@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 7 วันที่ 23 เม.ย. 57

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 7 วันที่ 23 เม.ย. 57

สิริมากลับมาถึงห้องทำงานของวายุ เจอเขานั่งเครียดอยู่ เธอเข้าไปถามสบายๆ ว่ารู้แล้วใช่ไหมว่าตนไปร้านเสี่ยพิภพมา เขาถามว่าเธอไปทำไม มีอะไรต้องคุยกับเสี่ยพิภพ?

“ฉันก็แค่เหงาเลยคิดอยากกลับไปมองๆ ใครสักคนที่รักฉันจริง” วายุเตือนว่าเธอกำลังเล่นกับไฟ เธอถามว่าหึงหรือ เห็นเขานิ่งเธอตีขลุมว่า “ถ้าไม่ตอบ ฉันจะคิดว่าคุณกำลังหึงที่ฉันไปคุยกับเสี่ยพิภพ”


ลินีเดินมาถึงหน้าห้องได้ยินเข้าพอดี สงสัยว่าเสี่ยพิภพคนเดียวกับที่ตนเจอหรือเปล่า?

สิริมาเข้าคลอเคลียวายุรำพึงรำพันว่าตนเป็นผู้หญิงมีเลือดเนื้อมีความต้องการตนเหงาไม่มีเขาก็ยิ่งเหงา วายุพยายามเบี่ยงตัวห้ามปราม สิริมาก็ยิ่งเข้านัวเนีย จนกระทั่งเสียงลินีแหวเข้ามาว่า

“ต้องให้ฉันฉี่รดแฟนฉันหรือไงถึงจะรู้ว่าเขามีเจ้าของแล้ว”

วายุตกใจผลักสิริมากระเด็นไป สิริมาแค่นยิ้มสะใจที่ได้ทำให้ลินีโกรธ ฝ่ายลินีด่าว่าผู้ชายนี่เผลอไม่ได้ วายุอ้างว่าสิริมาเป็นฝ่ายกระทำ เธอไม่เชื่อหาว่าเพราะเขาให้ความหวังสิริมาถึงได้มากระพืออารมณ์ใส่

“ผมไม่เคยให้ความหวัง จบก็คือจบ ทุกวันนี้ผมคิดถึงแต่คุณ หัวใจผมอยู่ที่คุณ”

ลินีงอนเดินหนี วายุตามมาคว้าไว้เธอเลยถลำเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเขา ลินีใจเต้นรัวที่ถูกกอด พอวายุโน้มหน้า เข้าหาเธอก็หลับตาอารมณ์พาไป แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักที จนได้ยินเสียงวายุถามว่า “หลับตาทำไม” เธอลืมตาฟึ่บ เขาบอกว่า

“มีเศษผงติดที่ผมคุณน่ะ ผมจะเอาออกให้”

ลินีอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ผลักเขาออกเดินหนีไป วายุตามไปบอกว่าเรายังคุยกันไม่เคลียร์ ลินีตอบห้วนๆ ว่า

“ฉันจะยอมเชื่อ และขอเตือนไว้ก่อนว่า อย่าทำให้ฉันผิดหวังถ้าฉันมาจับได้ทีหลังว่าฉันถูกทรยศ”

วายุถามว่าเธอมาทำไมหรือ ลินีบอกว่ามาชวนไปทานข้าว แล้วพากันไปทานข้าวต้มริมทางในยามค่ำคืน ด้วยอารมณ์เขินๆ ราวกับหนุ่มสาวที่เพิ่งจะจีบกัน

ooooooo

เมเปิ้ลหลบอยู่ในห้องจนเช้าจึงย่องออกมาจะไปทำงาน เจอคุณย่ามาดักถามว่ายังไงก็ไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ย่าเลือกให้ใช่ไหม

คุณย่าไม่เชื่อว่าตรัยคุณเป็นเกย์ บอกเมเปิ้ลว่าให้เวลาเธอหนึ่งเดือน เธอต้องพิสูจน์ให้ได้สองข้อ คือ ข้อแรกเธอต้องพาแฟนเด็กมาให้ย่ารู้จักและทำให้ย่ารับได้ว่าเป็นคนดีเหมาะสมกับเธอจริงๆ ข้อสอง ถ้าจิลลากับดรณ์เลิกกันย่าจะถือว่าเรื่องของเธอก็จบเหมือนกัน

เมเปิ้ลโวยวายว่า จิลลาเลิกกับดรณ์แล้วมาเกี่ยวอะไรกับคู่ของตนด้วย

“ถ้าสองคนนั้นพิสูจน์ให้ย่าเห็นว่า ผู้หญิงอายุมากกว่าไม่ใช่ปัญหาในการใช้ชีวิตคู่ ย่าก็จะยอมเปิดใจ ยอมรับคู่ของเรา แต่ถ้าทำไม่ได้ ย่าก็จะเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองต่อไปว่า ผู้หญิงกินเด็ก ยังไงก็ไม่รอด ถ้าทำไม่ได้ทั้งสองข้อ ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนเดิม เธอต้องแต่งงานกับตาตรัยคุณ คนที่ย่ามองแล้วว่าดีที่สุด เหมาะสมที่สุดสำหรับเธอ ถ้าไม่แต่ง ถือว่าเธออกตัญญูกับย่า”

เมเปิ้ลฟังเงื่อนไขของคุณย่าแล้วถึงกับมึนตึ้บ

ooooooo

รุ่งขึ้นน้ำผึ้งไปที่ออฟฟิศ ถามพนักงานเรียงตัวว่าใครเป็นคนบอกที่อยู่ของตนให้คุณแม่ของพีศทรรต แต่ละคนส่ายหน้าดิก ไล่มาจนถึงตมิสา เธอยอมรับ หน้าเผือด

น้ำผึ้งถามว่า นอกจากที่อยู่แล้วคุณแม่ถามอะไรเกี่ยวกับตนอีกหรือเปล่า ตมิสาบอกว่าไม่ พอถูกคาดคั้นก็ย้อนถาม “ได้ข่าวว่าถูกรังเกียจไม่ใช่เหรอ จะบอกให้นะแม้แต่ชื่อป้า แม่บอสก็ไม่อยากจะได้ยินหนูพูดถึงเลยถ้าไม่จำเป็น” แล้วย้อนถามว่า “แม่บอสไปคุยอะไรกับป้าล่ะ”

พอดีพีศทรรตเดินเข้ามาถามว่ามีอะไรกัน ทุกคนสะดุ้งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก น้ำผึ้งรีบกลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไร เม้ามอยยามเช้าประสาคนทำงาน แต่แอบกระซิบกับทุกคนว่า “ถ้าบอสรู้เรื่องนี้ พวกแก ตาย!”

พีศทรรตเรียกเพทายมามอบหมายให้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเมอร์ดี้เพื่อให้เพทายช่วยดูแอ็กติ้งเมอร์ดี้ด้วยเพราะน้องยังใหม่อยากให้เป็นมืออาชีพรับงานได้ หลากหลายขึ้น

“รายได้ออฟฟิศจะได้มากขึ้น เพราะมีบางคนทำให้รายได้ออฟฟิศตกต่ำ เฮ้อ...สงสารน้องเมอร์ดี้จริงๆ”

ตมิสาพูดลอยๆ แต่ปรายตามาทางน้ำผึ้ง

น้ำผึ้งรู้ว่าถูกเหน็บ สะกดอารมณ์เดินออกไป พีศทรรตมองตามยกมือกุมขมับ อย่างนึกเห็นใจน้ำผึ้ง...

ooooooo

วันนี้ ลินีถูก ผอ.เรียกไปพบให้เธอเปลี่ยนงานไปรับผิดชอบเคสอื่น ลินีถามอย่างไม่พอใจว่า

“ให้หนูทำเคสอื่นแทนเคสแก๊งค้าผู้หญิงข้ามชาติ? ทำไมคะ”

ผอ.ชี้แจงว่า เราขาดมือเก่งๆ ด้านกฎหมาย เคส ที่เธอทำอยู่ ตนกับกุ๊งกิ๊งจะทำเอง กุ๊งกิ๊งติงว่าเคสนี้ลินีทำมาแต่ต้นแล้ว ผอ.ให้เหตุผลว่า เพราะลินีอินกับมันมากเกินไปจนอาจทำให้มีอคติ ขาดความเป็นกลางทำให้ตนเป็นห่วง

แม้ลินีทำใจรับไม่ได้แต่ก็ทำตามที่ ผอ.มอบหมาย เธอนึกถึงวันที่เห็นวายุมาที่มูลนิธิและคุยกับ ผอ.ก็ระแวงว่าอาจเป็นฝีมือเขา บอกกุ๊งกิ๊งว่า

“เขาเข้ามาตีสนิทกับพี่เพราะมีแผน ความรักทำให้คนตาบอด มองไม่เห็นว่าเขาทำผิดคิดชั่วยังไง ซึ่งพี่ไม่มีทางหลงกล พี่จะทำให้เขาตายใจโดยที่เขาจะไม่รู้ตัวเลยว่าพี่คือหอกข้างแคร่ ไม่ใช่คนรัก”

กุ๊งกิ๊งฟังแล้วพูดตรงไปตรงมาว่าตนเข้าใจแล้วว่าทำไม ผอ.ถึงถอดเธอออกจากเคสนี้ ถึงตนจะประสบการณ์ชีวิตน้อยกว่าแต่ตนก็มั่นใจว่าตัวเองดูคนไม่ผิด ชี้ว่า “พี่ลินีอคติกับวายุบุตรมากเกินไปจริงๆ”

“งั้นฉันจะสอนประสบการณ์ชีวิตเธออีกอย่าง อย่าได้มั่นใจว่าใครเป็นคนดี เราไม่มีทางไว้ใจใครได้เลยบนโลกใบนี้แม้แต่พ่อหรือแม่ของตัวเอง!”

ลินีคิดถึงพ่อที่เห็นแก่ตัว แย่งชิงแม้แต่เงินค่าเล่าเรียนของตนที่แม่เอาสร้อยทองไปขายเพื่อเอาไปผ่อนรถตัวเอง มิหนำซ้ำยังกดขี่ข่มเหงทำร้ายแม่ ด่าแม่ที่ออกไปทำงานหาว่าไปคบชู้ เวลานั้นลินีได้แต่ร้องไห้สงสารแม่

“เมื่อคนใกล้ตัวที่เรารักและวางใจที่สุด คือคนที่ทำร้ายเราอย่างเจ็บปวดเสียเองแบบนี้ เธอก็ไม่ควรจะไว้ใจใคร” ลินีพึมพำอย่างเจ็บปวด

ผอ.เข้ามาถามลินีอีกว่า มาทำงานนี้เพราะอะไร ลินีอึ้ง ผอ.พูดต่อว่า

“เพื่อช่วยเหลือเพื่อนผู้หญิงด้วยกันให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวดด้วยความเห็นใจเข้าใจ ใช้กฎหมายลงโทษคนที่ทำผิดอย่างสมเหตุสมผล หรือมาทำเพื่อระบายความ รู้สึกเจ็บแค้นจากอดีตของตัวเอง เพราะถ้าเป็นอย่างหลัง พี่ขอแนะนำให้ลินีวางมือจากทุกเคสที่ทำอยู่แล้วลาออก ไปซะ เพราะพี่ถือว่า ลินีไม่สามารถแยกแยะความรู้สึกส่วนตัวออกจากงานได้ ไม่มีความเป็นมืออาชีพ”

ลินีเครียดที่ถูกจี้จุดอ่อน พอดีวายุเข้ามาพร้อมกุหลาบช่อใหญ่ กุ๊งกิ๊งกับ ผอ.จึงออกไป

“มีอะไรกันทำไมคุณดูเครียด” วายุถามแววตา ห่วงใย

“อย่ามายุ่ง!” ลินีตวาดแล้วพรวดพราดออกไปเลย วายุแปลกใจตามไปถามว่าเป็นอะไรอารมณ์เสียเพราะอะไร ลินีแว้ดใส่ว่าเพราะเขานั่นแหละ มองไปเห็นสิริมานั่งในรถเขาก็ยิ่งเจ็บ ถามเขาว่าทำไมวันนี้พาตุ๊กตาหน้ารถมาด้วย วายุเข้าใจว่าหมายถึง
สิริมา ชี้แจงว่าสิริมาต้องไปประชุมหุ้นส่วน ตำหนิเธอว่า

“คุณอารมณ์เสียกับเรื่องอะไรมาไม่รู้ที่บอกว่าเพราะผมน่ะ แล้วก็มาหงุดหงิดกับการที่ผมต้องทำงานกับสิริมาใช่เรื่องไหมเนี่ย!” ลินีเปลี่ยนเป็นถามว่ามาหาตนทำไม เขายื่นช่อกุหลาบให้เธอสะบัดหน้าบอกว่าไม่รับ วายุถามอย่างอ่อนใจว่าจะให้ทำอย่างไรเธอจึงจะใจเย็นและรับดอกไม้จากตน

“ให้ยัยนั่นลงจากรถ อย่ามานั่งทับที่ฉัน หรือจะให้ดีก็ขายหุ้นร้านไปเลย ไม่ต้องทำมันอีก ทำได้ไหมล่ะ”

“สวัสดี” วายุพูดแล้วเดินไปที่รถขับออกไปอย่างพยายามเลี่ยงที่จะมีเรื่องกับลินี แต่เธอยิ่งโมโห โกรธจนตาแทบลุกเป็นไฟ

ooooooo

เมเปิ้ลไปถึงที่ทำงานก็ได้รับจดหมายลาออกจากงานที่กฤษฝากหยาดทิพย์ไว้ให้

เมเปิ้ลช็อก เครียด ถามว่าทำไมเขาไม่คุยกับตน เขาบอกหรือเปล่าว่าลาออกทำไม จะไปไหน ทำอะไรแล้วกดมือถือหากฤษ แต่ปลายสายเงียบ

“โอย...นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย...กฤษฎาเธอ อยู่ที่ไหน...”

กฤษฎาฝากจดหมายลาออกไว้ให้เมเปิ้ลแล้วก็ขับรถบ่ายหน้าไปภูเก็ตกับน้ำฟ้าด้วยความรู้สึกน้อยใจ เสียใจที่ในสายตาของเมเปิ้ลเห็นตนเป็นเพียงเด็กน้อยที่น่ารำคาญ เขาเหลือบมองน้ำฟ้าที่นั่งอยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างสุขใจบอกเธอว่า

“ขอบใจนะน้ำฟ้า ที่อยู่เป็นเพื่อนทุกครั้งเวลาที่เรามีปัญหา”

“และเราก็จะพูดเหมือนที่เคยพูดทุกครั้งว่า กฤษจะมีเราอยู่ข้างๆเสมอนะ” น้ำฟ้ายิ้มอย่างมีความสุขที่กฤษตัดใจจากเมเปิ้ลได้

เมเปิ้ลเจ็บปวดสับสน สั่งหยาดทิพย์ให้ตามหากฤษให้เจอตนไม่อนุมัติจดหมายลาออก ตนต้องการคำอธิบายจากตัวเป็นๆของเขา

ขณะกำลังหงุดหงิดร้อนใจนั่นเอง จิลลาก็เดินร้องไห้เข้ามาบอกว่าดรณ์ขอแต่งงานแต่ขอเวลาทำงานเก็บเงินอีกสักสิบปี ถึงตอนนั้นตนก็เหนียงยานพอดี บอกเมเปิ้ลว่าถ้าดรณ์ไม่แต่งปีนี้ก็ไม่ต้องแต่งเลิกเลย

เมเปิ้ลสะดุ้งสุดตัวร้องลั่นว่าเลิกไม่ได้แล้วเล่าเงื่อนไขของคุณย่าให้ฟัง บอกจิลลาว่าขอเวลาหนึ่งเดือนเท่านั้น หลังจากนั้นเธอจะเลิกกับดรณ์สักวันละกี่หนก็ไม่ว่ากัน จิลลามีข้อแม้ว่าถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องหางานให้ดรณ์ทำเขาจะได้มั่นใจจากสิบปีอาจลดเหลือปีเดียวก็ได้ ยื่นคำขาดว่าถ้าไม่อย่างนั้นก็จบ!

ooooooo

หลังจากสามสาวบนคานทองกลับมารักกันเหมือนเดิมแล้ว ทุกคนก็เจอปัญหาหนักเรื่องความรัก ต่างสวมแว่นดำปกปิดความเศร้าหมอง ไปพบกันที่ร้านกาแฟในฟิตเนส ระบายความทุกข์แก่กัน

เมเปิ้ลคิดไม่ตกที่คุณย่าจะให้แต่งงานกับเกย์ให้ได้ถ้าภายในเวลาหนึ่งเดือนไม่สามารถพิสูจน์เงื่อนไขสองข้อให้คุณย่าได้ อีกทั้งตัวเองก็รักกฤษแล้วโดยไม่รู้ตัว ลินีเสนอให้พาเด็กของเธอไปให้คุณย่ารู้จักหลอกๆ ไปก่อนว่าเป็นแฟนแล้วก็ประคองคู่ของจิลลาให้อยู่รอดปลอดภัย

“จะทำได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้กฤษหายตัวไปไหน ฉันยังไม่รู้เลย”

“เฮ้ยยยย” ลินี น้ำผึ้งและวลัยผงะร้องพร้อมกัน

ขณะที่เมเปิ้ลกำลังมืดแปดด้านนั้น กฤษฎากับน้ำฟ้าเดินทางถึงภูเก็ตแล้ว เดโชและโสน พ่อแม่ของกฤษดีใจมาก บอกว่าเขากลับมาได้จังหวะพอดีเพราะผู้ช่วยของพ่อเพิ่งตาย พ่อกับแม่ไม่ยอมให้กลับไปอีกแล้วต้องอยู่ช่วยพ่อดูแลสัมปทานรังนกและรีสอร์ตที่เกาะเพราะพ่อไม่ไว้ใจใครนอกจากลูก

แต่ทั้งพ่อและแม่เห็นลูกชายไม่แจ่มใสเท่าที่ควร พ่อจึงพากฤษแยกไปคุย และแม่ก็คุยกับน้ำฟ้า

น้ำฟ้ารู้เรื่องของกฤษกับเมเปิ้ลดี เล่าให้โสนฟังว่าเมเปิ้ลใช้ความเป็นเจ้านายบังคับให้กฤษเป็นแฟนโดยอ้างว่าเพื่อเป็นตัวช่วยไม่ให้ย่าจับแต่งงาน แต่ความจริงแล้วตนดูออกว่าเมเปิ้ลชอบกฤษ

โสนรับไม่ได้ด่าว่าไม่ยอมให้ไก่แก่แม่ปลาช่อนมาจับลูกชายเด็ดขาดเพราะตนหมายตาน้ำฟ้าที่โตมาด้วยกันกับกฤษไว้แล้ว น้ำฟ้าขอบคุณโสน บอกว่าตนโชคดีที่คุณป้าเมตตา

แต่เดโชกลับบอกลูกชายว่าต้องเดินหน้าอย่าถอยหลัง กฤษกลัวว่าเคลียร์ไปจะยิ่งเจ็บปวด ตนคงทำใจไม่ได้ตัดใจจากเมเปิ้ลไม่ได้เพราะเมเปิ้ลไม่ได้ชอบตนเลย เธอถือตนเป็นเพื่อนเล่นเกมเท่านั้น เดโชถามว่าแน่ใจหรือว่าเขาไม่คิดอะไรกับตัวเอง กฤษบอกว่าตนดูจากการกระทำ

“มีบางคนที่การกระทำตรงข้ามกับใจ ดูตัวอย่างแม่แกสิ ปากร้ายกับพ่อ แต่โคตรรักพ่อเลยว่ะ ฮ่ะๆๆ”

กฤษฟังพ่อแล้วคิดหนัก เพราะเขายังไม่เคยได้ยินจากปากของเมเปิ้ลเลยว่ารู้สึกอย่างไรกับตน

เมเปิ้ลถูกคุณย่าเร่งรัดเธอทำปากแข็งยืนยันว่าทำได้ทั้งที่ยังหาตัวกฤษไม่เจอเลย จากนั้นก็ระดมกดโทรศัพท์หากฤษจนเขารับสาย เธอดีใจมากแต่ก็ยังวางฟอร์มถามเสียงนิ่งว่า จะยื่นใบลาออกทำไมไม่ยื่นด้วยตัวเอง กฤษบอกว่าไม่อยากเห็นหน้าเธอ พอดีเสียงน้ำฟ้ามาตามไปทานข้าวกับพ่อแม่ เมเปิ้ลถามว่าเสียงใคร

“น้ำฟ้า แฟนผม ตอนนี้เราอยู่ที่บ้านผม อยากคุยอะไรกับผมอีกหรือเปล่าครับ” เมเปิ้ลอ้ำอึ้ง “ถ้าอย่างนั้นผมวางสายนะครับ”

เมเปิ้ลบอกว่าไม่อนุญาตให้เขาลาออก กฤษบอกว่าถึงไม่อนุญาต ตนก็จะออก

“แล้วเรื่องที่เราเป็นแฟนกันล่ะ”

“รวมเรื่องนั้นด้วยครับ ผมขอโทษ แต่ผมไม่อยากอยู่ใกล้หรือเห็นหน้าคุณอีกแล้ว ถ้าไม่มีอะไรก็แค่นี้นะครับ ลาก่อน” พูดแล้ววางสายปิดเครื่องเลย เมเปิ้ลกำมือถือแน่น พึมพำเครียด...

“มันต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ มันต้องไม่เป็นอย่างนี้สิ ไอ้เด็กบ้า ฉันจะตามไปฆ่าเธอให้ตายคาบ้านเลย คอยดู!!”

ooooooo

เสี่ยพิภพวางแผนใกล้ชิดลินีด้วยการโทร.บอกเธอว่าได้เบาะแสเรื่องแก๊งค้าผู้หญิงและข้อมูลที่น่าสงสัยเกี่ยวกับวายุบุตรแล้ว ลินีรีบออกไปเพื่อพบเขาทันที

วายุจับตาการเคลื่อนไหวของลินีอยู่ พอเห็นเธอขับรถออกไปก็ตามทันที จนเมื่อลินีจะเดินเข้าร้านอาหารที่นัดเสี่ยไว้ วายุก็โทร.เข้ามือถือพร้อมกับเดินตามดูเธอไม่ให้คลาดสายตา

“ลินี ผมอยากคุยกับคุณตอนนี้ เราต้องเคลียร์กัน”

“ไม่สะดวก กำลังจะเข้านอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์” พูดแล้วตัดสายเลย วายุเครียด คิดไม่ถึงว่าเธอจะโกหก

น้ำผึ้งก็กำลังเศร้า ขณะจะเดินเข้าคอนโด ถูกพีศทรรตพรวดเข้าประชิดตัวบอกให้ไปกับตนเดี๋ยวนี้มีเรื่องจะคุย น้ำผึ้งไม่ยอมไป พีศทรรตจึงตามขึ้นไปที่ห้อง เธอบอกว่าจะเข้าห้องตนก็ต้องแต่งงานกันก่อน น้ำผึ้งรุกและอ่อยถึงขนาดนี้ แต่ต้องผิดหวังเมื่อพีศทรรตบอกว่าตนไม่พร้อม แต่เร่งให้รีบขึ้นห้องเพราะบ้านตนอยู่ไกล

“ไม่ให้ขึ้น ต่อไปนี้เราสองคนอยู่ห่างๆกัน แค่ เล่นเกมไม่ต้องลงลึก เมื่อเราสองคนไม่มีอนาคตฉัน ก็จะถอดใจจากคุณ ฉันจะไม่เสียเวลากับคุณ ฉันจะหาเป้าหมายใหม่ คนที่อยากได้ฉัน ง้อฉัน ไม่ใช่ให้ฉันตามง้อแบบนี้ เหนื่อย! เอาล่ะอยากจะคุยอะไรก็ว่ามา พร้อมตอบตรงนี้ ไม่ไปที่อื่น”

พีศทรรตถามว่าคุณแม่มาหาเธอทำไม น้ำผึ้งบอกว่า “มาชวนเล่นแชร์ กลับไปได้แล้ว” พีศทรรตอึ้งไม่เชื่อ

ส่วนน้ำผึ้งพอสะบัดจากเขาไปก็น้ำตาไหลพรากเพราะอกหัก

ooooooo

ลินีไปพบพิภพเห็นเขามีบอดี้การ์ดสองคนยืนอยู่ถามว่าเขาต้องมีบอดี้การ์ดตลอดเวลาเลยหรือ พิภพบอกว่าปกติไม่มีแต่ช่วงนี้ต้องระวังเพราะมีบางคนจ้องทำร้ายตน

พิภพทำทีถามว่าเธอไม่ได้บอกวายุว่ามาพบตนใช่ไหม บอกว่าตนตกใจมากเมื่อรู้ว่าเธอคบหาอยู่กับวายุ แล้วใส่ไฟว่าเดิมทีสิริมาเคยรักอยู่กับตนแต่วายุมาทำลายความสัมพันธ์แย่งเธอไปเพื่อทำลายหัวใจสิริมาซึ่งก็เหมือนทำลายหัวใจตนด้วย

“ทำลายคุณเพื่ออะไร”

“ไม่มีเหตุผล แค่อยากเอาชนะ เขาเป็นแบบนั้นตั้งแต่ไหนแต่ไร ผมเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัย รู้จักเขาดี เขาไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง เมื่อผมรู้ข่าว ผมถึงเป็นห่วงคุณ ไม่อยากให้คนดีๆอย่างคุณเสียใจ”

ลินีฟังอย่างเก็บข้อมูล ขอบคุณตามมารยาทที่เขาปรารถนาดีต่อตน ครู่หนึ่งเธอขอตัวเข้าห้องน้ำ แต่ลืมเอากระเป๋าถือไปด้วย พิภพได้โอกาสส่งสัญญาณให้ลูกน้องเอายานอนหลับใส่ในน้ำดื่มของลินี แต่ไม่พ้นสายตาวายุที่ตามสังเกตการณ์ใกล้ชิด ลินีเข้าห้องน้ำแล้วจะโทรศัพท์จึงรู้ว่าไม่ได้เอากระเป๋ามาย้อนจะกลับไปที่โต๊ะ เจอวายุ พรวดเข้ามาปัดแก้วน้ำหกทันที

ลินีไม่พอใจถามว่าทำอะไรของคุณ วายุชี้หน้าพิภพ “ผมรู้ ผมเห็นทุกอย่าง จำไว้!” แล้วลากลินีออกไป

พิภพเจ็บใจ มองตามสินีไปคิดหาทางแก้เกม

วายุลากลินีออกไปบอกว่ารู้ไหมว่าเธอถูกวางยาพอดีพิภพตามออกมา เธอบอกเขาว่า วายุบอกว่าเขาวางยาตน พิภพด่าวายุว่ากุเรื่องปรักปรำตนทำให้ลินีต้องอับอายในที่สาธารณะ ท้าว่าตนพร้อมพิสูจน์ให้เอาผ้าปูโต๊ะกับแก้วน้ำไปพิสูจน์เลย

“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้องเสียเวลา เพราะฉันเสียเวลากับพฤติกรรมของคุณวายุบุตรมากพอแล้ว ขอโทษนะคะคุณพิภพวันนี้การสนทนาของเราไม่ราบรื่นเสียแล้ว ไว้คุยกันนะคะ” เธอไหว้แล้วลุกไปเลย พิภพมองตามลินียิ้มกริ่มพึมพำสมใจว่า

“ผู้หญิงที่คิดว่าตัวเองเก่ง...มีจุดอ่อนเหมือนกันทุกรายคือ มั่นใจในความคิดของตัวเองมากเกินไป แล้วมันก็จะทำให้ทุกอย่างพัง หึๆๆ”

ด้วยความเป็นห่วงลินี วายุตามเธอไปถูกเธอตบ ตวาดว่าพอกันที ประจานว่าตนถูกวางยาไม่พอยังลากตนถูลู่ถูกังอีกเห็นตนเป็นอะไร วายุบอกว่า “เป็นคนที่ผมรัก และต้องปกป้อง” ลินีไม่เชื่อหาว่าเขาเข้ามาเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง พอไม่ได้ก็หาทางทำทุกอย่างเพื่อให้ได้

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 7 วันที่ 23 เม.ย. 57

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทประพันธ์โดย วัตตรา
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทโทรทัศน์โดย ต้นรัก
ผลิตโดยบริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
กำกับการแสดงโดย อดุลย์ บุญเนตร
นำแสดงโดย จอย ริณลณี , อาเล็ก ธีรเดช, ปอ ทฤษฎี , วิกกี้ สุนิสา , เบนซ์ พรชิตา ,อั๋น วิทยา
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ