@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 6/5 วันที่ 13 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 6/5 วันที่ 13 ม.ค. 56

“อย่าทำแบบนี้ครับพี่ใหญ่ พ่อนายภูวดลเป็นคนมีอิทธิพลไม่น้อย ถ้าเกิดเค้ารู้ว่าเป็นฝีมือพี่ใหญ่ คนที่จะมีปัญหาคือคุณอานะครับ”
บวรคิดตามแล้วก็เห็นด้วยแต่ก็อดโมโหไม่ได้
“หมายความว่าเราทำอะไรมันไม่ได้เลยเหรอไง!”
พิทยาเงียบและเครียด แล้วก็นึกขึ้นได้
“นี่คุณแตอยู่ไหนครับ”
บวรกับวรรณวดีหันไปตรงที่นั่งก็ตกใจ
“เมื่อกี้ยัยแตยังนั่งอยู่ตรงนี้”
พิทยา บวร วรรณวดีมีสีหน้าเป็นห่วงสุอาภา

ภายในสวนของโรงพยาบาล สุอาภานั่งร้องไห้อยู่ที่ม้านั่งด้วยความเสียใจมาก ที่ด้านหลังพิทยาเดินออกมาเห็นเธอก็มองด้วยความเห็นใจก่อนจะเดินเข้ามาหา และนั่งลงข้างๆ เธอหันไปเห็นเขาก็ชะงักจะลุกเดินออกไปเพราะอับอายกับภาพข่าวที่ลง แต่เขาจับมือเธอเอาไว้
สุอาภาหันมามอง พิทยากุมมือเธอบีบแน่นอย่างให้กำลังใจ สายตาที่เขามองเต็มไปด้วยความห่วงใยจนเธอรู้สึกได้



พิทยายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้สุอาภา ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกัน เธอถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก เขาค่อยๆ โอบเธอดึงเข้ามากอด สุอาภาร้องไห้อย่างหยุดไม่ได้
สุอาภานั่งนิ่ง แต่ยังสะอื้นเล็กๆอยู่
“รู้สึกดีขึ้นรึยัง”
สุอาภาส่ายหน้าบอก
“ฉันเป็นลูกที่อตัญญูคอยสร้างแต่ปัญหาให้ป๋า ไม่เคยทำให้ป๋าภาคภูมิใจ แล้วดูสิว่าป๋าต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะฉัน”
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณ มันผิดที่ผู้ชายคนนั้น อย่าโทษตัวเองอีก”
สุอาภาทั้งเสียใจ ทั้งโกรธตัวเอง...แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์
“นายว่าฉันเลวมั้ยพิท”
พิทยาชะงักไปนิดนึง เธอพูดต่อ
“หลายคนว่าฉันเป็นคนเลว คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่อยากแล้วก็ไปกับผู้ชายคนไหนๆก็ได้ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากให้ฉันเข้าไปคบค้าสมาคมด้วย”
พิทยาถอนใจแล้วบอก
“ที่จริงคุณเองก็ไม่ใช่คนที่ดีนัก”
สุอาภาหันมาด้วยความฉุนและกำลังจะด่า
“แสดงว่านายก็คิดว่าฉันเลว นาย...”
“ฟังให้จบก่อน คุณไม่ใช่คนดีแต่ก็ไม่ถึงกับเลว คุณแค่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งจะทำอะไรก็ทำ ไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าคุณไม่เคยเสียหายเรื่องชู้สาว”
สุอาภาเห็นแววตาที่จริงใจของพิทยาก็รู้สึกดีขึ้น พิทยาจับมือสุอาภาอย่างให้กำลังใจ
“ผมว่าเราเข้าไปรอคุณอาข้างในดีกว่า พอคุณอาฟื้น แล้วเห็นหน้าคุณ ท่านจะได้ดีใจ”
สุอาภาพยักหน้า พิทยากระชับมือเธอแน่น เธอมองมือเขาที่จับอยู่อย่างรู้สึกดี อบอุ่น แล้วทั้งคู่ลุกเดินจูงมือไปด้วยกัน
ทั้งคู่เดินมาใกล้หน้าห้องฉุกเฉิน ก็เห็นหมอเดินออกมา พิทยากับสุอาภาก็ปล่อยมือออกจากกันแล้วรีบไปสมทบกับบวรและวรรณวดีทันที
หมอเดโชหน้าเครียดมากบอก
“คุณนพยังไม่พ้นขีดอันตราย ทางเดียวที่จะรักษาคุณนพได้ก็คือการผ่าตัด แต่ไม่ว่าผมจะพูดยังไง คุณนพก็ไม่ยอม คงต้องขอให้พวกคุณช่วยกันพูดแล้วล่ะครับ”
ทุกคนตกใจ เครียดและมองหน้ากัน

ภายในห้องพักวีไอพีในโรงพยาบาล นพนอนอยู่ที่เตียง มีสายออกซิเจนเสียบจมูก หน้าซีด สภาพแย่มากจนทำให้ทุกคนใจหาย
สุอาภากับวรรณวดีถึงกับน้ำตาซึม พิทยาสีหน้าแย่ บวรจะร้องไห้แต่พยายามกลั้นเอาไว้
สุอาภาจับแขนนพ
“ป๋า”
นพหันมามองทุกคนแล้วพยายามยิ้มออกมา
“เศร้ากันทำไม ป๋ายังไม่ตายซักหน่อย”
วรรณวดีแว๊ดขึ้นมาทันที
“ป๋ายังจะพูดเล่นอยู่ได้”
แล้วเธอร้องไห้ออกมาพลางถาม
“มันไม่ตลกแล้วนะป๋า ทำไมป๋าถึงไม่ยอมผ่าตัดค่ะ”
นพเงียบมีความหวาดกลัวปรากฎขึ้นในแววตา
“คุณอาครับ คุณอาผ่าตัดเถอะนะครับ มันเป็นทางเดียวที่จะช่วยรักษาคุณอาได้” พิทยาบอก
นพเงียบไปชั่วอึดใจแล้วบอก
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจะให้ฉันผ่าตัดได้ยังไง”
“แต่ถ้าป๋าไม่ผ่า...มันจะอันตรายมากนะครับ” บวรว่า
“จะผ่าหรือไม่ผ่า มันก็อันตรายทั้งนั้น ตอนนี้ป๋ายังมีสติ ยังมองเห็น ยังได้ยิน ยังรับรู้ แต่ถ้าป๋าผ่าตัด แล้วเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น เกิดป๋าไม่ฟื้นหรือเป็นแย่กว่านั้น ป๋าก็จะไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้รับรู้...ว่าลูกของป๋าเป็นยังไง”
นพน้ำตารื้นหันไปมองทุกคนที่ยืนอึ้ง เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมจับมือสุอาภาที่จับแขนเขาอยู่
“โดยเฉพาะ...แตของป๋า ป๋ายังไม่อยากตาย ป๋ายังตายตอนนี้ไม่ได้ ถ้าป๋าเป็นอะไร แล้วใครจะปกป้อง คุ้มครองดูแลลูกของป๋า”
สุอาภาน้ำตาร่วง นพน้ำตาคลอยกมือขึ้นมาจับหน้าสุอาภา สุอาภากับวรรณวดีร้องไห้โผกอดนพพร้อมกัน
“ป๋า!”
บวรทนเห็นภาพตรงหน้าไม่ไหวหันหลังเดินออกไปทันที พิทยาสงสัยหันไปมองตามบวร

มุมหนึ่งในโรงพยาบาล พิทยาเดินออกมาเห็นบวรแอบมายืนร้องไห้อยู่คนเดียวทั้งเสียใจทั้งโมโหที่ช่วยอะไรไม่ได้ พิทยามองบวรด้วยความเข้าใจ...เดินมาใกล้ บวรยังไม่รู้ตัว
“คุณใหญ่”
บวรหันไปเห็นพิทก็ตกใจรีบเช็ดน้ำตา
“ฉันขี้ขลาดมากใช่มั้ยที่ต้องแอบมาร้องไห้คนเดียว”
“การร้องไห้ไม่ได้หมายความว่าเราขี้ขลาดนะครับ แต่มันคือการแสดงความรู้สึกและมันก็ไม่แปลกที่คุณใหญ่จะเป็นแบบนี้”
บวรยังร้องไห้แบบแมนๆไม่ฟูมฟาย
“ฉันเสียใจที่ฉันช่วยป๋า...ช่วยแตไม่ได้ ทั้งๆที่ฉันเป็นลูกชายคนโต เป็นพี่คนโตของบ้าน แต่ฉันกลับทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง!”
พิทยาเงียบฟัง บวรหยิบมือถือออกมา
“เพื่อนฉันส่งนี่มาให้ดู”
บวรยื่นให้พิทยา เขารับมาอ่านแล้วก็ตกใจ
“ในอินเตอร์เน็ตโจมตีแตกันใหญ่ ขุดข่าวเก่าๆของแตขึ้นมาพูด หาว่าแตมั่ว ไม่รู้จักพอ นอนกับผู้ชายไม่เลือก ไม่เท่านั้น...มันยังด่ามาถึงป๋าถึงพวกเราด้วย ใช้คำพูดกันแบบไม่นึกถึงใจกันบ้าง คนพวกนี้ไม่ได้รู้จักเราซักนิดแต่กลับมาวิจารณ์กันสนุกปาก นี่ถ้าป๋าเห็นต้องทรุดลงไปอีกแน่ ตั้งแต่ฉันจำความได้ ฉันไม่เคยเห็นป๋าแย่ขนาดนี้มาก่อน”
พิทยาฟังแล้วก็รู้สึกแย่ตามไปด้วย

พิทยากับบวรกลับเข้ามาในห้องพักวีไอพี นพนอนหลับไปแล้ว แต่สุอาภากับต่ายเฝ้าอยู่
“คุณใหญ่ คุณต่าย คุณแตไปทานข้าวเถอะครับ ผมจะอยู่เฝ้าคุณอาให้เอง”
“พวกเราทานอะไรกันไม่ลงหรอกพิท”
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องทานครับ ถ้าพวกคุณทรุดกันไปอีก คุณอาจะเป็นห่วง สิ่งที่คุณอาต้องการตอนนี้คือกำลังใจนะครับ” พิทยาบอก
ทั้งสามคนมองหน้ากัน
“พิทพูดถูก เราอย่าทำให้ป๋าเป็นห่วงพวกเราเลย” บวรว่า
“งั้นก็ฝากดูป๋าด้วยนะ” วรรณวดีบอก
“ครับ”
บวรกับวรรณวดีเดินออกไปก่อน พิทยาหันไปมองสุอาภาด้วยความสงสาร แล้วเธอก็เดินตามพี่ๆออกไป

ภายในโรงอาหารของโรงพยาบาล ทุกคนนั่งกันนิ่งและจ๋อยมาก กินอะไรกันไม่ลง บวรเงยหน้ามองน้องสาวสองคนด้วยความเป็นห่วง แล้วก็หยิบแครอทในจานข้าวขึ้นมาใส่ปากทำเป็นเขี้ยว ก่อนจะสะกิดมือสุอาภากับต่าย
สุอาภากับวรรณวดีเงยหน้าเห็นบวรยิ้มแฮ่ก็ผงะ แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ บวรสบายใจแล้วก็เอาแครอทออกจากปาก
“เห็นน้องสาวของพี่ยิ้มได้ พี่ก็สบายใจ พี่ทำได้เท่านี้แหละ”
สุอาภาจับมือพี่ชายถาม
“ไหนบอกสบายใจไงคะ แล้วทำหน้าเศร้าทำไม แตกับพี่ต่ายก็อยากเห็นพี่ชายของเรายิ้มเหมือนกันนะคะ”
“ถ้างั้น เราก็ต้องมายิ้มพร้อมๆกัน ทำให้ป๋าเห็นว่าพวกเราเข้มแข็ง ป๋าจะได้เปลี่ยนใจยอมผ่าตัด”
ทั้งสามคนยิ้มให้กัน ระหว่างนั้นมีลูกค้าโรงพยาบาลเดินมาเห็นสุอาภาก็จำได้ เลยเมาท์กันระยะเผาขน
“ยังกล้าออกมาเดินอีกทำอะไรไม่มียางอายซักนิด”
ลูกค้าอีกรายบอก
“ถ้ามียางอายคงไม่ปล่อยให้มีภาพฉาวหลุดออกมาหรอก เด็กมีปัญหาก็งี้แหละ พ่อไม่รู้จักสั่งสอน”
สุอาภาฉุนทันทีที่พูดถึงนพเลยหันขวับไป
“ฉันจะไปทำอะไรกับใคร แล้วมันไปหนักตรงส่วนไหนของพวกคุณ!”
ลูกค้ทั้ง 2คนตกใจมาก ไม่นึกว่าสุอาภาจะหันมาด่า บวรกับต่ายรีบจับแขนห้ามน้องสาวไว้
“มันไม่ได้หนักตรงส่วนไหนของพวกฉัน แต่มันหนักแผ่นดินที่มีคนอย่างเธอยืนอยู่”
สามพี่น้องชะงักไปทันที สุอาภากำมือแน่น บวรกับวรรณวดีเริ่มไม่พอใจ
ลูกค้าคนที่ 2 ทำหน้ากวนถาม
“ว่าแต่มาโรงพยาบาลทำไมอ่ะ มาตรวจว่าเป็นโรคอะไรรึเปล่าใช่มั้ยเพราะว่ามั่ว-ไม่-เลือก”
ลูกค้าสองคนหันมาหัวเราะคิกคักสะใจ สุอาภาสติขาด สีหน้าเอาเรื่องเต็มที่
“พวกคุณต่างหากที่ต้องไปตรวจ ให้หมอเอาหมาในปากออก ก่อนที่มันจะหลุดไปไล่กัดคนอื่น”
ลูกค้าสองคนฉุนมาก วรรณวดีรีบปรามน้อง
“แต..ไม่เอา พอได้แล้ว..กลับ!”
วรรรวดีกับบวรรีบพาน้องสวาวจะเดินออกไป แต่ลูกค้าสองคนไม่ยอม ลูกค้าคนแรกตะโกนไล่หลัง
“ด่าแล้วหนีไปง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ โธ่เอ๊ยไม่เก่งจริงนี่หว่า อ้อ ลืมไปว่าคงจะเก่งแต่เรื่องอย่างว่าอย่างเดียว”
สุอาภา วรรณวดี บวรหยุดกึกในทันที
สุอาภาจะหันไป แต่วรรณวดีจับแขนน้องสาวเอาไว้ แล้วหันไปใส่แทนทันที
“ท่าทางคุณสองคนคงไม่เคยเรียนวิชาพุทธศาสนา ถึงได้สร้างวจีกรรมที่เป็นอกุศลกรรมได้ดีขนาดนี้ วจีกรรมสร้างง่ายค่ะ ออกแรงไม่กี่แคลอรี่ ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็สร้างบาปกรรมได้แล้ว คุณสองคนนี่สุดยอด ขอให้กรรมชั่วที่คุณทำ ส่งผลไปถึงลูกถึงหลานพวกคุณนะคะ”
ลูกค้าทั้ง 2 คนเหวอไปในทันที สุอาภากับบวรตกใจที่วรรณวดีมานิ่มๆ แต่ทำเอาแทบกระอัก ลูกค้าสองคนถึงกับพูดไม่ออก..เลยรีบเดินหนีออกไปทันที วรรณวดีถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโมโห หันไปทางน้องสาวกับพี่ชายที่มองด้วยสายตาอึ้ง วรรณดีหน้าแหยบอก
“มันสุดทนจริงๆ”
บวรหัวเราะออกมา ทำให้สุอาภากับวรรณวดีหัวเราะตามไปด้วย บรรยากาศก็เลยดีขึ้น

นพตื่นขึ้นมาเห็นพิทยานั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ มองไปรอบๆห้องไม่มีใครอยู่
“คุณอา...”
“หายไปไหนกันหมด”
“ไปทานข้าวกันครับ คุณอาครับ ผมอยากให้คุณอาคิดเรื่องการผ่าตัดอีกครั้ง” พิทยาบอก
“อย่ามาเกลี้ยกล่อมฉันซะให้ยาก ยังไงฉันก็ไม่ผ่า!”
“ทำไมคุณอาไม่คิดในทางกลับกันบ้างครับ ว่าการผ่าตัดจะช่วยทำให้คุณอามีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น”
“พิท...เธอไม่มีวันเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ ตอนนี้ยัยแตเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่กำลังบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่มีใครช่วยลูกแมวตัวนี้เอาไว้ อีกไม่ช้าไม่นาน มันก็คงไม่รอด ฉันไม่อยากเสี่ยงแม้แต่วินาทีเดียวที่จะละสายตาไปจากลูกแมวตัวนี้ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นห่วงแตมากที่สุด”
นพพูดแล้วก็น้ำตาคลอเบ้า พิทยาเห็นนพแล้วก็เศร้า นพก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอก...นพเอามือกุมอก หายใจไม่ออก พิทยาเห็นแล้วก็ตกใจ
“คุณอาเป็นอะไรครับ”
“ฉัน...เจ็บ”
พิทยาหน้าตาตื่น รีบกดเรียกพยาบาล
“รีบเข้ามาหน่อยครับ คนไข้อาการแย่แล้ว”
นพคว้ามือพิทยาเอาไว้ และพูดสะดุดด้วยความยากลำบาก
“พิท...ฉันอยากให้เธอรับปากฉัน ถ้าเกิดฉันเป็นอะไรขึ้นมา ช่วยดูแลยัยแตให้ฉันที อย่า -ทิ้ง – เค้า – ไม่ว่า – จะมี - อะไร - เกิดขึ้น”
พิทยาเหมือนจะร้องไห้
“คุณอาอย่าพูดแบบนี้สิครับ คุณอายังต้องอยู่กับผมไปอีกนาน”
นพกระชับมือพิทยาแน่น
“รับปากฉัน...สัญญากับฉัน...เธอจะดูแลแตแทนฉันได้มั้ย”
ไม่นานพยาบาลก็รีบเข้ามาพอเห็นนพก็ตกใจมาก รีบเอาออกซิเจนจะมาครอบปาก แต่นพกลับปัดมือพยาบาลออก พิทยากับพยาบาลตกใจ
“เธอยังไม่ได้รับปากฉัน...พิท”
“ตกลงครับ ผมจะดูแลคุณแต ผมจะดูแลคุณแตให้คุณอา”
นพสบายใจแล้วก็หมดสติไปทันที พิทยาตกใจมาก หมอเดโชเข้ามาเห็นพอดีก็รีบเข้ามาตรวจ เห็นว่ายังหายใจก็รีบหันไปสั่งพยาบาล
“พาเข้าห้องผ่าตัดด่วน !”
พิทยาใจเต้นระทึกเป็นห่วงนพสุดๆ

สามพี่น้องรีบวิ่งมาหาพิทยาที่หน้าห้องผ่าตัด ทุกคนสีหน้าแย่
“เกิดอะไรขึ้นกับป๋า!” บวรถาม
“ คุณอาอาการไม่ดีเลยครับ หมอก็เลยต้องรีบผ่าตัดด่วน”
วรรณวดีจะเป็นลม บวรรีบเข้ามาประคอง
“ต่าย!”
สุอาภายิ่งรู้สึกแย่มาก...เครียดจนทนยืนตรงนี้ต่อไปอีกไม่ไหว เธอรีบวิ่งออกไปทันที พิทยาหันไปเห็นก็ตกใจ
“คุณแต!”
พิทยารีบตามสุอาภาออกไป

สุอาภามายืนที่ริมหน้าต่างบานใหญ่เพราะเครียดจนหายใจไม่ออก เธอรีบสูดอากาศแต่กลับหน้ามืดทำท่าโงนเงนตัวออกไปนอกหน้าต่าง เขายื่นมือมาคว้าตัวเธอเอาไว้แล้วดึงเข้ามากอด
“คุณแต!”
สุอาภาผละออกมาเห็นพิทยาก็ร้องไห้สะอื้นออกมาอย่างหนัก
“ถ้าป๋าเป็นอะไร ฉันจะทำยังไง ฉันจะทำยังไงพิท ถ้าป๋าไม่อยู่ ฉันก็อยู่ไม่ได้”
พิทยาเองก็จะร้องไห้ตามไปด้วย
“คุณอาจะต้องไม่เป็นอะไร คุณอาจะต้องหาย เชื่อผมนะครับคุณแต”
สุอาภาพูดอะไรไม่ออก พิทยาดึงสุอาภามากอด สองคนยืนกอดกันอยู่อย่างนั้น

สุอาภากับพิทยาเดินมาด้วยกันแล้วก็ชะงักที่เห็นกลุ่มนักข่าวยืนอยู่ แต่เขากับเธอไม่ได้สนใจและสงสัย นักข่าวคนหนึ่งหันมาเห็นสุอาภาเข้าพอดี
“คุณสุอาภา มาโน่นแล้ว”
นักข่าวทุกคนหันขวับกรูกันเข้ามา สุอาภากับพิทยาตกใจมาก ทั้งสองคนจับมือกันวิ่งหนีไปอีกทาง นักข่าวรีบไล่ตามไปทันที บรรยากาศในโรงพยาบาลดูโกลาหลมาก
พิทยากับสุอาภาวิ่งลงบันไดมาถึงชั้นล่าง แต่แล้วเขากับเธอก็ต้องเบรกเอี๊ยด เพราะเจอนักข่าวอีกสองสามคน หันไปด้านหลังก็มีนักข่าว ทั้งคู่หนีไปไหนไม่ได้ นักข่าวเข้ามาล้อมไว้
พิทยาโอบสุอาภาเข้ามาแล้วเอาแจ็กเก็ตคลุมหัวสุอาภาเพื่อบังหน้าไม่ให้นักข่าวถ่ายรูป แล้วก็ฝ่าวงล้อมนักข่าวออกไปได้สำเร็จ

นักข่าววิ่งตาม แต่ทั้งสองคนหายไป กลุ่มนักข่าวหยุดมองหา และแปลกใจ
“หายไปไหนแล้ว”
“แยกกันตามหาเถอะ” นักข่าวอีกคนบอก
นักข่าวแยกย้ายกันเดินออกไป
มุมหนึ่งที่ลับตาคน พิทยายืนกอดสุอาภาเอาไว้ เขาค่อยๆหันไปมอง..พอไม่เห็นนักข่าวก็โล่งอก แล้วก็หันมา..จมูกชนกับจมูกสุอาภา ทั้งคู่ชะงักแล้วก็รีบผละออกจากกัน
“พวกเค้ารู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“สมัยนี้ข่าวไวมาก เราไม่มีทางรอดพ้นสายตาพวกนั้นไปได้ ผมว่า...เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”
สุอาภาสวนกลับทันที
“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะอยู่จนกว่าป๋าจะผ่าตัดเสร็จ”
พิทยาถอนหายใจ มองหน้าสุอาภาแล้วครุ่นคิด

บวรกับวรรณวดีกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้องผ่าตัด ไม่นานพยาบาลเดินออกมา ทั้งคู่รีบเข้าไปหา
“คุณหมอให้ออกมาแจ้งว่า อาการของคุณนพยังไม่คงที่ อาจต้องใช้เวลาในการผ่าตัดนานกว่าปกติค่ะ”
“แล้วป๋าจะเป็นอะไรมากมั้ยคะ”
“ตอนนี้ดิฉันยังตอบไม่ได้ ขอโทษนะคะ”
พยาบาลพูดจบก็เดินเข้าไป วรรณวดีรู้สึกแย่ บวรเข้าโอบน้องสาวไว้

พิทยาโผล่หน้าออกมาจากมุมหนึ่ง เขามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีนักข่าวจึงหันมาบอกสุอาภา
“ถ้าเราขึ้นบันไดหนีไฟที่อยู่ตรงนั้น จะถึงหน้าห้องผ่าตัดพอดี”
สุอาภาพยักหน้า เขาจับมือเธอแล้วรีบพาเดินออกมา

ที่หน้าห้องผ่าตัด บวรกับต่ายหันไปเห็นนักข่าวกลุ่มหนึ่งก็เอะใจ
“คนพวกนั้นเหมือนนักข่าวเลยนะคะ”
“นั่นสิ...หรือว่า...”
“รีบโทรเตือนแตเถอะค่ะ”
แต่ยังไม่ทันที่บวรจะโทร พิทยากับสุอาภาเปิดประตูตรงทางบันไดหนีไฟออกมา ก็เจอนักข่าวรออยู่ก่อนแล้ว สองคนตกใจมาก หมดทางหนี นักข่าวรีบกรูกันเข้ามา พิทยากับสุอาภาถอยไปชนกำแพง
บวรกับวรรณวดีเห็นเข้าก็อึ้ง รีบเดินมาหา แต่เข้ามาไม่ได้เพราะนักข่าวยืนขวาง
“ทำไงดีพี่ใหญ่” วรรณวดีถาม
บวรคิดๆแล้วก็นึกอะไรออก
“เดี๋ยวพี่มานะต่าย”
บวรรีบเดินออกไปทันที ต่ายแปลกใจว่าบวรไปไหน
นักข่าวแย่งกันถามสุอาภาไม่หยุด พร้อมกับกดชัตเตอร์ จนแฟลชสว่างวาบไปทั่ว
“ตกลงคนในภาพคือคุณสุอาภาใช่มั๊ยคะ, ใครเป็นคนปล่อยภาพนี้ออกมาคะ, เพราะภาพข่าวนี้ใช่มั้ยครับถึงทำให้คุณนพต้องเข้าโรงพยาบาล”

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 6/5 วันที่ 13 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager