@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 5 วันที่ 19 เม.ย. 57

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 5 วันที่ 19 เม.ย. 57

เป็นเรื่องทันที ญาดาถามว่าคุณพ่อรักน้ำผึ้งตัวป่วนคนนั้นหรือ ธัญรดาตอบแทนทันทีว่าใช่แล้ว พีศทรรตทนไม่ได้ถามธัญรดาว่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าลูกทำไม ธัญรดาโต้ว่ายังไงลูกก็ต้องรู้ พีศทรรตเสียงดังว่า แต่ไม่ใช่วันนี้และไม่ใช่วิธีนี้ ตนมีวิธีของตัวเอง ญาดาตกใจแผดเสียงกรี๊ดปัดข้าวของตกแตกอาละวาดรุนแรง

คุณหญิงกานดาได้ยินรีบเข้ามาถามพีศทรรตว่ามีเรื่องอะไรเมื่อกี๊ยังเห็นดีๆกันอยู่ ใครขัดใจญาดาอีก คุณหญิงออกมาที่มุมหนึ่งในบ้านที่ธัญรดากับพีศทรรตนั่งหน้าเครียดกันอยู่ คุณหญิงตำหนิทันทีว่า

“แม่เพิ่งเข้าไปดูหลาน หลับไปแล้ว นี่ไม่ไหวนะแม่สงสารหลาน ร่างกายก็ไม่ค่อยจะแข็งแรง สามวันดีสี่วันป่วยยังจะให้ป่วยทางจิตด้วยรึไง!”


ทั้งพีศทรรตและธัญรดาต่างเงียบ

“ในเมื่อไม่ฟังแม่ อยากจะจัดการชีวิตของตัวเองยังไงก็เชิญทำไป แต่อย่าทำให้คนข้างหลังต้องเดือดร้อนนะตาพีศ” ทั้งสองโต้เถียงกันขึ้นมาอีกเรื่องที่ธัญรดาพูดเรื่องน้ำผึ้งต่อหน้าญาดา พีศทรรตตำหนิธัญรดาว่าใจดำมากที่พูดเรื่องนี้ต่อหน้าลูก เธอสวนทันทีว่าตัวเองสำส่อนแล้วอย่าโยนความผิดให้ตน ต่างโต้กันอย่างรุนแรงจนคุณหญิงตวาดอย่างโกรธจัด...

“หยุดทั้งสองคนเลย ฉันปวดหัวกับเรื่องนี้เต็มที”

“ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ขอให้ทุกคนอยู่เฉยๆ”

“ฉันไม่เฉยแน่ ฉันเป็นแม่แก เป็นย่าของหลาน อย่างน้อยถ้าแกไม่กลับไปคืนดีกับรดาเพื่อเห็นแก่ความสุขของลูก แกก็ควรจะเห็นหัวฉันบ้าง ฟังฉันนะตาพีศ ต่อไปนี้ อย่าพาแฟนดารามารยาททรามของแกมาเหยียบบ้านนี้อีกเด็ดขาด ถ้าแกไม่เชื่อ แกจะได้ชื่อว่าเป็นลูกเนรคุณที่เอาเสนียดเข้ามาในบ้าน จนทำให้ฉันอยู่ที่นี่อีกต่อไปไม่ได้!”

พีศทรรตอึ้ง คุณหญิงลุกเดินออกไปอย่างไม่พอใจ ธัญรดายิ้มอย่างเป็นต่อ เย้ยเขาว่า

“บอกแฟนคุณด้วยว่า...อยากจะตกถังข้าวสาร มันไม่ง่ายหรอกนะ” แล้วเดินออกไปอีกคน

พีศทรรตตัดสินใจไปหาน้ำผึ้งที่คอนโด นั่งดูทีวีและหลับไปที่โซฟา หลับสนิทอย่างสบาย จนน้ำผึ้งแปลกใจ

ooooooo

ลินีเดินออกจากโต๊ะประวัติศาสตร์ตัวนั้นออกมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยแล้วจึงนึกได้ว่าทำไมไม่ไปเอารถ พอโทร.ไปที่อู่ เฮียโต๋บอกว่าแฟนเธอมาเอาไปแล้ว

“นายวายุบุตร!” ลินีพึมพำ ขอบคุณเฮียโต๋ วางสายแล้วปรี๊ดแตกลุยไปหาเขาที่ผับทันที รปภ.ไปรายงาน พอวายุออกมาถึงก็พูดยั่วว่า ยังไงเธอก็ต้องคิดถึงตนแล้วมอบกล้วยไม้ช่องามให้ ลินีไม่รับ เขาแหย่ว่าไม่ได้ให้เธอแต่ให้เธอมอบให้ตน

ลินีหงุดหงิดทวงกุญแจรถและเอาเงินค่าซ่อมรถให้ วายุไม่รับ เธอยิ่งหงุดหงิด จนเขาตัดพ้อว่า

“ผมทำอะไรไม่เคยถูกใจคุณเลย”

“ถ้าจะให้ถูกใจ อย่าใช้มาตรฐานของตัวเองกับฉัน เอากุญแจมา!”

ในที่สุด วายุบุตรก็ต้องยอมแพ้แก่สาวมั่นคนนี้ตามเคย...ชวนให้เข้าข้างในก็ไม่เข้า เขาจึงให้รอข้างนอกแป๊บเดียวแล้วเข้าไปหยิบกุญแจส่งให้ ลินีรับกุญแจรถพร้อมกับส่งเงินค่าซ่อมรถให้เขา แล้วจะกลับเลย บังเอิญได้ยินพนักงานมาบอกเขาว่า คุณเบลให้มาตาม ลินีเปลี่ยนใจอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าคุณเบลที่ว่านี้คือผู้หญิงที่ตนเจอที่หน้าผับหรือเปล่า แอบเข้าไปหาที่นั่งซุ่มดู งานนี้นอกจากลินีจะเห็นวายุหัวเราะร่าอยู่กับหญิงสาวแล้ว เธอยังเห็นเมเปิ้ลกำลังเต้นอย่างเมามันด้วย!

เป้กับวลัยดูแลเมเปิ้ลอยู่ เห็นท่าเธอเมามาก เลยโทรศัพท์เรียกกฤษมา พอเมเปิ้ลเต้นจนทรุดฮวบลง เป้ก็บอกกฤษให้อุ้มไปเลย แต่พอกฤษเข้าไปอุ้ม เมเปิ้ลกระถดหนีชี้หน้าด่าอย่างเจ็บใจที่ถูกสั่งสอนเมื่อเย็น

“กล้าดียังไงมาด่าฉัน เธอเป็นใครฉันเป็นใคร คิดว่าเห็นชีวิตมากกว่าฉันงั้นเหรอ ถึงได้มาตัดสินฉัน เธอมันก็แค่เด็กเมื่อวานซืน เป็นแค่เด็กฝึกงานที่รอโอกาสจากฉัน ฉันคือคนที่ชี้เป็นชี้ตาย...”

เมเปิ้ลด่าเสียงดังจนกฤษต้องบอกให้เบาๆ ตอนนี้คนทั้งประเทศหันมองเธอเป็นตาเดียวแล้ว เมเปิ้ลมองไปรอบๆ เห็นลินีเข้าเมเปิ้ลมองอึ้ง วายุหันไปเห็นลินีก็อึ้งไปอีกคน!

วลัยถามลินีว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เมเปิ้ลก็แหวกคนไปแหวลินีว่าตามตนมาตั้งแต่ตอนไหน ลินีบอกว่าไม่ได้ตามเธอแต่ตนมาตามแฟน ว่าแล้วพุ่งไปหาวายุกระแทกเบลกับเพื่อนกระเด็นไป ประกาศกับทุกคนว่า

“นี่ไงแฟนฉันเป็นเจ้าของที่นี่”

เมเปิ้ลอึ้ง เป้พึมพำงงๆ ว่าตนมาเที่ยวบ่อยไม่เห็นรู้เลย กฤษเห็นเมเปิ้ลไม่พอใจเลยลากเธอออกไป

วายุเดินมาหาลินีทักว่า นึกว่าเธอกลับไปแล้วลินีแสดงตัวว่าเป็นแฟนวายุ จนเบลมองวายุถามว่าวายุมีแฟนแล้วหรือ ลินีประกาศตัวและอบรมยาวเหยียดแอบด่าเบลเป็นระยะว่า

“ประกาศค่ะ ฉันชื่อณัฎฐาลินีเป็นแฟนคุณวายุบุตรนะคะ เพราะฉะนั้น ใครที่กำลังขายอ้อยหรือทอดสะพานให้แฟนฉันอยู่ กรุณาล้มเลิกความคิดนะคะ ถ้าไม่อยาก ได้ชื่อว่า...เป็นมือที่สาม”

สิริมาไม่พอใจเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ในขณะที่ลินีก็ยังอบรมไม่เลิกนับจากด่าว่าอ่อยผู้ชายไปจนถึงอาการหน้ามืดที่ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา เธอบรรยายเสียจนวายุขอให้พอ เพราะน้องทั้งสองแค่มานั่งชิลเท่านั้นเดี๋ยวก็กลับ แต่ลินีก็ยังอบรมเสียจนเบลกับเพื่อนอับอายแขกที่มองมาจนพากันกลับไป

วายุลากลินีออกไปมุมหนึ่ง สิริมาตามไปแอบดูแอบฟัง วายุเสียงเข้มใส่ลินีว่าพูดแบบนี้ทำให้ตนเสียหายและอาจเสียลูกค้าด้วย บอกเธอว่า “ถึงผมจะชอบคุณแต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะพอใจในสิ่งที่คุณทำ!”

ลินีโต้ว่าที่ตนพูดนั้นคือการทำงานของตน วายุบอกให้เธอไปทำข้างนอก

“ที่ทำงานของคุณนี่แหละคือที่ทำงานของฉันเพราะมันคือต้นเหตุของปัญหา”

ทั้งคู่โต้เถียงกันอย่างรุนแรง ฝ่ายหนึ่งยืนยันว่าตนทำงานเพื่อสังคม อีกฝ่ายอ้างว่าตนไม่ได้ทำผิดอะไรทุกอย่างทำตามกฎอยู่ในกฎหมาย ใครมาเสพความบันเทิงเพื่อคลายเครียด เขาก็ต้องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ

“รับผิดชอบแต่ไร้สำนึก ใช้ช่องโหว่ของกฎหมายหาประโยชน์เข้าตัวเองแต่ไม่แคร์ความเป็นมนุษย์!! ไม่ใช่เพราะที่แบบนี้หรือที่มันพรากสำนึกผิดชอบชั่วดีไปจากคนคนหนึ่งได้ ไม่ใช่เพราะคนอย่างคุณหรือไง!”

ลินีโกรธสุดขีด เพราะเธอกำลังคิดถึงเรื่องราวของตัวเองในอดีต แต่พอรู้สึกตัวก็สงบและรีบเดินออกไป

วายุเดินตามไป ส่วนสิริมาที่มาแอบดูแอบฟังอยู่มองตามอย่างไม่พอใจ

วายุตามออกมา ลินีบอกว่าตนจะกลับบ้าน เขาถามว่าเธอยังโอเคไหม

“อ๋อ...ได้ด่าคุณแล้ว โอเคมาก” เขาถามว่าด่าตน

หรือด่าใคร “ด่าผู้ชายทุกคนที่ไม่ใช่แค่คุณ ถ้าคุณยัง

คิดจะให้ฉันอยู่ในชีวิตคุณอยู่ละก็ เตรียมตัวเจ๊งได้เลยนะ เพราะไม่ใช่แค่คืนนี้หรอกที่ฉันจะมาเป็นนางร้ายที่นี่ พูดเลย! ทุกคืน!!”

พูดแล้วก้าวฉับๆ ไปเลย วายุอึ้ง เขาเห็นถึงมุมเจ็บลึกๆของเธอ ทำให้อยากค้นหาผู้หญิงคนนี้มากยิ่งขึ้น

“แต่ฉันไม่มีทางยอม” สิริมาโผล่มาโพล่งขึ้น เธอพูดขึงขังว่า “เรื่องส่วนตัวคุณ ฉันอาจจะไม่เข้าไปยุ่งก้าวก่าย แต่ถ้าทำให้ธุรกิจที่ฉันเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วยเสียหาย ฉันเล่นไม่เลิกเหมือนกัน!”

ท่าทีแข็งกร้าวของสิริมา ทำให้วายุเครียด รู้สึกถึงเรื่องราวมากมายที่จะตามมา

ooooooo

กฤษกับเมเปิ้ลยังนั่งแช่เท้ากันอยู่ในน้ำพุ ลินีเดินมาเห็นก็นึกขำยืนดู กฤษเรียกเมเปิ้ลขอสารภาพอะไรบางอย่าง

เมเปิ้ลเงียบฟังอย่างผ่อนคลาย แต่พอฟังกฤษบอกว่า “ยิ่งดูใกล้ๆ คุณก็ยิ่งเหมือนแม่ผมมาก” เธอก็ของขึ้นทันทีโกรธแต่ไม่มีแรงจะวีน ลินีขำพรืดออกมาเบาๆ กฤษถามว่าไม่โกรธตนใช่ไหม เธอบอกว่าโกรธกฤษถามอีกว่าไม่ด่าหรือ

“ด่าแม่เธอที่มาเหมือนฉัน หรือด่าเธอที่ว่าฉันไปเหมือนแม่เธอ” เมเปิ้ลย้อนถาม กฤษบอกว่าด่ามาเถอะด่าอะไรก็ได้ เลยถูกด่าว่า “ไร้สาระเสียเวลา”

“เรื่องที่คุณแค่เห็นเพื่อนคุณอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่เขาจะตามหรือไม่ได้ตามคุณมา มันก็ไร้สาระเสียเวลาเหมือนกัน คิดแบบนี้บ้างไม่ได้เหรอครับ” เธอเสียงเขียวใส่ว่าไม่ได้! “ถ้าเรื่องเพื่อนเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคุณขนาดนี้ ทำไม...ไม่ปรับความเข้าใจกันล่ะครับ”

คราวนี้เมเปิ้ลอึ้ง แต่ยังตอบอย่างทิฐิว่า “ฉันไม่ปรับ ฉันไม่คุย”

“แล้วอย่ามาคุยนะ ฉันจะเชิดใส่!” ลินีที่ยืนดูยืนฟังอยู่พึมพำแล้วเดินออกไปเลย

กฤษฎาถามว่าแน่ใจหรือว่าไม่อยากปรับไม่อยากคุย เมเปิ้ลพยักหน้า เขาพูดต่ออย่างใจเย็นว่า “แต่ถ้าคุณกับเพื่อนกลับมาคืนดีกัน อาจจะทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้น

มองโลกสวยงามขึ้น มีพลังที่จะแก้ปัญหาอื่นๆของชีวิตได้ดีขึ้นก็ได้นะครับ”

เมเปิ้ลหมดความอดทนถามว่าเขาอายุเท่าไหร่อย่ามาทำตัวเป็นผู้ใหญ่สอนโน่นสอนนี่ตน กฤษย้ำว่า บอกแล้วว่าตนไม่ใช่เด็ก ความเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้วัดกันที่อายุแต่วัดกันที่วุฒิภาวะต่างหาก

พอดีเมเปิ้ลจาม กฤษพูดอย่างเป็นห่วงว่าเธอ

เป็นหวัด เธอบอกว่าแช่น้ำนานขนาดนี้ต่อให้ถึกขนาดไหนก็แย่ได้เหมือนกันพลางยื่นมือให้กฤษช่วยฉุดลุกขึ้น

ยอมรับว่าจะลุกเองแต่ลุกไม่ไหว แต่พอกฤษฉุดให้ลุกเดินข้ามน้ำพุไม่ทันพ้น ปรากฏว่ารองเท้าเธอส้นหัก! เมเปิ้ลกรี๊ดอุทาน “ลูกแม่!!!”

เมเปิ้ลเศร้ามากจนกฤษติงว่าแค่ส้นรองเท้าหักไม่ได้มีใครตายสักหน่อย เธอคร่ำครวญความรู้สึกที่ต้องเสียของรัก แต่พอจามอีกครั้ง กฤษเร่งให้กลับ เธอทำหน้าเหยบอกว่าไม่มีรองเท้าเดินไม่ได้

กฤษให้ขี่หลังก็ไม่เอา ให้เดินเท้าเปล่าก็ไม่ไหว เขาเลยถอนใจดังๆ เธอมองขวับถามว่าเบื่อตนหรือ เขาตอบทันทีว่า “ครับ...เบื่อ” เลยถูกงอนถามว่าเบื่อแล้วมาทนอยู่ทำไม ทำไมไม่กลับบ้านไปเสีย

“เบื่อความเอาแต่ใจของคุณ แต่ความเป็นห่วงคุณว่าจะกลับบ้านยังไงมันมีมากกว่า” คำตอบของ ‘เด็กบ้า’

คนนี้ทำให้เมเปิ้ลอึ้ง เขาถอดรองเท้าของตัวเองให้ใส่

“เอ้า...ใส่รองเท้าผมก่อนนะครับ จะได้ไม่เจ็บเท้าเวลาเดิน”

เมเปิ้ลอึ้ง หัวใจแทบละลายกับความน่ารักของเด็กบ้าคนนี้

เมื่อไปถึงรถ เมเปิ้ลถอดรองเท้าคืนให้บอกว่าตนมีรองเท้าแตะในรถแล้วพลางควานหากุญแจรถในกระเป๋า ทันใดนั้นได้ยินเสียงสตาร์ตรถ มองไปเห็นกฤษนั่งยิ้มอยู่ในรถเปิดกระจกเชิญให้ขึ้นรถถามว่า หรือจะให้ตนเปิดประตูรถให้

“ไม่ต้อง ขึ้นเอง” เมเปิ้ลถอนใจ รู้ตัวว่าตัวเองใจอ่อนกับกฤษมากขึ้นทุกที...ทั้งที่ใจไม่อยากเลย

ooooooo

วายุบุตรเจอดีเมื่อมีคนอ้างชื่อเขาโทร.ไปบอกนักดนตรีทุกวงว่าผับเขาเลิกจ้างแล้ว คืนนี้ที่ผับจึงเงียบราวกับป่าช้า เขาเดินออกไปอย่างหัวเสีย

ลินีกำลังจะขับรถกลับเห็นวายุเดินอย่างเร่งรีบไปทางหนึ่งเธอระแวงว่าเขาอาจจะกำลังทำสิ่งผิดกฎหมาย ขณะกำลังคิดหาทางจับผิดนั่นเอง วายุมาเคาะกระจกรถ

จะขอคุยด้วย เป็นตายอย่างไรเธอก็ไม่ยอมลงไป เขาจึงไปยืนขวางหน้ารถไม่ให้ออก เธอบีบแตรลั่นจนเขาต้องเอามืออุดหู แต่พอถูกผู้คนหันมองกันเป็นตาเดียว เธอก็อายเลยจำเป็นต้องลงมาคุยด้วย

วายุแกล้งพูดยั่วว่าทำไมยังไม่กลับบ้านหรือคิดจะตามตน จ้องหาทางทำลายตนทำลายที่นี่ ด่าว่า คนอย่างเธอกัดไม่ปล่อยจริงๆ ลินีตอบอย่างท้าทายว่าใช่! วายุเลยพูดให้รู้ว่า

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 5 วันที่ 19 เม.ย. 57

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทประพันธ์โดย วัตตรา
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทโทรทัศน์โดย ต้นรัก
ผลิตโดยบริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
กำกับการแสดงโดย อดุลย์ บุญเนตร
นำแสดงโดย จอย ริณลณี , อาเล็ก ธีรเดช, ปอ ทฤษฎี , วิกกี้ สุนิสา , เบนซ์ พรชิตา ,อั๋น วิทยา
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ