณ ณรงค์มองหน้ากัน ภาสันต์เดินมาดึงแขนจันทร์จำนงให้ออกห่างจากไมโครโฟน
ภาสันต์พูดแบบที่ได้ยินกันแค่สองคน
“คุณแม่พูดอะไรออกมา รู้ตัวรึเปล่า”
“จำผู้หญิงที่ชื่อพิมได้มั้ย พิทยาเป็นลูกของพิม”
ภาสันต์อึ้ง หน้าถอดสีหันขวับไปมองพิทยาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ ภาสันต์พูดเสียงดัง
“มันไม่ใช่ลูกผม!”
ทุกคนหันขวับไปทางภาสันต์กับพิทยาเป็นตาเดียว ภาสันต์เดินมาประจันหน้ากับพิทยา
“แกไม่ใช่ลูกชายฉัน! แม่ของแกมันมั่วผู้ชายไม่เลือก”
พิทยากัดกรามแน่นด้วยความโกรธ ทุกคนฮือฮา
“พอท้องขึ้นมา ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กก็เลยพยายามจะจับฉัน ดีที่ฉันฉลาดไหวตัวทัน ถึงเอาตัวรอดไปได้ ฉันนึกว่าเรื่องมันจะจบ แต่แกกลับไม่จบมาหลอกแม่ฉัน ทำให้แม่ฉันคิดว่าแกเป็นหลาน แกกับแม่ของแกก็ไม่ต่างจากเปรตขอส่วนบุญ”
“หยุด” พิทยาโมโหมาก
ภาสันต์ไม่ยอมหยุด
“เห็นฉันรวยก็เลยอยากได้เป็นพ่อเหรอวะ ไอ้นพมันให้แกไม่พอเหรอไง นี่แสดงว่ามันเลี้ยงแกไม่ดีเลยใช่มั้ย แกถึงต้องหน้าด้านมาบอกว่าฉันเป็นพ่อ”
“ผมบอกให้หยุดไง”
พิทยากำมือแน่นจนตัวเกร็ง
“แกมันก็ไม่ต่างจากแม่ของแก ก็อย่างว่าแหละ แม่ลูกกัน เลือดมันก็เลยชั่วเหมือนกัน”
พิทยาสุดทน ดันภาสันต์จนหลังติดกำแพงแล้วตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความอัดอั้น
“พอได้แล้ว”

ทุกคนตกใจกับท่าทางของพิทยา
“คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าแม่ผม”
ภาสันต์ยื่นเข้าไปพูดใกล้ๆ พูดเสียงเบาหน้ากวน
“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ อย่าลืมว่าครั้งนึงฉันก็เคยเป็นผัวแม่ของแก”
พิทยาเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง ก็เลยเงื้อหมัดขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณและขาดสติ ภาสันต์กับทุกคนตกใจ
“พิทยา อย่า”
เสียงของจันทร์จำนง เรียกสติกลับมาให้พิทยาอีกครั้ง พิทยาเห็นแววตาที่ภาสันต์มองตัวเองก็อึ้ง รู้สึกได้ว่าเค้าเป็นพ่อจริงๆ พิทยาค่อยๆเอามือลง ภาสันต์ได้ทีผลักพิทยาเต็มแรง เงื้อหมัดขึ้นมาจะชกพิทยาด้วยความโกรธ แต่มีคนมาดึงแขนภาสันต์เอาไว้
ภาสันต์ชะงัก หันไปเห็นนพยืนอยู่ก็หน้าถอดสี พิทยา สุอาภา รวีพรรณ จันทร์จำนง รมณี ภูวดล ศรีพิไล ณรงค์และคนอื่นก็เห็นนพเช่นกัน
นพมองภาสันต์ด้วยแววตากร้าว
“ถ้าแกทำอะไรพิท...ฉันจะเรียกตำรวจมาลากคอแก”
ภาสันต์ชะงัก นพปล่อยมือ เดินมาตรงกลางระหว่างภาสันต์กับพิทยา
“จะเรียกตำรวจมาจับฉัน...เฮอะ! ใครกันแน่ที่จะถูกจับ มีพยานตั้งหลายคนเห็นว่ามันคิดจะทำร้ายฉันก่อน”
นพหันไปทางคนอื่น
“แล้วมีใครเห็นว่าพิททำร้ายคุณภาสันต์แล้วเหรอยัง”
ทุกคนเงียบ ภาสันต์หน้าเสีย นพหันมาทางภาสันต์
“เลิกนิสัยเอาความดีเข้าตัว เอาความชั่วให้คนอื่นซักที แกก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าความจริงมันเป็นยังไง”
ภาสันต์กลืนน้ำลายเอื๊อก นพพูดต่อ
“ความจริงก็คือ...”
นพเว้นไปชั่วอึดใจ ทุกคนมองนพอย่างอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“พิทยา...ไม่ใช่ลูกของแก”
สุอาภากับจันทร์จำนงชะงัก ภาสันต์ ศรีพิไลโล่งอก ภูวดลนิ่วหน้าสงสัย รวีพรรณเองก็สงสัยเช่นกัน รมณี ณรงค์ลอบยิ้มอย่างสบายใจ
ภาสันต์หันไปทางจันทร์จำนง
“คุณแม่ได้ยินชัดแล้วนะครับ อย่าเอาผมไปเกลือกกลั้วกับไอ้เด็กที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนี้อีก ผมมีลูกชายคนเดียวคือภูวดล”
จันทร์จำนงพูดไม่ออก หันไปมองสุอาภาแบบกลืนไม่เข้า คายไม่ออก
ภาสันต์หันมาทางนพ
“แล้วตกลงมันเป็นลูกใคร หรือว่ามันเป็นลูกแกกับพิม แต่แกอายก็เลยโกหกว่ามันเป็นแค่เด็กที่แกเอามาเลี้ยง”
“พิทจะเป็นลูกใครแกไม่ต้องยุ่ง เพราะแกกับเค้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน อย่ายุ่งกับพิทอีกเป็นอันขาด แกก็รู้ว่าฉันทำได้ทุกอย่าง เพื่อปกป้องคนที่ฉันรัก ไปพิท...กลับ!”
นพจับแขนพิทยาพาเดินออกไป นพเดินผ่านหน้าสุอาภาแล้วก็หยุดเดินหันไป
“ไว้เราค่อยไปคุยกันที่บ้าน”
สุอาภาได้แต่กลืนน้ำลาย นพกับพิทยาจ้ำเดินออกไป สุอาภาหันไปมองตามพิทยาอย่างรู้สึกผิด แล้วก็เดินตามออกไปอีกคน รวีพรรณมองพิทยาด้วยความสงสาร ภูวดลหันไปมองตามสุอาภาสีหน้าสงสัย

ภาสันต์มองจันทร์จำนงด้วยความโมโหสุดๆ
“คุณแม่เสียสติไปแล้วเหรอไงถึงพูดเรื่องแบบนั้นออกไป”
“หยุดนะภาสันต์! นี่แม่นะ”
“ผมขอโทษครับ ผมไม่เข้าใจว่าคุณแม่คิดจะทำอะไร ทั้งๆที่ผมบอกคุณแม่ไปแล้วว่าผมไม่ได้ทำผู้หญิงคนนั้นท้อง”
จันทร์จำนงสวนกลับทันที
“แม่เคยไปเจอพิมมา”
ภาสันต์ชะงัก จันทร์จำนงพูดต่อ
“ตอนนั้นพิมเพิ่งคลอดพิทยา ทันทีที่แม่เห็นหน้า แม่ก็รู้ทันทีว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเรา หน้าตาเค้าถอดแบบออกมาจากเราราวกับเป็นพิมพ์เดียวกัน แม่แสดงความรับผิดชอบ แต่เค้าไม่รับ แล้วเค้าก็พาลูกหายตัวไปนับตั้งแต่วันนั้น นี่เป็นสิ่งที่ค้างคาใจแม่มาตลอดที่แม่ต้องปล่อยให้หลานของแม่ไปตกระกำลำบาก”
“ยังไงผมก็ไม่มีทางยอมรับว่ามันเป็นลูก มัน-ไม่-ใช่-ลูก-ผม!”
ภาสันต์เดินออกไปเลย จันทร์จำนงได้แต่ยืนอึ้ง น้ำตาไหลด้วยความเสียใจ

รมณี ณรงค์ รวีพรรณยืนอยู่กับศรีพิไล
“ฉันกลับล่ะนะศรี ถ้ามีอะไรให้ช่วย ก็บอกมาได้เลย” รมณีบอก
“ขอบใจ”
รวีพรรณไหว้ศรีพิไล แล้วก็หันไปมองภูวดลที่นั่งเครียดตรงมุมหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปกับรมณีและณรงค์ ไม่นาน ภาสันต์เดินออกมา ภูวดลรีบลุกขึ้นยืน ศรีพิไลหันมา
“กลับกันได้แล้ว”
ภาสันต์เดินออกไป ศรีพิไลเดินตาม ภูวดลหันไปเห็นจันทร์จำนงเดินออกมา ภูวดลมองย่าด้วยความเสียใจและน้อยใจ ไม่พูดอะไรออกมา ก่อนจะตามพ่อกับแม่ออกไป จันทร์จำนงทอดถอนใจด้วยความเศร้า

ริมน้ำสวยแห่งหนึ่ง นพยืนหันหลังให้พิทยาที่สีหน้าแย่มากกว่าเดิมและกำลังเริ่มเป็นไข้มีอาการหนาวสั่นเล็กๆแต่พยายามอดทน
“คุณอาครับ...ผมต้องการความจริง คุณภาสันต์เป็นพ่อของผมใช่มั้ย”
นพหันมาพร้อมกับถอนหายใจ
“เธอจะอยากรู้ไปทำไม”
“ความจริง...เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่ใช่เหรอครับ ถึงแม้เราจะวิ่งหนีมันไปไกลแค่ไหน แต่มันก็ตามเราทันทุกครั้ง ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ผมก็ได้เรียนรู้วิธีที่จะอยู่กับมันได้อย่างมีความสุขไปตลอดชีวิต”
นพมองพิทยาด้วยสีหน้าเห็นใจ ขยับเดินมาตรงหน้า
“ฉันรับปากแม่ของเธอเอาไว้ ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้เธอรู้”
“ไม่ว่าคุณอาจะบอก หรือ ไม่บอก ผมก็มีความทุกข์เหมือนกัน”
นพมองพิทยาอย่างชั่งใจแล้วก็ตัดสินใจ...
นพกล้ำกลืนที่จะพูดมันออกมา
“ภาสันต์เป็นพ่อของเธอ”
พิทยาแทบล้มทั้งยืนด้วยความเสียใจและเจ็บปวดเมื่อได้รับการยืนยันที่ชัดเจน
“แต่ที่ฉันต้องโกหกคนอื่น เพราะฉันทนจะเห็นเธอกับแม่ของเธอถูกมันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีต่อไปอีกไม่ไหว การที่เธอไม่วิ่งหนีความจริงเป็นสิ่งที่น่านับถือ แต่บางครั้ง...ความจริงที่แสนเจ็บปวด เราก็ไม่ควรเก็บมันไว้ข้างตัว”
พิทยายืนนิ่งด้วยความรู้สึกที่สับสนมาก นพหยิบก้อนหินบนพื้นขึ้นมายื่นไปตรงหน้าพิทยา
“รับไปซะ”
พิทยามองนพงงๆ แต่ก็รับก้อนหินมาถือเอาไว้
“ฉันอยากให้เธอคิดว่าก้อนหินก้อนนี้คือความจริง”
พิทยาชะงัก นพพูดต่อ
“โยนมันลงไปในน้ำ ทิ้งให้มันอยู่ในก้นบึ้งของแม่น้ำ เมื่อมันไปรวมกับหินก้อนอื่นที่อยู่ข้างใต้ มันก็จะกลายเป็นแค่ก้อนหินก้อนหนึ่งที่ไม่ได้มีค่า มีความหมายให้เธอต้องคิดถึงมันอีก”
พิทยามองก้อนหินในมือแล้วเงยหน้ามองไปที่แม่น้ำ แล้วก็ตัดสินใจโยนก้อนหินอย่างแรงให้ตกลงไปในแม่น้ำ พิทยารู้สึกโล่งขึ้นมานิดนึง นพเข้ามาโอบบ่าพิทยาพร้อมกับบีบแน่นให้กำลังใจ พิทยาหันมา
“อย่าเสียใจให้กับคนอย่างภาสันต์ เพราะเธอมีค่ามากกว่าเค้าเยอะ”
“ผมไม่ได้เสียใจที่เค้าไม่ยอมรับผมเป็นลูกหรอกนะครับ แต่สิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดที่สุดก็คือการที่เค้าแสดงความรังเกียจแม่ของผม”
พิทยาแทบจะร้องไห้ออกมา นพมองพิทยาด้วยความสงสารมาก หันมาดึงพิทยาเข้ามากอดปลอบใจ พิทยาพยายามจะไม่ร้องไห้ แต่น้ำตากลับไหลออกมาเอง

ภายในห้องรับแขก สุอาภาหน้าจ๋อยอย่างหนัก บวรกับวรรณวดีมองสุอาภาด้วยสีหน้าเห็นใจ บวรสะกิดให้วรรณวดีพูดแต่เธอส่ายหน้า บวรเลยตัดสินใจ
“แต..ต่ายมีอะไรจะบอก”
วรรณวดีหันไปถลึงตาใส่บวร บวรทำหน้าตาย
“บอกน้องไปสิต่าย”
วรรณวดีหันมาทางสุอาภา
“เออ...อย่าเศร้าไปเลยนะแต เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของแต พี่รู้ว่าแตทำลงไปเพราะหวังดีกับพิท”
“แต่พิทคงจะเกลียดแตไปแล้ว”
บวรกับต่ายถอนหายใจ ไม่นานนพกลับมา ทุกคนหันไปมอง สุอาภารีบเดินไปหาทันที
“พิทเป็นไงคะป๋า”
“คงต้องให้เวลาซักพักใหญ่ๆกว่าพิทจะทำใจได้ วันนี้พิทบอบช้ำมากทั้งทางร่างกายและจิตใจ”
สุอาภาน้ำตาคลอบอก
“แตขอโทษนะคะป๋า เพราะแตเอง...แตเป็นคนทำร้ายพิท”
สุอาภาร้องไห้ออกมาอย่างสะอึกสะอื้นรู้สึกผิดอย่างมาก ทำเอานพ บวร วรรณวดีตกใจ
“แตแค่อยากให้พิทมีตัวตนในสายตาคุณรมณี แต่ไม่นึกเลยว่าความหวังดีของแตจะทำให้พิทเจ็บปวดอีกแล้ว แตขอโทษ แตขอโทษ....แตขอโทษค่ะป๋า” สุอาภาคุกเข่าลงตรงหน้าทุกคน
สุอาภาก้มหน้าร้องไห้ นพย่อตัวลงมาดึงสุอาภาให้ลุกขึ้นมา บวรมองสุอาภาอย่างสงสาร วรรณวดีร้องไห้ตามออกมา
“ป๋า พี่ใหญ่ พี่ต่ายอย่าโกรธแตนะ ถ้ามีใครโกรธแตอีก แตต้องตายแน่ๆ ตอนนี้หัวใจของแตมันจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆแล้ว”
นพเข้ามากอดสุอาภา เธอกอดนพแน่น
“ไม่มีใครโกรธแต พวกเรารู้ว่าที่ลูกทำลงไปทุกอย่าง เพราะต้องการช่วยพิทเค้าจริงๆ อย่าร้องไห้ลูก อย่าร้องไห้นะ”
นพผละออกมาเช็ดน้ำตาให้สุอาภาแล้วน้ำตาคลอเสียเอง นพลูบหัวลูกสาว วรรณวดีทนไม่ไหวเข้ามากอดสุอาภากับนพ นพกอดลูกสาวสองคนเอาไว้ บวรเองก็น้ำตาคลออีกคน แล้วก็รีบเช็ดน้ำตาเข้ามากอด ทั้งหมดยืนกอดปลอบใจกัน

ภายในห้องนอน สุอาภานั่งสีหน้ากลัดกลุ้มมากเพราะเป็นห่วงพิทยา สุอาภาเอารูปวาดการ์ตูนพิทยาขึ้นมาดู...พลางครุ่นคิด
ภายในห้องรับแขก พิทยากำลังเปิดขวดยา...สีหน้าพิทยาดูซีดและแย่มากเพราะเป็นไข้ จนแทบจะยืนไม่อยู่ พิทยายังไม่ทันกินยา ก็เซเหมือนจะล้ม สุอาภาเข้ามาเห็นพอดีก็ตกใจ
“พิท!”
สุอาภารีบเข้ามาประคอง พิทยาหันไปมองเธอและหมดเรี่ยวแรงที่จะพูด เธอค่อยๆพาเขาไปนั่งที่โซฟา เธอเห็นสีหน้าของพิทยาก็เอามือจับไปที่หน้าผาก
สุอาภาสีหน้าวิตกมาก
“นายเป็นไข้!! นี่ยังไม่ได้ทานยาใช่มั้ย เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้”
พิทยาเสียงอ่อนแรง
“ไม่ต้อง”
“ฉันรู้ว่านายโกรธฉัน แต่หยุดโกรธฉันซักเดี๋ยวจะได้มั้ย ขอให้ฉันดูแลนายก่อน”
พิทยาพูดไม่ออก สุอาภาเดินไปเอาน้ำกับยามาให้ เขารับมากิน สุอาภาเอาแก้วน้ำวางบนโต๊ะ
“ฉันจะพานายขึ้นไปนอนบนห้อง”
“นอนพักตรงนี้ซักเดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น ผมยังมีงานต้องทำ คุณกลับไปได้แล้ว”
สุอาภานิ่งงันไปซักพักแล้วก็นั่งลงข้างพิทยา พิทยาแปลกใจ
“ฉันไม่กลับ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนาย”
“คุณแต...”
“ต่อให้เอารถมาลากฉัน...ฉันก็ไม่ไป”
สุอาภาสีหน้ามุ่งมั่นมากจนพิทยาอ่อนใจ

บนโต๊ะอาหาร เวลากลางคืน รมณี รวีพรรณ ณรงค์ทานข้าวบนโต๊ะอาหารด้วยกัน
“ไม่รู้นายพิทยาไปพูดกับคุณนายจันทร์อีท่าไหน ถึงทำให้แกเข้าใจว่ามันเป็นลูกของคุณภาสันต์” รมณีว่า
“คนแบบนายนั่น สร้างเรื่องได้สารพัดนั่นแหละ แต่ไอ้ที่แปลกก็คือ..คุณนายจันทร์เชื่อเข้าไปได้ยังไง แถมยังเชื่ออย่างจริงจังซะด้วย ว่านายพิทยาเป็นหลานชายแท้ๆ” ณรงค์บอก
“ฉันว่าคุณนายจันทร์นี่ก้อท่าจะเลอะเลือนซะแล้วล่ะค่ะ”
รวีพรรณฟังที่พ่อกับแม่พูดแล้วก็ได้แต่เงียบ และเป็นห่วงพิทยา เธอทำเป็นนึกอะไรออก
“เออ คุณพ่อคุณแม่คะ รวีนึกได้ว่าลืมเอกสารสำคัญไว้ที่ออฟฟิศ ต้องรีบไปเอามาอ่านคืนนี้”
“ถ้างั้นก็รีบไปเถอะลูก ขับรถดีดีล่ะ”
รวีพรรณพยักหน้าแล้วก็รีบเดินออกไป

ผ่านเวลามา พิทยานอนซมอยู่บนเตียง สุอาภาเอาผ้ามาห่มให้ นั่งดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด แต่พิทยาก็ยังหนาวสั่น ไข้ไม่ลง สุอาภาเอามือจับหน้าผากพิทยาอีกครั้ง
“ตัวยังร้อนอยู่เลย”
สุอาภาเป็นห่วงมาก พิทยาค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“ไปหาหมอเถอะนะ”
“ไม่...ไป”
“ทำไมนายถึงได้ดื้ออย่างนี้ ถ้านายเป็นหนักขึ้นมาจะทำยังไง”
“ผมไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก”
แล้วสุอาภาก็นึกอะไรออก
“รอฉันเดี๋ยว”
สุอาภาลุกเดินออกไป พิทยาไม่มีแรงจะที่ชะโงกหน้ามองว่าสุอาภาไปไหน

รวีพรรณจอดรถที่หน้าบ้านพิทยา พอมองรถสุอาภาก็ผงะ
“รถคุณสุอาภา”
รวีพรรณนิ่วหน้า เห็นประตูรั้วไม่ได้ปิดก็เดินเข้าไปในบ้านพิทยา

สุอาภาเอากะละมังมาวางบนโต๊ะ พิทยาหันไปมอง
“ฉันจะเช็ดตัวให้นาย เผื่อจะช่วยให้ไข้ลดลงได้บ้าง”
สุอาภาค่อยๆปลดกระดุมเสื้อให้เขาแล้วก็ประคองเขาให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะถอดเสื้อพิทยาออกมา
“นายนั่งอยู่อย่างนี้ก่อนนะ”
สุอาภาเอาผ้าขึ้นมาบิดน้ำออก แล้วหันมาเช็ดหน้าให้พิทยาด้วยความนุ่มนวล เขามองเธอที่อยู่ตรงหน้าก็รู้สึกหวั่นไหว เธอองก็เช่นกันแต่ทำเป็นไม่สนใจ เช็ดตัวให้เขาต่อไป...เธอเช็ดหน้าเสร็จก็เช็ดที่แขน พอสุอาภาหันไปก็เจอหน้าพิทยาที่ใกล้ตัวเองมากๆ ทั้งสองคนมองหน้ากันนิ่งนาน
รวีพรรณยืนอยู่ตรงประตู เห็นพิทยากับสุอาภาก็แทบช็อก แววตาที่เขามองสุอาภาสื่อความหมายได้เป็นอย่างดี เสียงสินีนาฎ กับ เสียงรมณีดังขึ้น
“ท่าทางพิทเหมือนหึงยัยสุอาภากับคุณภูวดลเลยเนอะ เธอว่ามั้ย”
“งานนี้คนที่ผิดคือยัยสุอาภา ไม่ใช่พ่อดล...”

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 6/2 วันที่ 12 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager