@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 6 วันที่ 21 เม.ย. 57

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 6 วันที่ 21 เม.ย. 57

น้ำผึ้งหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต พีศทรรตก็ทำเหมือนไม่เหลือเยื่อใย งานก็ไม่มี ออกไปยืนที่ระเบียงเตรียมตาย

“ดูสิ ใครๆ ก็ไม่รัก อยู่คนเดียว แก่คนเดียวก็ต้องตาย คนเดียวสินะ” มองลงไปแล้วพึมพำ “สูงเหมือนกันนะ แต่ไม่หนาวเท่ากับอยู่บนคาน แต่ตอนนี้จะอยู่บนเขาหรือบนคานก็มีค่าเท่ากัน เพราะไม่มีใครกอด ไม่มีใครปลอบ ไม่มีใครเลย”

น้ำผึ้งร้องไห้ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น น้ำผึ้งไม่ได้ยินเพราะปิดประตูกระจกไว้ ก้าวไปจับระเบียงมองลงไปอีกครั้ง

ส่วนสามสาวขับรถเร็วจนถูกตำรวจเขียนใบสั่ง พอทั้งสามเร่งให้เขียนเร็วๆ เพราะเพื่อนกำลังเป็นไข้หนาวสั่นจะรีบพาไปหาหมอ ตำรวจใจดีเลยเปิดหวอนำทางให้เลย


เจ้าหน้าที่คอนโดเคาะประตูห้องน้ำผึ้งโดยมีพีศทรรตยืนลุ้นอยู่ ก็พอดีสามสาวพร้อมทั้งกฤษและวายุมาถึง ทุกคนรีบขึ้นไปที่ห้องน้ำผึ้ง

น้ำผึ้งสูดลมหายใจลึกๆ มองลงไปอีกครั้ง รำพึงรำพันกับตัวเอง

“ฉันเคยอยู่จุดสูงสุดของชีวิต ถ้าจะต้องดิ่งลงข้างล่าง มันก็ไม่เห็นแปลก ไม่มีใครต้านแรงโน้มถ่วงของโลกได้”

น้ำผึ้งทิ้งตัวดิ่งไป พร้อมกับที่พีศทรรตและพวกเมเปิ้ลช่วยกันพังประตูเข้ามา ทุกคนกรูกันมาชะโงกดูที่ระเบียง!

ooooooo

จินตนาการที่น่าหวาดเสียวทั้งของน้ำผึ้งที่ระเบียงและเพื่อนในก๊วนที่ร้อนใจเป็นห่วงน้ำผึ้งที่ออกันอยู่หน้าห้องจนเกิดความตึงเครียดบีบคั้นหัวใจรุนแรง

ในที่สุดเจ้าหน้าที่คอนโดก็เปิดประตูได้ ทุกคนกรูกันเข้าไปในห้อง มองไปที่ระเบียง น้ำผึ้งยังเกาะที่ระเบียงยืดตัว ยกแขนเหยียดทุกคนร้องสุดเสียง

“น้ำผึ้ง!!! อย่า!!!!”

ทันใดนั้น น้ำผึ้งคุกเข่าลง ก้มมองหัวแม่เท้าตัวเองบ่น “อูยยย ไอ้มดบ้า กัดตรงไหนไม่กัด ดันกัดหัวแม่เท้า” แล้วลุกขึ้นปีนลูกกรงระเบียงอีก คราวนี้พีศทรรตพุ่งตัวออกไปเปิดประตูกระจกอย่างแรง พวกที่เหลือตามไปเป็นพรวนน้ำผึ้งได้ยินเสียงประตูกระจกเปิดหันมอง ก็พอดีพีศทรรตเข้าถึงตัว รวบเธอไว้ลากออกจากลูกกรงกั้นระเบียง พวกที่เหลือช่วยกันลากเป็นทอดๆ จนน้ำผึ้งร้องลั่น

“โอยยยย...ปล่อยฉัน!!!”

เมื่อลากน้ำผึ้งเข้ามาในห้องแล้วทุกคนมองเธอเป็นตาเดียว น้ำผึ้งเห็นสายตาประณาม โกรธ ของทุกคนก็สติแตก วีน โวย ใส่ทุกคน

“อะไร! มองฉันแบบนี้ทำไม! แล้วแห่มาหาฉันทำไม จะเอาอะไรกับฉันอีกหา!! คุณพีศทรรต จะเอาอะไร ไม่มีให้แล้ว” จากนั้นมองจิกเพื่อนแต่ละคน “หรือพวกแกจะมาสมน้ำหน้าฉัน ที่ฉันไม่มีอะไรเหลือแล้ว

ใช่ไหม อ้อ...มาคนเดียวไม่พอต้องพ่วงแฟนมาด้วย ไม่พานักข่าวมาด้วยล่ะ ประจานออกสื่อกันไปเลยว่า น้ำผึ้งปินัทธามันเหลือแต่ตัว ตกต่ำ....”

เมเปิ้ลตบหน้าน้ำผึ้งฉาดใหญ่จนทุกคนตกใจ น้ำผึ้งพุ่งเข้าไปเอาเรื่อง ทั้งลินี วลัย ช่วยกันห้าม น้ำผึ้งไม่หยุดเลยถูกลินีตบเข้าอีกฉาด ด่าว่าถ้ายังไม่หยุดได้เละคามือพวกตนแน่

น้ำผึ้งระเบิดความอัดอั้นออกมาท้าว่าเอาเลย ตนทำทุกอย่างเละมาทั้งชีวิตแล้ว ทำให้ความเป็นเพื่อนของเราเละและจับได้คาหนังคาเขาว่าโจ้มีกิ๊กและมันก็เลือกกิ๊ก วลัยถามว่าไหนบอกว่าน้ำผึ้งทิ้งโจ้เอง

น้ำผึ้งยอมรับว่าตนโกหกเพราะไม่อยากเป็นคนผิด และอายที่เลือกผิดกลัวเพื่อนๆหัวเราะเยาะ ยอมรับอย่างหมดเปลือกว่า

“ฉันไม่อยากแพ้พวกแก ที่มีชีวิตที่ดี ราบรื่น เป็นผู้หญิงแถวหน้าที่ใครๆก็ชื่นชม พวกแกมีครอบครัวที่คอยเคียงข้าง ในขณะที่ฉัน...ไม่มีใคร ฉันยึดอาชีพของฉันเป็นที่ยึดเหนี่ยว เป็นศักดิ์ศรีที่จะปกป้องฉัน แต่สุดท้ายฉันก็แพ้...ฉันมันไม่มีอะไรดีสักอย่าง ฉันถูกทุกคนปฏิเสธ รู้ไหมฉันอิจฉาพวกแกมากแค่ไหน...”

เมื่อน้ำผึ้งเปิดใจตัวเองเช่นนี้ ทั้งลินี เมเปิ้ล ต่างบอกว่าตนก็ไม่ได้มีชีวิตดีไปหมดอย่างที่น้ำผึ้งคิดเพราะแต่ละคนก็มีปมชีวิตที่ไม่สมหวังไม่สวยงาม ความรู้สึกร่วมกันอย่างหนึ่งคือ ในบางมุมของชีวิตก็คิดว่าตัวเองอยู่อย่างโดดเดี่ยวในจักรวาล...ต่างยอมรับว่าเมื่อแตกคอกันทุกคนจึงยึดงานเป็นหลัก

“วันที่ฉันรู้จากวลัยว่าแกเลิกกับไอ้โจ้ ฉันอยากมาหาแก ไม่ได้มาซ้ำเติม มาหัวเราะเยาะ แต่ฉันอยากมาบอกแกว่า แกไม่มีมัน แต่แกก็มีฉัน” เมเปิ้ลเอ่ย

“ฉันก็ยากจะมาบอกแกว่า เราไม่จำเป็นต้องมีใคร แค่เรามีกันและกัน ฉันพร้อมที่จะอยู่บนคานเป็นเพื่อนแก” ลินีพูดจริงจัง ส่วนวลัยที่ทำหน้าที่กาวใจของเพื่อนมาตลอด ชี้ให้ทุกคนเห็นว่า

“ถ้าเพียงแต่พวกแกจะพูดคำว่าขอโทษกันตั้งแต่แรก จะไม่มีใครถูกทิ้งให้เผชิญปัญหาตามลำพัง”

“ถ้าเพียงฉันยอมรับฟัง...ถ้าเพียงแต่ฉันจะยอมรับว่าฉันผิด เราก็ไม่ต้องทะเลาะกันใช่ไหม ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง...” น้ำผึ้งร้องไห้จนตัวโยน เมเปิ้ลกับลินีเข้ากอดน้ำผึ้งไว้ วลัยกอดเพื่อนทั้งสามไว้อีกที

บรรดาชายหนุ่มทั้งสาม มองความรักของสี่สาวด้วยความซาบซึ้งใจไปด้วย

หลังจากที่ทุกคนเปิดใจกันแล้ว จึงรู้ว่า ที่จริงแล้วน้ำผึ้งไม่ได้คิดฆ่าตัวตายเลย เธอบอกเพื่อนๆว่าไม่เคยคิดโง่ๆแบบนั้น ที่ทำไปก็แค่อยากปลดปล่อยอารมณ์เท่านั้น เลยถูกพีศทรรตบ่นว่าทีหลังไม่ต้องอุตริทำเรื่องเสี่ยงอันตรายแบบนั้นอีก

บรรยากาศแห่งความรักและมิตรภาพกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง ทุกคนร่าเริงที่ได้สิ่งมีค่าที่สุดของกลุ่มกลับคืนมา...

ooooooo

พอสามสาวกลับมารักกันเหมือนเดิม พวกหนุ่มๆ ก็กลายเป็นส่วนเกินจนกฤษปรารภกับรุ่นพี่ทั้งสองว่าแทบไม่มีพื้นที่ให้เราเข้าไปอยู่ในชีวิตของพวกเธออีกเลย

แต่กฤษกับวายุก็ไม่ท้อให้กำลังใจตัวเองลุ้นต่อไป ส่วนพีศทรรตก็ลุ้นของตัวเองว่าจะรอดหรือไม่ แล้วสามหนุ่มก็เดินไปในทางเดียวกันกับความรักที่ต้องลุ้น...

ส่วนก๊วนสาวๆ ต่างก็สัญญากัน น้ำผึ้งสัญญาว่าจะไม่อีโก้กับเพื่อนๆ อีก และยอมรับว่า เวลาที่อยู่กับเพื่อนๆ เป็นเวลาที่เป็นตัวของตัวเองที่สุด เมเปิ้ลสัญญาว่าต่อไปจะพูดจาถนอมน้ำใจเพื่อน ส่วนลินีสัญญาว่า จะสาระแนเรื่องของเพื่อนให้น้อยลง

วลัยที่คอยเป็นกาวใจให้เพื่อนย้ำว่า “ขอแค่ให้ทุกคนยอมรับและเข้าใจตัวตนของเพื่อน...แต่ที่สำคัญที่สุดคือคำว่าให้อภัยต่างหากที่พวกแกต้องมีให้กัน” ทุกคนพยักหน้าอย่างยอมรับ

คนที่อยู่ในภาวะอ่อนแอที่ต้องดูแลเป็นพิเศษคือน้ำผึ้ง เธอยังอารมณ์แปรปรวนทั้งเรื่องพีศทรรตและเรื่องงานที่ทำให้เรื่องเงินมีปัญหา ทุกคนจึงช่วยกันประคับ ประคองทั้งอารมณ์และกระเป๋าสตางค์ของเพื่อน พาไปช็อปปิ้งให้ผ่อนคลาย

ระหว่างลินีกับวลัยไปช็อปปิ้งกับน้ำผึ้งนั่นเอง เห็นกฤษเดินมากับน้ำฟ้าอย่างสนิทสนมมาก เพราะน้ำฟ้านัดกฤษให้พาไปรู้จักเมเปิ้ล แต่เมเปิ้ลไม่ว่าง กฤษจึงไปหาเธอที่สปาเสริมความงามของเธอเองและพากันออกมาหาอะไรกินข้างนอก วลัยจะโทร.บอกเมเปิ้ล แต่เพื่อนห้ามไว้ จนเมื่อเห็นความสนิทสนมกันมากจนทนไม่ได้จึงลงมติให้โทร.บอกเมเปิ้ลเลย!

แต่เพราะเมเปิ้ลกำลังวุ่นวายกับจิลลาพี่สาวตัวเองที่ถูกแฟนเด็กหมางเมินจนจะเป็นจะตายเลยไม่ได้คุยกัน พอโทร.ไปอีกทีปรากฏว่าเมเปิ้ลปิดเครื่องเสียแล้ว

ooooooo

ลินีทำงานในมูลนิธิฯ มักพบเจอเรื่องสะเทือนใจของผู้หญิงที่ถูกกดขี่ทางเพศและทำร้ายเป็นการตอกย้ำ เรื่องแม่ที่ถูกพ่อทำร้ายจนเป็นอัมพาตและความจำเสื่อม เธอจึงยิ่งมุ่งมั่นในการทำงานมาก

วันนี้เธอมีนัดกับวายุจะไปพบพ่อเขาที่บ้าน ขณะที่เธอออกจากมูลนิธิ พิภพเห็นเข้าจำได้ว่าเป็นแฟนวายุเขาสั่งคนขับรถให้ตามไป

คุณหญิงกานดาที่ต้องการให้พีศทรรตคืนดีกับธัญรดา ก็วางแผนกันใช้ญาดาเป็นเครื่องมือ วันนี้ธัญรดามารับญาดาไปทานข้าว และโทร.บอกพีศทรรตว่าลูกอยากทานข้าวกับเขา พีศทรรตจึงโทร.นัดน้ำผึ้งไปด้วย

เวลาเดียวกัน คุณหญิงกานดาก็ให้ตมิสาเลขาของพีศทรรตคอยจับตาดูและรายงานความเคลื่อนไหวของพีศทรรตกับน้ำผึ้งทุกระยะ

น้ำผึ้งดีอกดีใจที่พีศทรรตนัดกินข้าว แต่พอไปถึงเจอทั้งพีศทรรต ธัญรดาและญาดา ธัญรดาถามเขาอย่างไม่พอใจว่า

“คุณพีศ คุณนัดผู้หญิงคนนั้นมาด้วยเหรอ!”

“ทำไมคุณไม่บอกฉันว่า เมียเก่ากับลูกคุณมาด้วย” น้ำผึ้งเสียงขุ่น ซ้ำยังถูกญาดามองตาเขียวปั้ดด้วย

“มาคุมากๆ น้ำผึ้ง ฉันว่าฉันขอตัวก่อนดีกว่านะ รู้ตัวว่าเป็นคนนอก เดี๋ยวกริ๊งกร๊างหากันนะตัว ฝากไปส่งน้ำผึ้งด้วยนะคะคุณพีศ สวัสดีค่ะทุกคน” ว่าแล้ววลัยจากไปทันที ทิ้งให้พีศทรรตอยู่ท่ามกลางความมาคุของผู้หญิงทั้งสามคน

ooooooo

พนมรอลินีมีสิริมาอยู่ด้วย เขาถามวายุว่าลินียังไม่โทร.มาหรือ พอวายุบอกว่ายัง สิริมาก็ถล่มทันทีว่า

“แย่จังเลยนะคะ ที่เขาทำเหมือนไม่แคร์ไม่สนใจใครแบบนี้”

พนมบอกว่าถ้าไม่มาก็เอาตามที่สิริมาว่าก็แล้วกัน พลันลินีก็ส่งเสียงว่า “ฉันมาแล้วค่ะ” พอมาถึงเธอก็พูดออกตัวว่าที่มาสายเพราะบ้านหายากจนตนเกือบหลง เธอแกล้งแสดงความสนิทสนมกับวายุยั่วสิริมาพอได้อารมณ์แล้วก็ชวนเข้าเรื่องเลย หันไปถามพนมแขวะสิริมาว่า

“ทราบว่าป๊าอยากคุยกับหนูเพราะใครบางคนแร่มาฟ้องว่าหนูปากเสีย”

พอเปิดฉากเท่านั้นก็ทำเอาวายุสะดุ้ง สะอึก พนมฟังแล้วยิ้มนึกพอใจความตรงและแรงของเธอขึ้นทันที ส่วนสิริมารู้ตัวว่าถูกประชด ก็ยิ้มให้ลินีอย่างท้าทาย

“ฉันก็อยากให้เราพูดจาทำความเข้าใจกันโดยไม่จำเป็นต้องให้เรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลอีก เสียเวลาทำมาหากินกันเปล่าๆ” พนมเอ่ย

สิริมาเสนอทันทีว่าตนจะไม่เอาเรื่องถ้าลินีไม่ไปที่ร้านอีก วายุท้วงติงทันทีว่าลินีจะไปที่ร้านเมื่อไรก็ได้ในฐานะแขกของตน สิริมามองขวับย้ำว่า “ก็ถ้าคุณห้ามปากแฟนของคุณได้ฉันก็ไม่มีปัญหา”

“งั้นก็ฟ้องเลยค่ะ ยินดีมาก ถ้าฉันจะได้ขึ้นศาล เพื่อจะได้พูดให้เสียงดังฟังชัดมากกว่าเดิมว่าธุรกิจของคุณในความคิดของฉัน มันบ่อนทำลายสังคมยังไง” วายุติงว่านี่ไม่ใช่เรื่องจะมาเอาชนะคะคานหรือประชดกัน ลินีสวนทันควันว่า “ฉันไม่ได้ประชด ฉันต้องการทำอย่างนั้นจริงๆค่ะ”

“หนูอาจจะแพ้คดี” พนมติง

“ไม่แคร์ค่ะ แพ้ก็ไม่เป็นไร หนูยอม ขอแค่ให้หนูได้พูดให้ทุกคนได้ยิน” ลินีไม่สะทกสะท้านแล้วบอกสิริมา “เจอกันที่ศาลนะคะคุณสิริมา อ้อ...ในฐานะที่ฉันคุ้นเคยกับการถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทเป็นอย่างดี ขึ้นลงศาลหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ยังตื่นเต้นอยู่ คุณน่ะมือใหม่ ฝึกประสาทให้แข็งๆหน่อยนะ นี่เป็นคำเตือนจากรุ่นพี่”

สิริมาอึ้งเจ็บใจที่ถูกลินีท้า ลินีไม่สนใจหันไปไหว้ลาพนม แล้วดึงวายุบอก “ไปส่งสิ แฟนจะกลับ” เธอจงใจควงแขนวายุโชว์สิริมา พอลินีควงวายุไปแล้ว สิริมาหันไปทางพนม เขายกมือห้ามบอกเธอว่า

“เลิกล้มความคิดเรื่องฟ้องหนูลินีเถอะ อย่าสาวไส้ให้กากินเลย เจ้าวายุคงหาวิธีปราบแม่หนูคนนั้นได้เองแหละ” พูดแล้วพนมกดเก้าอี้เคลื่อนออกไป สิริมายืนเจ็บใจที่ตัวเองกลายเป็นคนถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว

ฝ่ายลินี พอควงวายุออกไปพ้นหน้าสิริมาแล้วก็สั่งให้เขาปล่อย เขายังไม่ปล่อยอ้างว่ายังไม่ถึงที่ เธอขึงตาใส่พูดเสียงดัง เขาถามขู่ว่าอยากให้ป๊ารู้หรือว่าเราแสดงละครเป็นแฟนกัน

“ตอนนี้ฉันไม่แคร์แล้วล่ะว่าใครจะรู้บ้าง เพราะอะไรรู้ไหม เกมนี้มันกำลังจะจบ เพราะฉันไม่จำเป็นต้องท้าทายแข่งขันกับเพื่อนเรื่องใครจะได้แต่งงานก่อนกันอีกแล้ว” วายุถามงงๆ ว่าหมายความว่า... ลินีโพล่งว่า “เรื่องของเราแคนเซิล”

แต่วายุไม่ยอมอ้างว่าเกมนี้สำหรับตนมันยังไม่จบ ไม่เกี่ยวกับเพื่อนเธอ เพราะมันเป็นเกมของเราสองคนเท่านั้นและยังไม่ครบกำหนดที่เราตกลงกัน ฉะนั้น ยังจบไม่ได้

“นี่! อยากได้อะไรฉันนักหนา คนง่ายๆ ที่รอเสิร์ฟอยู่บนพานทำไมไม่เอา”

“เรื่องของผม” วายุยักไหล่ยิ้มกริ่มอย่างเป็นต่อลินีมองอย่างเจ็บใจที่มาเจอจอมตื๊อดื้อตาใสแบบนี้

ooooooo

ต่อหน้าวายุ ลินีทำเป็นรำคาญ แต่พอขับรถออกมาเขาโทร.เข้ามือถือก็ยิ้มดีใจแต่ทำเสียงแข็งถามว่ามีอะไรอีก!

วายุชวนไปเที่ยวด้วยกัน อ้างว่าเพราะเธอทำงานหนัก ดักคอว่ายังไม่ครบกำหนดลาพักของเธอแต่เธอก็กลับไปทำงานแล้ว ถูกลินีปฏิเสธว่าวันนี้ตนไม่พร้อม ไม่มีเวลา แต่พอตัดสายจากวายุ รถก็ถูกชนท้ายโครม!

เป็นรถของพิภพนั่นเอง พอลงไปเคลียร์ พิภพลงมาขอโทษที่คนขับของเขาไม่ทันระวัง แล้วสั่งช้างกับมาร์กให้โทร.เรียกประกัน ลินีบ่นหัวเสียว่า “เสียเวลาจริงๆ”

“ขอโทษคุณอีกครั้งที่ทำให้ต้องไม่สะดวก ผมพิภพ นี่ครับนามบัตรของผม ติดต่อหาผมได้ตลอดเวลาถ้าติดขัดอะไรหลังจากนี้”

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 6 วันที่ 21 เม.ย. 57

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทประพันธ์โดย วัตตรา
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทโทรทัศน์โดย ต้นรัก
ผลิตโดยบริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
กำกับการแสดงโดย อดุลย์ บุญเนตร
นำแสดงโดย จอย ริณลณี , อาเล็ก ธีรเดช, ปอ ทฤษฎี , วิกกี้ สุนิสา , เบนซ์ พรชิตา ,อั๋น วิทยา
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ