@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 7/2 วันที่ 14 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 7/2 วันที่ 14 ม.ค. 56

“ป๋าคะ..ป๋าอย่าเพิ่งโมโหสิคะ เดี๋ยวก็เป็นขึ้นมาอีกหรอก”
“ถ้างั้นก็บอกป๋ามาสิว่ามันมีอะไร มันแย่มากนักเหรอไงถึงบอกให้ป๋ารู้ไม่ได้”
นพเริ่มหอบ..สุอาภา วรรณวดี พิทยามองหน้ากัน แล้วพิทยาก็ทนไม่ไหว
“ทุกอย่างมันจบแล้วครับคุณอา”
นพนิ่วหน้าหันไปมองพิทยา
“พิท!” สุอาภาปราม
สุอาภาจ้องพิทยา เขาดูลังเลนิดนึง

นพพยายามเปล่งเสียง
“หมายความว่ายังไง พูดมาพิทยา ฉันบอกให้พูด”
“ผมจะแต่งงานกับคุณแตครับ”
นพอึ้ง...สุอาภาไม่พอใจมาก วรรณวดีเริ่มเครียด
“ฉันบอกนายไปแล้วไงว่าเราจะไม่แต่งงานกัน! นายไม่ต้องมาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษโดยการรับผิดชอบในสิ่งที่นายไม่ได้ทำ”
นพมองพิทยากับสุอาภาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ แล้วก็รู้สึกเจ็บหน้าอกขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนหันไปเห็นก็ตกใจ สุอาภาร้องเรียก
“ป๋า”
สุอาภาหันไปมองพิทยาอย่างไม่พอใจอย่างแรง



สุอาภาหันมาใส่พิทยาด้วยความหัวเสีย
“นายบอกป๋าทำไม!”
“คุณก็เห็นว่าทันทีที่คุณอาฟื้น คนที่คุณอาเป็นห่วงมากที่สุดก็คือคุณ ท่านไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเพิ่งผ่าตัดออกมา แล้วถ้าผมไม่บอกคุณอาเรื่องนี้ คุณอาอาจจะทรุดหนักลงไปอีกก็ได้ ผมรู้ว่าคุณไม่อยากแต่งงานกับผม แต่เราต้องทำทำเพื่อคุณอา คุณอาจะได้สบายใจหมดความกังวลว่าจะไม่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับคุณอีก”
สุอาภาหันหน้าไปทางอื่นแล้วก็ยืนเงียบ
“ผมรู้ว่าคุณเกลียดผม”
สุอาภาหันมามองพิทยาเขาพูดต่อ
“ผมเองก็ไม่ต่างจากคุณ แต่ถ้าเราสามารถทำให้คนที่เรารักด้วยกันทั้งคู่มีความสุข เราจะทำเพื่อเค้าไม่ได้เชียวเหรอ ผู้ชายที่อยู่ในห้องตอนนี้เค้าเป็นพ่อของคุณแค่ชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น มันคงไม่หนักหนา ถ้าเราจะทำเพื่อเค้า”
สุอาภามองหน้าพิทยาพูดอะไรไม่ออก หมอเดโชเดินออกมาพอดี สุอาภากับพิทยารีบเดินเข้าไปหาหมอ
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ที่คุณนพเจ็บหน้าอกเป็นเพราะแผลจากการผ่าตัด”
สุอาภาโล่งใจ
“ขอบคุณมากนะคะ”
หมอเดโชเดินออกไป ทั้งคู่หันมามองหน้ากัน พิทยามองสุอาภาแอบลุ้นว่าเธอจะตัดสินใจยังไง

สุอาภากับพิทยากลับเข้ามาในห้องพักวีไอพี เห็นวรรณวดีกำลังห่มผ้าให้นพ
“พิท แต” นพหันมาเรียก
สุอาภาชิงพูดออกมาก่อน
“ที่พิทบอกป๋าไปเป็นความจริงค่ะ เราสองคนจะแต่งงานกัน”
พิทยาหันไปมองสุอาภาอย่างโล่งใจที่เธอยอมแต่งงานกับเขา เธอจับมือพิทยา สองคนมองหน้ากัน
“แต ต่ายออกไปก่อน...ป๋าขอคุยกับพิทสองคน”
สองพี่น้องนิ่วหน้ามองนพด้วยความสงสัย
นพอยู่กับพิทยาสองคน
“ถ้าการที่เธอแต่งงานกับยัยแต เป็นเพราะสิ่งที่ฉันขอเธอเอาไว้ก่อนผ่าตัด ฉันไม่อยากให้เธอเก็บมาคิด ที่ฉันพูดไปตอนนั้นเพราะฉันนึกว่าตัวเองจะต้องตาย อย่าคิดตอบแทนบุญคุณของฉันด้วยวิธีนี้ ฉันไม่อยากเห็นเธอจมอยู่กับความทุกข์”
“ผมสามารถอยู่กับความทุกข์ของผมได้ แต่ถ้าผมเห็นคุณอาต้องเป็นทุกข์ ผมทนไม่ได้ครับ คุณอามีพระคุณกับผมมาก ถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมทำ มันยังถือว่าน้อยนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณอาทำเพื่อผมมาตลอด”
นพจะพูด แต่พิทยาชิงพูดขึ้นมาก่อน
“คุณแตเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของคุณอา ถ้าแก้วตาดวงนี้เกิดรอยร้าว คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือคุณอา ขอให้ผมได้เป็นคนดูแลและปกป้องแก้วตาดวงนี้ให้คุณอาเถอะนะครับ ผมสัญญาว่าผมจะทำให้ดีที่สุด ทำให้เทียบเท่ากับที่คุณอาทำ ผมจะไม่ทำให้คุณแตเสียใจ”
พิทยาจับมือนพ...แววตามุ่งมั่นจริงใจ นพได้แต่มองพิทยาด้วยความตื้นตันจนน้ำตาคลอเบ้าพูดไม่ออก

สุอาภานั่งซึมอยู่หน้าห้อง วรรณวดีมองน้องสาวด้วยความเห็นใจ บวรรีบเดินเข้าไปหา
“มาทำอะไรกันอยู่ที่หน้าห้อง” บวรถาม
“ป๋ารู้เรื่องพิทกับแตแล้ว” วรรณวดีบอก บวรตกใจ
“ตอนนี้ป๋าคุยกับพิทอยู่” วรรณวดีพูดต่อ
บวรถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ระหว่างนั้นพิทยาเดินออกมา สามพี่น้องรีบเข้าไปหา
“ทุกคนเข้าไปหาคุณอาเถอะครับ”
บวรกับวรรณวดีไม่กล้าถามต่อและเดินเข้าไปในห้อง ที่นอกห้องเหลือพิทยากับสุอาภาเพียงสองคน
“หลังจากคุณอาออกจากโรงพยาบาล เราจะแต่งงานกัน”
สุอาภาเงียบไป พูดไม่ออก พิทยาเดินกลับออกไป

สุอาภานั่งจับมือนพซึ่งนอนอยู่บนเตียง มีบวรกับต่ายยืนอยู่ด้วย
“ป๋าสบายใจที่ได้รู้ว่าพิทจะเป็นคนดูแลแต”
สุอาภาจำต้องฝืนยิ้มออกมา.. .บวรกับวรรณวดีมองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจออกมา

ที่บ้านสวน จันทร์จำนงมองหน้าพิทยา แล้วยิ้มออกมาด้วยความยินดี
“ฉันยินดีแล้วก็เต็มใจที่เธอจะให้ฉันเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเธอในวันแต่งงาน นั่นแสดงว่าเธอยังระลึกถึงฉันอยู่”
“คุณนายเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือ แล้วผมก็อยากให้เกียรติคุณแต อยากทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณี ขอบคุณคุณนายมากนะครับที่เมตตาผม”
“เลิกเรียกฉันว่าคุณนายซักที เรียกฉันว่าย่าเถอะ”
“ให้ผมเรียกอย่างเดิมเถอะนะครับ”
“เอาล่ะๆ เธอจะเรียกฉันว่ายังไงก็ตามแต่จะสะดวกเธอก็แล้วกัน ฉันไม่บังคับ เดี๋ยวเธอจะไม่มาหาฉันอีกเลย”
พิทยายิ้มน้อยๆ จันทร์จำนงมองพิทยาด้วยความปลื้มใจและรู้สึกดี

หลายวันถัดมา บวรเปิดแชมเปญเสียงดัง สุอาภา วรรณวดี ณีเฮดังลั่น นพยิ้ม บวรเทแชมเปญลงไปในแก้วสามใบ นพกำลังจะหยิบ แต่เจอวรรรวดียกแก้วออกไป นพชะงัก
“ป๋าห้ามดื่มค่ะ”
“ขอป๋าดื่มซักอึกไม่ได้เหรอ มีเรื่องน่าดีใจตั้งสองเรื่อง เรื่องแรก ป๋าได้กลับบ้าน เรื่องที่สองลูกสาวสุดที่รักของป๋าจะแต่งงาน ยังไงมันก็ต้องดื่ม”
สุอาภาได้ฟังแล้วก็ยิ้มเจื่อน
“แต่ป๋าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะคะ ร่างกายยังไม่แข็งแรง”
“จริงด้วยค่ะ ช่วงนี้ป๋าห้ามแตะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด” สุอาภาบอก
“ต่ายพูดถูกแล้วครับป๋า ป้าณีเฝ้าป๋าอย่างใกล้ชิดด้วยนะครับ” บวรสำทับ
“ตกลงค่ะคุณใหญ่ ป้าจะแลดูดูแลไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ”
“ทีงี้ล่ะสามัคคีกันขึ้นมาเชียวนะ”
เหล่าพี่น้องหัวเราะชอบใจ แล้ววรรณวดีก็หันไปทางป้าณี
“ป้าณีคะ ขอเครื่องดื่มของป๋าด้วยค่ะ”
“จัดไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ป้าณีหันไปยกแก้วชาร้อนเข้ามาวางตรงหน้านพ บวรยกแก้วขึ้นมา
“ขอดื่มให้กับป๋าของพวกเราที่กลับมามีสุขแพบ”
“สุขภาพ!” วรรรวดีกับสุอาภาพูดขึ้นพร้อมกัน
“พูดไม่ผิด แล้วมันจะตลกเหรอ”
ทุกคนหัวเราะ
“ขอให้ป๋ากลับมามีสุขภาพแข็งแรงประดุจหินผาบนยอดเขาสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านท้าพายุฝน และอยู่กับพวกเราไปนานๆนะคร๊าบ เอ้า ชัยชัยชัย”
วรรณวดี, สุอาภา, ณี ร้องต่อ
“โยโยโย”
บวรร้อง “วู้...”
นพยิ้มไม่หุบ ลูกๆเอาแก้วมาชนกันแล้วก็ดื่ม ความสุขคืนกลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่พอพ้นสายตาของทุกคน สุอาภากลับหันไปทำหน้าไม่สบายใจ

ภายในร้านกาแฟ เวลาเย็น พราวพิไลเอาเครื่องดื่มมาให้สุอาภาที่นั่งอยู่
“แกไปเข้าคอร์สเจ้าสาวหรือยังแต”
“ยัง”
“ยังอีกเหรอ อีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานแล้ว เดี๋ยวสวยไม่ทันหรอก”
“ไม่สวยก็ไม่สวย ไม่ได้อยากแต่งซักนิด”
พราวพิไลจับแขนเพื่อนมองอย่างเห็นใจ
“แต...ฉันเข้าใจแกนะ แต่ไหนๆเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว แกต้องยอมรับและมีความสุขไปกับมัน”
“เค้าไม่ได้แต่งงานกับฉันเพราะความรัก ที่เค้าแต่งเพราะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ แกจะให้ฉันมีความสุขได้ยังไง ฉันว่าฉันคงเป็นเจ้าสาวที่โชคร้ายมากที่สุดในโลก”
พราวพิไลมองสุอาภาด้วยความเห็นใจ ยื่นมือมาจับแขนสุอาภาให้กำลังใจ

เช้าวันถัดมา พิทยาเดินนำสุอาภาเข้ามาในบ้าน แล้วหันไปบอก
“บ้านรกหน่อยนะ ผมกำลังทำความสะอาดก่อนที่คุณจะมาอยู่”
สุอาภาไม่สนใจบอก
“ฉันมีเรื่องที่จะทำความตกลงกับนายก่อนที่เราจะแต่งงานกัน การแต่งงานของเราเป็นการแต่งงานกันแต่ในนาม เพราะฉะนั้นเราสองคนยังมีอิสระ มีสิทธิ์ที่จะไปไหน กับใคร เมื่อไหร่ก็ได้”
พิทยายังคงนิ่งฟังต่อไป
“นายเข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ย”
“เข้าใจ”
“เข้าใจก็ดี”
“แต่...การที่คุณจะไปไหน กับใคร เมื่อไหร่ คุณต้องบอกผมทุกครั้ง”
“ขนาดป๋าฉันยังไม่ต้องรายงาน แล้วนายเป็นใคร! ทำไมฉันต้องบอกด้วย”
“เพราะว่าผมเป็นสามีของคุณ และผมก็จะไม่ยอมให้คุณไปไหนมาไหน หรือไปทำอะไรกับผู้ชายคนอื่น”
สุอาภามองหน้าพิทยาอึ้ง เข้าใจว่าเขาหวง พิทยาขยับมาตรงหน้า ยืนในระยะใกล้มาก
“ผมจะไม่มีวันให้คุณทำลายชื่อเสียงของคุณอาและครอบครัวของคุณอีก”
สุอาภาอึ้ง...เสียใจที่พิทยาพูดมาทั้งหมดเพราะเป็นห่วงนพ ไม่ใช่หวงเธอ
“นายไม่ต้องห่วง ป๋า พี่ใหญ่ พี่ต่ายเป็นครอบครัวของฉัน ฉันไม่มีวันทำร้ายพวกเค้าเจอกันวันแต่งงาน”
สุอาภาหันหลังจ้ำเดินออกไปด้วยสีหน้าเจ็บปวด พิทยามองตามสุอาภาแล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความกลุ้ม

สองสามวันถัดมา ภายในห้องแต่งตัวของโรงแรมเวลาเช้า สุอาภาในชุดเจ้าสาวแบบไทย ยืนหน้าเศร้ามองตัวเองอยู่หน้ากระจก พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น สุอาภาหันไปเห็นนพเดินยิ้มเข้ามา นพเห็นสีหน้าลูกสาวก็ชะงัก
“วันนี้เป็นวันมงคล ทำไมถึงทำหน้าเศร้าแบบนั้น”
สุอาภาเข้ามากอดนพ
“ก็แตจะไม่ได้อยู่กับป๋า พี่ใหญ่ พี่ต่ายอีกแล้วนี่คะ”
นพดึงสุอาภาออกมาแล้วบอก
“คิดถึงก็มาหา ไม่เห็นจะยากตรงไหน”
“ยากสิคะ ทำไมจะไม่ยาก เกิดแตอยากเจอป๋าขึ้นมากะทันหัน กว่าแตจะขับรถมาหาป๋า มันต้องใช้เวลาตั้งหลายนาที”
“ลูกโทรมาหาป๋าก่อนก็ได้ ได้ยินเสียงให้คลายความคิดถึงไปก่อนไง”
“ป๋าอ่ะ ป๋าพูดเหมือนอยากให้แตไปอยู่ที่อื่น แตไม่อยากอยู่กับพิทสองคนเลยนะคะ”
“เมื่อก่อนเรากับพิทยังอยู่บ้านเดียวกันได้เลย”
สุอาภาชะงักบอก
“นั่นมันเมื่อก่อน”
“แรกๆก็คงจะปรับตัวลำบากหน่อย แต่พอนานวันเข้า เดี๋ยวมันก็ชินไปเอง ป๋าไม่อยากให้แตตั้งป้อมกับพิท ป๋าอยากให้แตเปิดใจ มองพิทเหมือนอย่างที่แตเคยมอง พิทเป็นคนดีและป๋าก็มั่นใจว่าเค้าจะไม่มีวันทำให้แตเสียใจ วันนี้แตอาจจะยังไม่เชื่อป๋า แต่ซักวันแตจะรู้ว่าป๋าพูดไม่ผิด”
นพจับหัวให้กำลังใจ สุอาภาได้แต่ถอนหายใจออกมา นพจับคางสุอาภา
“ยิ้มให้ป๋าชื่นใจหน่อยสิ”
สุอาภาพยายามยิ้มออกมา นพจับแขนสุอาภาสองข้าง
“ต้องแบบนี้สิ ถึงสมกับเป็นลูกสาวป๋า”
นพหันมายืนข้างๆแล้วยกแขนขึ้นมา
“ขอให้ป๋าได้ดูแลลูกสาวของป๋าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะป๋าจะยกหน้าที่นี้ให้กับพิท”
สุอาภามองนพซึ้งใจแล้วก็ควงแขนนพ นพกับสุอาภายิ้มให้กัน แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินออกไป

ภายในห้องจัดเลี้ยง จันทร์จำนงเอามงคลสวมหัวให้พิทยากับสุอาภาที่ตั่งรดน้ำ ด้านหลังบวร ต่าย พราวพิไล ยืนเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว มองภาพตรงหน้าไปก็ยิ้มไป
จันทร์จำนงใส่มงคลเสร็จก็หันไปรับน้ำสังข์จากพราวพิไลที่นั่งอยู่ด้านข้าง มารดให้ทั้งสองคน
“ย่าขอให้หลานทั้งสองรักกัน อยู่กันด้วยความเข้าใจนะจ๊ะ”
พิทยากับสุอาภาไหว้จันทร์จำนง จันทร์จำนงหันไปคืนน้ำสังข์ให้ณีแล้วก็เดินออกไป นพเดินเข้ามา ณีส่งน้ำสังข์ให้ นพเดินเข้ามาหา
“วันนี้เป็นวันที่ป๋าดีใจมากที่สุด ป๋าขอให้ลูกมีความสุข หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน และพยายามประคับประคองชีวิตคู่ให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น”
สุอาภามองนพน้ำตาคลอเบ้า ทั้งคู่ไหว้นพ นพเข้ามาลูบหัวเธอแล้วก็เดินออกไป แขกเหรื่อเริ่มทยอยกันเข้ามารดน้ำสังข์ให้ทั้งสองคน
พิทยากับสุอาภากำลังเซ็นต์ใบทะเบียนสมรส โดยมีทุกคนร่วมเป็นสักขีพยาน

หน้าห้องจัดเลี้ยง สุอาภากับพิทยาในชุดงานกลางคืนกำลังยืนถ่ายรูปกับแขก บวรกับปวีณาคอยต้อนรับแขกที่ทยอยกันมาเรื่อยๆ ปวีณาลอบมองทั้งคู่ด้วยความอิจฉา ปวีณาหันไปเห็นบวรมองมาพอดีก็รีบเดินไปรับแขกด้านอื่น บวรได้แต่ส่ายหัวปลงๆ
วรรณวดี ณี และกรองทิพย์อยู่ที่โต๊ะเซ็นต์ชื่อคอยส่งของชำร่วย
พราวพิไลกับแก๊งค์เพื่อนเข้ามาแสดงความยินดีกับสุอาภา กอดกันแล้วก็ถ่ายรูปด้วยกัน สุอาภากับพิทยาโดนดันจนทำให้ยืนชิดกันมาก สองคนหันมามองหน้ากัน พิทยาตัดสินใจเอามือโอบเอวสุอาภา สุอาภารู้สึกเขินๆแปลกๆ
ในห้องจัดงาน ประธานกำลังคล้องพวงมาลัยให้คู่บ่าวสาว แล้วก็พูดบนเวที ยกแก้วให้แขกในงานร่วมไชโย นพ จันทร์จำนง บวร วรรณวดี ณี พราวพิไล และเพื่อนๆสุอาภา ยกแก้วร้องไชโย ทุกคนดูมีความสุข

พิทยากับสุอาภาเดินควงกันมาเพื่อตัดเค้ก พิทยากับสุอาภาหันมามองหน้ากัน ทำหน้ากันไม่ถูก แล้วทั้งคู่ก็เดินกันต่อไป นพ จันทร์จำนง บวร ต่าย ป้านี พราวพิไล มองด้วยความชื่นชม
พิทยากับสุอาภาเดินมาถึงหน้าเค้กแต่งงาน พิทยาจับมือสุอาภา สองมองหน้ากันอีกครั้ง แล้วก็หันไปตัดเค้ก นักข่าวเข้ามารุมถ่ายรูป ทั้งสองคนตัดเค้กกันเสร็จ ทุกคนปรบมือ แล้วพราวพิไลก็ตะโกนขึ้นมากลางฝูงชน
“หอมแก้ม”

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 7/2 วันที่ 14 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager