@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 6/3 วันที่ 13 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 6/3 วันที่ 13 ม.ค. 56

“ท่าทางพิทเหมือนหึงยัยสุอาภากับคุณภูวดลเลยเนอะ เธอว่ามั้ย”
“งานนี้คนที่ผิดคือยัยสุอาภา ไม่ใช่พ่อดล...”
“ลูกไม่รู้อะไรก็ไม่ต้องพูด พ่อดลเล่าให้แม่ฟังว่า นังสุอาภาตามตื้อเค้า แล้วก็สร้างเรื่องให้ลูกกับพ่อดลเข้าใจผิดกัน มันพยายามจะแย่งทุกอย่างไปจากลูก ลูกอย่าไปหลงกลคิดว่ามันเป็นคนดีเชียว แม่ว่านังนี่มันต้องมีอาการทางประสาทอ่อนๆ เป็นโรคที่เห็นคนอื่นดีกว่าตัวเองไม่ได้”

รวีพรรณกำมือแน่น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเสียใจ ตัดสินใจหันหลังจ้ำเดินออกไปทันที
พิทยาค่อยๆยื่นหน้ามาใกล้สุอาภาเหมือนจะจูบ สุอาภาไม่ขัดขืนแต่อย่างใด ใจเต้นไม่เป็นส่ำ แต่พิทยากลับหมดสติคอพับไปตรงไหล่ของเธอ
“พิท!”
สุอาภารีบดึงพิทยาออกมาแต่เพราะตัวเขาหนักมากเลยหงายหลังนอนบนโซฟา สุอาภาเขย่าตัว
“พิท!”



รวีพรรณขับรถมาด้วยความเร็วเพราะโมโห เหยียบคนเร่งจนเข็มวัดความเร็วขึ้นไปที่ 140 และยังคงพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ภาพที่รวีพรรณเคยเห็นพิทยากับสุอาภาแว๊บเข้ามา
สุอาภากับพิทยาทำงานด้วยกันในออฟฟิศจนถึงเช้า /พิทยาได้รับรางวัล / สุอาภามาอธิบายเรื่องพิทยา
“ที่ผ่านมาฉันยอมรับว่าฉันอยากทำให้คุณกับพิทเลิกกัน แต่ตอนนี้ฉันสำนึกผิด รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำลงไปทุกอย่าง มันไม่ถูกต้อง ถ้าฉันอยากแย่งพิทมาจากคุณจริงๆ ฉันไม่บอกเรื่องนี้ให้คุณรู้หรอกนะคะ”
ภาพที่พิทยาดูเป็นห่วงสุอาภามาก
“แล้วรวีจะให้ผมอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรได้ยังไง ผู้ชายคนนี้อันตรายมาก รวีก็รู้”
“รวีรู้ค่ะ แต่รวีเชื่อว่าคุณแตต้องเอาตัวรอดได้แน่”
“รวีเอาอะไรมาเป็นหลักประกัน ยังไงคุณแตก็เป็นผู้หญิง ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะทำยังไง”

รวีพรรณเหยียบคันเร่งจมมิดแล้วก็เห็นคนข้ามถนน รวีพรรณตกใจมาก คนข้ามถนนก็ตกใจ รวีพรรณรีบหักหลบ รถตกลงไหล่ทาง เห็นเสาไฟฟ้าตรงหน้า รวีพรรณเบรคเอี๊ยด..รถห่างจากเสาไฟฟ้าเฉียดไปเส้นยาแดงผ่าแปด รวีพรรณระเบิดอารมณ์ด้วยการร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ก้มหน้าซบกับพวงมาลัยรถ

สุอาภากำลังโทรศัพท์ถึงนพ
“แตโทร.เรียกรถพยาบาลให้มารับพิทค่ะ แตจะอยู่เฝ้าพิทเอง ป๋าไม่ต้องห่วงนะคะ”
สุอาภาวางสายหันไปมองพิทยาที่นอนหมดสติและให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง สุอาภาเดินไปนั่งข้างพิทยา..ค่อยๆจับมือและมองด้วยความเป็นห่วงจริงๆ

เช้าวันถัดมา สุอาภาฟุบหลับอยู่ข้างเตียง พิทยามีสีหน้าที่ดีขึ้น ลืมตาตื่นขึ้นมามองไปรอบๆด้วยความแปลกใจว่าเค้ามาอยู่โรงพยาบาลได้ยังไง ก่อนจะเห็นสุอาภานอนจับมือเค้าอยู่ข้างๆ
พิทยามองสุอาภานิ่งนาน...กำลังจะเอื้อมมือไปปัดผมที่ปรกลงมาตรงหน้า สุอาภาก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี พิทยารีบชักมือกลับ สุอาภาเห็นพิทยาฟื้นก็ดีใจรีบลุกขึ้น
“พิท”
สุอาภานึกขึ้นได้ รีบเอามือจับไปที่หน้าผากพิทยา
“ไม่มีไข้แล้ว”
สุอาภาโล่งใจสุดๆ
“นี่คุณเฝ้าผมทั้งคืนเลยเหรอ”
สุอาภาพยักหน้า
“เห็นนายดีขึ้นฉันก็สบายใจ เดี๋ยวฉันจะออกไปบอกพยาบาลว่านายฟื้นแล้ว”
สุอาภาหันหลังจะออกไป พิทยามองสุอาภาแล้วก็ตัดสินใจ...
“คุณแต...ขอบคุณที่ช่วยดูแลผม”
สุอาภาดีใจหันมา
“ ไม่เป็นไร”
“แต่ต่อไปนี้...ถ้าไม่มีความจำเป็น เราอย่าเจอกันอีกเลยจะดีกว่า”
สุอาภาหน้าถอดสี รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจขึ้นมาทันที แต่ต้องทำเป็นว่าไม่ได้รู้สึกอะไร
“ผมไม่ได้โกรธคุณนะ แต่ตั้งแต่รู้จักคุณ มันมีแต่คำว่าทุกข์มากกว่าสุข มันไม่เคยมีอะไรดีซักอย่าง ที่ผมต้องพูดเพราะให้คุณรู้ตอนนี้ดีกว่าทิ้งไว้ แล้วผมอาจจะรู้สึกแย่กับคุณไปมากกว่าเดิม ผมยังอยากจะเก็บความทรงจำดีที่มีอยู่ไม่มากระหว่างเราเอาไว้ เพราะครั้งหนึ่ง..คุณเคยเป็นน้องสาวที่..ผ..ที่แสนดีสำหรับผม”
ประโยคสุดท้าย พิทยาตั้งใจจะพูดว่า”ผมรัก”แล้วก็เปลี่ยนใจ เลี่ยงไปใช้คำว่า “แสนดี” แทน
สุอาภาแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว แต่จำต้องกล้ำกลืนฝืนทน
“ฉันเข้าใจ ฉันเองก็รู้สึกไม่ต่างจากนาย ขอให้นายโชคดีก็แล้วกัน”
สุอาภาคว้ากระเป๋าแล้วก็รีบเดินออกไปทันที พิทยาเองก็เสียใจไม่แพ้สุอาภาที่ต้องพูดออกไปแบบนั้นแต่เป็นเพราะเค้ากลัวว่าตัวเองจะตกหลุมรักสุอาภาอีกครั้ง จึงต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

สุอาภาเดินตัวลอยมาตามทางเดินในโรงพยาบาล แล้วก็หยุด นั่งลงตรงม้านั่งข้างทางเดิน น้ำตาเจ้ากรรมดันไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้ สุอาภาก้มหน้าร้องไห้อย่างหนัก

ในเวลาต่อมา จันทร์จำนงมองสุอาภาสีหน้าตกใจ
“พิทยาอยู่โรงพยาบาล”
“ค่ะ”
“แล้วเป็นหนักมากรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ คุณนายไม่ต้องห่วง แต่ว่าตอนนี้...พิทเค้าไม่อยากเจอฉันแล้ว ฉันทำผิดกับพิทซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เค้าเสียใจตลอดเวลา โดยเฉพาะครั้งนี้”
จันทร์จำนงจับมือสุอาภาปลอบใจ
“เธอไม่ได้ทำผิด เธอทำให้ฉันได้รู้ว่าหลานชายอีกคนของฉันยังมีชีวิตอยู่ คนที่ผิดคือลูกชายของฉันเองต่างหาก”
สุอาภาเงยหน้ามองจันทร์จำนงแล้วเห็นแววตาที่เศร้าหมอง

รวีพรรณหันไปมองมือถือที่กำลังดัง มีชื่อพิทอยู่ที่หน้าจอ เธอตัดสินใจไม่รับสายเพราะยังโกรธอยู่

ที่มุมหนึ่งในออฟฟิศรวีพรรณ สินีนาฎกำลังถ่ายเอกสาร เสียงมือถือดังขึ้น เธอเห็นชื่อพิทยาก็ดีใจรีบรับสาย
“ว่าไงจ๊ะพิท... รวีประชุมตั้งแต่เช้าแล้ว มีอะไรล่ะ เดี๋ยวสิบอกให้ พิทอยู่โรงพยาบาล”
“แต่ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก พรุ่งนี้ก็คงจะออกแล้ว ถ้าไงฝากสิบอกรวีด้วยก็แล้วกัน”
“ได้สิ ไม่มีปัญหา เออนี่พิท..หมู่นี้พิทกับรวีทะเลาะกันรึเปล่า”
พิทยานิ่วหน้า
“ไม่นี่...มีอะไรเหรอ”
“ไม่มีอะไร สิแค่ถามดู ถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้ว พิทไม่ต้องคิดมากนะ พักผ่อนเยอะๆ”
พิทยาแปลกใจ สินีนาฎกดวางสายแล้วเบ้หน้าร้ายกาจทันที
“ขอโทษนะพิท...เธอฝากเรื่องไว้ผิดคนแล้วล่ะ”
สินีนาฎมีความสุขที่ได้ทำให้คนแตกคอกัน

พิทยาวางมือถือไว้บนโต๊ะข้างเตียง ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น พิทยาหันไปเห็นจันทร์จำนงเดินเข้ามา ก็ชะงักกึก พิทยารีบลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือไหว้ จันทร์จำนงรีบห้าม
“นอนเถอะ ไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอก ฉันรู้จากคุณสุอาภา ก็เลยมาเยี่ยม”
“ขอบคุณครับ”
“ขอฉันเรียกเธอว่าพิทยาจะได้มั้ย”
“ครับ”
“ถึงลูกชายฉันจะไม่ยอมรับเธอ แต่ฉัน...”
พิทยารีบพูดสวนขึ้นมา
“คุณนายครับ ผมไม่ใช่หลานของคุณนายหรอกนะครับ”
“เธอคงไม่พอใจ”
พิทยารีบพูดต่อทันที
“ไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจด้วยซ้ำที่คุณนายเห็นผมเหมือนลูกเหมือนหลาน แต่คนที่เป็นเหมือนพ่อผม คือคุณอานพ ท่านเลี้ยงดูผมมา ให้การศึกษา ทำให้ผมเป็นผู้เป็นคนจนถึงทุกวันนี้”
“ฉันเข้าใจความสัมพันธ์ของเธอกับนพดี นพเป็นผู้มีพระคุณ แต่ในทางสายเลือด คนที่เป็นพ่อของเธอ คือ ลูกชายฉัน”
“คุณนายจะหาว่าผมอกตัญญูก็ได้นะครับ แต่ผมไม่ได้ซาบซึ้งและสำนึกว่าใครเป็นผู้ให้กำเนิด เพราะว่าผมไม่ได้เกิดมาจากความรักของคนเป็นพ่อ มีแต่แม่กับคุณอาเท่านั้นที่รักผม”
จันทร์จำนงแทบสะอึกรู้สึกแย่มาก
“พิทยา”
พิทยาลุกจากเตียง จันทร์จำนงมองแปลกใจ แล้วพิทยาก็คุกเข่าลง..ตรงหน้า พร้อมกับก้มลงกราบที่เท้า จันทร์จำนงตกใจ รีบจับแขนพิทยาสองข้าง พิทยาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับมือที่ยังไหว้อยู่
“ผมกราบขอบพระคุณคุณนายที่กรุณาผมมากขนาดนี้ และผมก็ต้องขอโทษที่ทำให้คุณนายผิดหวัง”
จันทร์จำนงอึ้ง
“ลุกขึ้นก่อนเถอะ”
พิทยาลุกขึ้นยืน จันทร์จำนงถอนหายใจแล้วบอก
“จะด้วยอะไรก็ตามที่ทำให้เธอปฏิเสธฉัน แต่ฉันก็ยังเชื่อมั่นว่า เธอคือหลานชายของฉัน”
พิทยาพูดไม่ออก
“ฉันอยากให้เธอรู้ว่าเธอไม่ได้ไร้ญาติ เธอยังมีฉันที่เป็นย่าแท้ๆของเธอ และฉันก็อยากให้เธอนึกถึงฉันบ้าง อย่าหายหน้าหายตาไป อย่าทำให้ฉันต้องรู้สึกผิดอีกเป็นครั้งที่สอง ฉันขอเพียงเท่านี้ หวังว่าเธอคงจะไม่ใจดำกับฉันนะพิทยา”
จันทร์จำนงน้ำตาคลอเบ้า พิทยาได้แต่ยืนเงียบมองจันทร์จำนงด้วยความสับสน
“ฉันขอกอดหลานชายของฉันซักครั้งจะได้มั้ย”
พิทยานิ่งไม่ตอบ จันทร์จำนงเข้ามากอดพิทยา พลันน้ำตาไหลออกมา พิทยาเองก็น้ำตารื้น รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยราวกับลูกนกที่รอไออุ่นจากแม่ ไม่นานจันทร์จำนงผละออกมาพร้อมกับเช็ดน้ำตา
“ฉันไม่กวนเวลาพักผ่อนของเธอแล้ว ฉันกลับล่ะ”
พิทยายกมือไหว้ จันทร์จำนงรับไหว้แล้วก็หันหลังเดินหน้าเศร้าออกไป พิทยาถอนหายใจออกมา

ภายในผับ เวลากลางคืน ภูวดลกำลังเล่นสนุกเกอร์ แต่แทงลูกไม่ลงหลุม ภูวดลหัวเสียมาก สาวเดินมาหา
“ลงไปเต้นข้างล่างกับหนุงหนิงดีกว่า”
“อย่ายุ่งได้มั้ย รำคาญ!”
สาวเหวอ ภูวดลเดินไปนั่ง เพื่อนๆตามมานั่งข้างๆ
“แกเป็นอะไรของแกวะไอ้ดล! ใครทำให้อารมณ์เสีย บอกมาเดี๋ยวพวกเราไปจัดการให้” เพื่อนคนแรกบอก
“ผู้หญิง”
ภูวดลพูดอย่างฮึดฮัด เพื่อนมองหน้ากัน
“ผู้หญิงเนี่ยนะ จัดการง่ายนิดเดียว” เพื่อนอีกคนบอก
ภูวดลหันไปมองเพื่อนคนที่สองด้วยความสนใจ
“ยังไงวะ”
เพื่อนมองหน้ากันแล้วหันมายิ้มร้ายให้ภูวดล

ภายในห้องพักในโรงพยาบาล พิทยาแต่งตัวเสร็จแล้วเดินออกมาเจอบวรรออยู่
“ขอบคุณมากนะครับคุณใหญ่ที่มารับผม ความจริงผมกลับเองก็ได้”
“นายไม่ใช่คนเหล็กนะเว้ย เพราะฉะนั้นเลิกทำตัวเข้มแข็งได้แล้ว มนุษย์เราถ้าจะแสดงความอ่อนแอออกมาบ้าง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
พิทยายิ้มๆ แล้วสองคนก็เดินออกไปด้วยกัน

ภายในบ้าน สุอาภานั่งเหม่อมองไปที่สระว่ายน้ำ สีหน้าเศร้ามาก วรรณวดีกับณีแอบดูอยู่
“คุณแตนั่งซึมแบบนี้มาตั้งแต่เช้าแล้วนะคะคุณต่าย ป้าล่ะสงสารคุณแตจริงๆ”
วรรณวดีมองสุอาภาอย่างเห็นใจมาก
“คงเป็นเพราะเรื่องพิทนั่นแหละ”
พลันเสียงมือถือสุอาภาดังขึ้น เธอเห็นชื่อภูวดลก็เซ็ง....ไม่รับสาย แต่ภูวดลยังคงโทรมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด สุอาภาเลยตัดสินใจรับสาย
“โทรมาทำไม”
“ออกมาเจอผม”
“ฉันไม่ว่าง”
“ถ้าคุณไม่ออกมาเจอผม แล้วเกิดอะไรขึ้นกับนายพิทยาก็อย่าเสียใจแล้วกัน”
สุอาภาตกใจถามทันที
“จะให้ฉันไปเจอที่ไหน”
สุอาภาสีหน้าเครียด

ภายในคอนโดฯ ภูวดลกดวางสาย แล้วหยิบขวดแก้วเล็กๆที่มีน้ำใสๆขึ้นมามองแววตาร้ายกาจ

สุอาภารีบเดินมาตามทางสีหน้าร้อนรนมาก จนวรรณวดีกับณีแปลกใจเลยเดินตามมา
“แตจะไปไหน”
“แตมีนัดกับเพื่อนค่ะ”
สุอาภาจ้ำออกไปทันที ณีกับวรรณวดีแปลกใจ แล้วณีก็เหลือบไปเห็นมือถือของสุอาภาที่วางทิ้งเอาไว้ก็รีบเดินมาหยิบ
“ดูสิคะคุณต่าย รีบขนาดจนลืมมือถือเอาไว้”
วรรณวดีคิดนิดนึงแล้วบอก
“ขอต่ายดูหน่อยค่ะ อยากรู้ว่าใครโทรมา ถึงต้องรีบร้อนออกไป”
วรรณวดีเอามือถือสุอาภามากดเปิด แล้วก็ผงะ อึ้ง
“นายภูวดล”
ณีกับวรรณวดีมองหน้ากันอย่างเป็นห่วงสุอาภา

เมื่อกลับถึงบ้าน พิทยาหันมาทางบวร
“คุณใหญ่กลับเถอะครับ ผมอยู่ได้”
“เออเออ ฉันรู้ว่าแกเก่ง”
พลันเสียงมือถือบวรดังขึ้น บวรกดรับสาย
“ว่าไงต่าย ห๊ะ!! ใจเย็นๆก่อน มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
บวรวางสาย พิทยาหันไปถาม
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“ต่ายโทรมาบอกว่า แตรับโทรศัพท์นายภูวดลแล้วก็รีบออกไป จนลืมมือถือทิ้งเอาไว้”
พิทยาฟังแล้วก็ชักเป็นห่วง

ที่คอนโดฯ ริมน้ำ ภูวดลเปิดประตู สุอาภายืนอยู่ เขาผายมือเชื้อเชิญ
“เชิญ”
สุอาภาเดินเข้ามา ภูวดลปิดประตู สุอาภาหันมา
“มีอะไรก็รีบๆพูดมา”
“ผมหมดประโยชน์แล้วก็เลยถีบหัวผมส่งเลยสินะ อย่านึกว่าผมไม่รู้ว่า คุณเป็นคนบอกคุณย่าผมเรื่องไอ้พิทยา”
“ใช่..ฉันเป็นคนบอก เริ่มฉลาดแล้วนี่ แต่อย่ามาโทษฉันเลย เพราะคุณเล่าเรื่องพ่อของคุณกับพ่อของฉันให้ฉันได้รู้ มันก็เลยทำให้ฉันปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆได้ จนรู้ว่าจริงๆแล้ว พิทมีพ่อคนเดียวกับคุณ มันก็เท่ากับว่าพิทมีศักดิ์เป็นพี่ชายคุณด้วย”
ภูวดลโมโหโกรธแค้นมาก
“คุณทำทุกอย่างเพื่อไอ้พิทยามันจริงๆ”
สุอาภายื่นหน้าท้าทาย
“ฉันทำเพื่อพิท เพราะฉันทนเห็นพิทถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้”
“ไอ้พิทนี่มันน่าจะไปเอาผ้าถุงมานุ่ง ถึงต้องให้ผู้หญิงคอยปกป้อง”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพิท พิทไม่ได้รู้ในสิ่งที่ฉันทำ”
“นางเอกมั่กมาก แต่สงสัยนางเอกอย่างคุณ คงจะจบไม่สวยซะเท่าไหร่”
สุอาภาอึ้ง
“คุณจะทำอะไร”
ภูวดลไม่ตอบ หยิบสเปรย์ออกมาแล้วพ่นใส่หน้าสุอาภา เธอตกใจ
“ฉีดอะไรใส่หน้าฉัน!”
ภูวดลแสยะยิ้มแล้วสุอาภาก็รู้สึกหัวหนัก มึนมาก เธอรู้ทันทีว่าเธอโดนฉีดยาสลบ สุอาภาเริ่มทรงตัวไม่อยู่พยายามจะลุกขึ้น ภูวดลลุกขึ้นยืนมอง เธอฝืนไม่ไหวอีกต่อไป หมดสติ..เขารีบเข้ามาประคองรับเอาไว้ มองเธอด้วยสีหน้าร้ายกาจ

ภายในบ้าน พราวพิไลมองพิทยากับบวรด้วยความตกใจมาก
“พราวคิดไว้แล้วเชียวว่าซักวันต้องเกิดเรื่อง! นี่ขนาดพราวเตือนแตไว้ก่อนแล้วนะ”
“พราวพอจะนึกออกมั้ยว่าภูวดลจะนัดคุณแตไปที่ไหน” พิทยาถาม
พราวพิไลคิดนิดนึงด้วยสีหน้าลังเล
“พราวก็ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะเป็นที่นี่นะคะ”
พิทยากับบวรมองพราวพิไลด้วยความสงสัย

ภายในคอนโดฯ สุอาภานอนอยู่บนเตียงในสภาพหมดสติ ภูวดลยืนมองด้วยสีหน้าพอใจ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เอามือลูบแขน ลูบหน้าสุอาภาแล้วก็ยิ้มร้ายกาจ ก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำ

บนถนน รถติดยาว ภายในรถของบวร เขาเป็นคนขับ พิทยานั่งข้างๆ ทั้งสองคนสีหน้าร้อนใจมาก
“ทำไมรถมันติดแบบนี้วะ!”
พิทยาหันไปทางบวร
“ผมไปก่อนดีกว่าครับคุณใหญ่”
บวรพยักหน้า พิทยารีบลงจากรถวิ่งไปทันที บวรสีหน้ากังวลใจมาก

ภายในคอนโดฯ ภูวดลกำลังอาบน้ำอย่างใจเย็น ฮัมเพลงอย่างมีความสุขมาก
พิทยาวิ่งมาตามถนนที่รถยังติดยาว พลางหันไปมองหารถ จนเห็นมอเตอร์ไซด์รับจ้างคันหนึ่งแล่นมา
พิทยารีบโบกเรียก แล้วขึ้นรถทันที มอเตอร์ไซด์แล่นออกไป

ภูวดลใส่เสื้อคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำ กดเปิดเพลงสร้างบรรยากาศ เดินไปปิดผ้าม่านในห้อง ก่อนจะเดินมาหาสุอาภา แล้วก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อสุอาภาทีละเม็ด

พิทยาวิ่งพรวดพราดเข้ามาด้านใน พยายามสงบสติ ลอบมองรปภ.ที่นั่งตรงเคาน์เตอร์ มองไปตรงประตูทางเข้าด้านในคอนโดฯที่ปิด พิทยาแกล้งทำเป็นคุยโทรศัพท์ ไม่นานมีผู้อาศัยเดินออกมา เขาเร่งฝีเท้า ทำเนียนเดินเข้าไปตอนช่วงที่ประตูยังไม่ทันได้ปิดดี โดยที่รปภ.ไม่ทันสังเกตเห็น

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 6/3 วันที่ 13 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager